- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 August 2019 16:32
- Hits: 2736
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
เลือกหุ้นเข้าเก็บ เมื่อตลาดลงมาทดสอบบริเวณแนวรับ (2)
คาดดัชนีฯ สร้างฐานอยู่ในกรอบ 1675-1690 จุด
โดย Common sense การปรับฐานของตลาดหุ้นไทย และ หุ้นสหรัฐฯ ในรอบนี้ เราเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว ยังไงก็ต้องเกิด...ด้วยระดับ Valuation ที่ไม่สอดคล้องมาตั้งแต่ต้น แต่ราคาหุ้น (alpha) หลายตัวก็ยังเล่นขึ้นได้ด้วย Liquidity driven ซึ่งการปรับฐานในระยะสั้น เชื่อว่า ระดับ 1690/1670 จะมีลุ้นรีบาวด์ได้ (จากคาดตลาดหุ้นไทยมีการเตียมตัวมาแล้วในระดับหนึ่ง ดูรายละเอียด รายงาน Weekly)
กลยุทธ์ แนะนำ เลือกเก็บหุ้น ที่ Valuation ยังอยู่ข้างล่าง และ ไม่ไล่ราคาหุ้นที่ เสี่ยงตกเป็นเป้าหมายในการขาย อย่างเช่น Global play และ หุ้นที่ราคายังลอยค้างอยู่ด้านบน (โดยเฉพาะที่ Overbought ทางเทคนิค)
What to watch:
(0/-) กลุ่มผู้ประท้วงวางแผน ชัตดาวน์ ฮ่องกง วันนี้ ขณะที่สายการบิน ยกเลิกเที่ยวบิน กว่า 140 เที่ยว / คาดสถานการณ์ในฮ่องกง จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ (SE. Asia)
(+) ข่าวการจับกุมตัวคนร้ายวางระเบิด ในพื้นที่ชั้นใน กรุงเทพฯ ได้บางส่วน และ เตรียมขยายผลจับกุมเพิ่มเติมจากหลักฐานกล้องวงจรปิด ซึ่งทำได้อย่างรวดเร็ว เชื่อว่า จะกระทบต่อบรรยากาศลงทุนหุ้นไทย แค่ช่วงสั้น
(+) คาด ธนาคารกลาง ฟิลิปปินส์ และ อินเดีย จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ส่วนไทย (วันพุธ) คาด คงดอกเบี้ยที่ 1.75%
(-) THCOM รายงานงบ 2Q19 กำไรหลัก แย่กว่าเราคาดมาก ทำให้เราต้องปรับกำไรลง...(ดูรายงานวันนี้) / คาดการรายงาน งบ จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นรายตัว ตลอดสัปดาห์นี้ สำหรับ หุ้นที่เรา คาดว่า มีแนวโน้มกำไร จะออกมา ดีกว่าคาด และ โมเมนตั้มกำไรจะดีต่อเนื่อง 3Q-4Q19 แนะนำ ย่อซื้อ TFG EPG TU DOD JKN
หุ้นแนะนำ
เพิ่ม JASIF เข้าพอร์ต Weekly ด้วยเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 8% ต่อปี (ปีนี้) รับสถานการณ์ปัจจุบันที่ ดอกเบี้ยกำลังเปลี่ยนเป็นขาลง บวกกับ ความเสี่ยงตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นจาก ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว คาดหุ้นหลุมหลบภัยปันผลดีจะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ชนะตลาด... ถอด AMATA
รายงานวันนี้
Thai Market Strategy: Key takeaway - Govt's policy guidance
เราได้รับเกียรติจาก ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล (รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง) ซึ่งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐที่น่าจะออกได้ในช่วง 100 วันข้าวหน้า ไว้ดังนี้ ... รัฐบาลยังคงมีงบประมาณราว 1 แสนล้านบาท ที่สามารถใช้ได้ถึงสิ้นปี ซึ่งจะเป็นการใช้ผสมผสานระหว่างโครงการขนาดใหญ่ (โครงการอุดหนุน แม่-เด็ก, สนับสนุนรายได้เกษตรกร, สวัสดิการเพื่อผู้สูงอายุ) และโครงการขนาดเล็ก (โครงการที่ทำงานผ่านธนาคารที่รัฐเป็นผู้ถือหุ้น สนับสนุนดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น) เรื่องการปรับขึ้นค่าแรงยังเป็นสิ่งที่ต้องศึกษา (ต้องมีการพัฒนาฝีมือแรงงานก่อน และใช้การขึ้นค่าแรงเป็นสเตป 3 ปี) สรรพากรอยู่ระหว่างการศึกษาการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลง 10% และที่ขาดไม่ได้คือการดำเนินโครงการ EEC อย่างต่อเนื่อง (โปรดอ่านรายละเอียดในฉบับเต็ม)
Retail Finance: New records anticipated for 2Q19
เราคาด SAWAD จะรายงานกำไร 2Q19 เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ 873 ล้านบาท เติบโต 44% YoY จากการเติบโตของสินเชื่อและ LLP ที่ลดลง ตามมาด้วย JMT (+22% YoY จากการขยายพอร์ต และROI ที่ยังรักษาระดับได้), MTC (+15% YoY จากสินเชื่อและ NIM ที่ขยายตัว), TK (+12% YoY จากNIM ที่ขยายตัว) เรายังคงให้น้ำหนักของกลุ่ม มากกว่าตลาด โดยชอบ SAWAD และ JMT มากที่สุดในกลุ่ม หนุนโดย Valuation ที่ยังถูกรวมถึงมีอัพไซด์จากประมาณกำไรปัจจุบัน
Bank ธปท. ตั้งมาตราฐาน เพดานก่อหนี้ไม่เกิน 70% สำหรับสินเชื่อรายย่อย
ธปท.หารือธนาคารพาณิชย์เพื่อกำหนดมาตราฐานเพดานอัตราการก่อหนี้ (DSR) ได้ไม่เกิน 70% สำหรับสินเชื่อบุคคลประเภทต่างๆ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อการซื้อบ้านและรถยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นบ้านและทะเบียนรถยนต์ค้ำประกัน เราเชื่อว่ากฎ DSR จะทำให้ธนาคารสามารถเพิ่มการอนุมัติวงเงินสินเชื่อและโอกาสการปล่อยกู้ใหม่ได้มากขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากอัตราDRS ของธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ ยังต่ำกว่า 70% เรามองว่า BAY, KKP, TCAP และ TISCO จะมาได้รับผลบวกจากมาตราการ DSR ที่ 70% ที่ธปท. กำหนดและทำให้ธนาคารดังกล่าวสามารถขยายการปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ในจำนวนที่มากขึ้นและมีอัตราการอนุมัติสินเชื่อที่มากกว่าเดิมภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม (total exposure/ECL ไม่เพิ่มมากกว่าเดิม) เราเชื่อว่าข่าวนี้เป็นปัจจัยบวกมากว่าปัจจัยลบ เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ TISCO และ KKP เนื่องจากผลตอบแทนเงินปันผลสูงในกลุ่มประมาณ 7% ในปีนี้
HMPRO ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
แนวโน้มกำไร 3Q19 ดีต่อเนื่อง คาดสามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ โดย SSSG แม้ว่าฐานสูงบวก5.6% YoY ใน 2Q19 แต่มองว่า SSS ยังเติบโตได้ YoY ใน 3Q19 และจะต่อเนื่องใน 4Q19 สำหรับแผนการขยายสาขาปี 2019 เปิด HMPRO 2 แห่ง, MegaHome 2 แห่ง ใน 2H19 และ HomeProS 1 แห่ง เรามองว่าหุ้น HMPRO จะสามารถยืนแกร่งกว่าตลาดได้ในช่วงนี้เนื่องจากตลาดมีภาวะผันผวนแบบขาสั่นค่อนข้างสูง ดังนั้นด้วยลักษณะเด่นเฉพาะของ HMPRO คือ 1) โมเดลธุรกิจมีความทนทานส่งผลต่อกำไรผันผวนน้อยกว่าสภาวะทางเศรษฐกิจ-พิสูจน์มายาวนานจากกำไรที่เติบโตดีเป็นตัวเลขสองหลักYoY,2) หุ้น low beta เพียง 0.9x ทำให้แม้ตลาดรวมลดลง แต่ราคาหุ้นจะ perform ดีกว่า SET, และ 3) มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับน่าสนใจลงทุนที่ PER ปี 2020 เท่ากับ 31.5เท่า เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 19.60 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) JMT CHAYO ทีเอ็มบี รีเสิร์ช" ชี้แบงก์พาณิชย์ทั้งระบบยังทยอยตัดหนี้เสียขายต่อเนื่อง เผยไตรมาสแรกทั้งระบบโละขายกว่า 5 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คาดทั้งปีแตะ 2 แสนล้าน ด้านบริษัทบริหารหนี้ ระบุ ส่วนใหญ่เป็นหนี้บ้านที่นำออกขาย คาดครึ่งปีหลังแบงก์ยังนำออกประมูลเพิ่ม (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
(*) TPIPL ใช้สิทธิอุทธรณ์หลังศาลแพ่งตัดสินให้นำแร่หินปูนถมกลับคืนที่เดิม-ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย 1,671 ลบ. (ที่มา อินโฟเควสท์)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,684.71 (-0.88%) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,675 แนวต้าน 1,690 / SET100 รับ 2,445ต้าน 2,475 BSET100 รับ 10.76 ต้าน 10.88 / BMSCITH รับ 12.35 ต้าน 12.40
กลยุทธ์เทคนิค:
ปัจจัยลบทั้งต่างประเทศและในประเทศรุมเร้า คำถาม:ตลาดลงแค่ไหนถึงจะดึงดูดให้เม็ดเงินลงทุนไหลกลับ? วันนี้นำกราฟ SET Index และ Dividend Yield มาวิเคราะห์ หากย้อนกลับไปจุดตั้งต้นปี 2019 เราได้เผชิญกับความผันผวน ข่าวร้าย เจอจังๆ 2 ครั้ง ครั้งแรกเดือนก.พ.-มี.ค.จากเหตุการณ์ความไม่แน่นอนการจัดตั้งรัฐบาล ดัชนีปรับตัวลงจาก 1670 จุดลงมาที่ 1620 จุดส่งผลให้เงินปันผลของตลาดพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 3.2% ครั้งสองเดือนพ.ค.เนื่องจากข้อพิพาททางการค่าจีน-สหรัฐกลับมารุนแรง ดัชนีปรับตัวลงจาก 1680 มาที่ 1600 เงินปันผลของตลาดปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 3.19% หากวิเคราะห์จากสถานการณ์ปัจจุบัน เงินปันผลของตลาดอยู่เพียงแค่ 3% ดูจะน้อยไปหน่อย
มุมมองตลาด:
ดัชนีปรับลงมาปิดบริเวณแนวรํบที่ให้ไว้ 1680 จุด เปิดต่ำปิดสูง "Hammer" แต่เปิดช่องว่างหรือ Gap ไว้กว้างพอสมควร บ่งชี้แรงขายมหาศาลกดดัชนีให้เปิดต่ำ แต่โครงสร้างระยะกลางมีความเสี่ยงของการเปลี่ยนเป็นขาลง
วิธีการเลือกหุ้น:
ระมัดระวังหุ้นที่ค่าความผันผวนสูง RSI > 70 + ราคาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (10-days EMA) อาจเกิดความเสี่ยงราคาปรับตัวลงแรง แนะขายหรือหลีกเลี่ยง
Bull Signal: KKP,BCPG,EA
Bear Signal: PTTEP,SPRC,LH
Portforlio: Food:TU,TKN,M,TFG Hospital: CHG,PR9 Other:UTP,AOT,WHA,KKP, BCPG,EA แนะถือต่อ
Deleted: ASAP,THCOM,SAT
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
PTTEP (PTTE01P2001B)
แนะนำ ขาย/ Short
รับ 125.00
ต้าน 134.00
เหตุผล PTTEP พบสัญญาณขาย Bear signal มากที่สุดในหุ้นขนาดใหญ่ SET50 ความเสี่ยงการเปลี่ยนโครงสร้างเป็นลง
SPRC
แนะนำ ขาย/ Short
รับ 8.80
ต้าน 9.70
เหตุผล SPRC พบสัญญาณขาย Bear signal มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก PTTEP และโอกาสปรับตัวลงเข้าหาจุดต่ำสุดเดิม 9 บ. หรือต่ำกว่า
LH (LH01P1909A)
แนะนำ ขาย/ Short
รับ 10.00
ต้าน 11.40
เหตุผล LH ลงน้อยแต่เริ่มมีความเสี่ยงเนื่องจากโปรแกรม Trade master จับสัญญาณขาย Bearish หลายชนิดพร้อมกัน