- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 July 2019 17:05
- Hits: 5585
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Market Outlook
• วันนี้เราคาด SET Index เคลื่อนไหวกรอบ 1,705-1,720 จุด โดยมองทางลงเป็นต่อ หลังการแถลงนโยบายรัฐฯ ที่ผ่านมายังขาดความคืบหน้า และมีแรงกดดันจากต่างชาติที่กลับมาขายสุทธิหุ้นไทย
• Market Factor
• (watch) การประชุม Fed ในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยตลาดคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในการประชุมครั้งนี้ที่ Implied Prob. 79% และคาดหวังปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในประชุมครั้งนี้ที่ Implied Prob. 21% และรอการแถลงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโนบายจากประธาน Fed นายเจอโรมพาวเวล
• (watch) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เดินทางไปยังประเทศจีนและจะเริ่มเจรจาในวันที่ 30-31 ก.ค.
• (+) กระทรวงการคลัง เผยในการประชุม ครม.นัดแรก เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง ปี 2562 ของ ธกส. 4 มาตรการโดยเสนอของบประมาณราว7,600 ลบ. สำหรับช่วยลดดอกเบี้ยช่วยเหลือเกษตรกร เริ่มมีผลใช้วันที่ 1 ส.ค.นี้ (เดลินิวส์)
• (-) สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) รายงานตัวเลขนทท.ที่ใช้บริการสมาคมแอตต้า ณ ท่าอาอาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ระหว่าง 1 ม.ค.-20 ก.ค.62 ทั้งสิ้นราว 3.08 ล้านคน ลดลง 10.98%YoY โดยมี นทท.จีนเดินทางเข้ามาสูงสุด 1.78 ล้านคน แต่ลดลง 13.97%YoY ตามด้วยเวียดนาม 1.97 แสนคน ลดลง 0.14% ขณะที่อันดับสาม อินเดีย 1.58 แสนคน เพิ่มขึ้น 4.43%YoY (สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว)
• (Watch) ติดตามการประกาศตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม MPI ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเช้านี้
• (Watch) ระมัดระวัง 16 หุ้น SP ที่ ตลท.อนุญาตให้กลับมาซื้อขายชั่วคราว โดยครบกำหนดระยะเวลาวันพรุ่งนี้ 31 ก.ค.62 จนกว่าบริษัทจดทะเบียนนั้นจะแก้ไขให้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 104.64 บาท หรือลดลง 9.12% Year To Date
• Update Flow เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ต่างชาติพลิกขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4,346.96 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเหลือ 19,722.79 ลบ.
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เราประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index มีโอกาสผันผวนในกรอบ 1,700-1,730 จุดหลังเข้าสู่ช่วงแถลงมุมมองต่อ ศก. และแนวทางการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งล่าสุดจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ตลาดให้น้ำหนักกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้เพียง 0.25% ด้วยความน่าจะเป็น 79% และคาดทั้งปี 62 มีโอกาสลดดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้ง 57.4% แต่ด้วยตัวเลข ศก. สำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาออกมาดีกว่าคาด ทั้งอัตราการจ้างงานนอกภาคเกษตร, ดัชนี PMI ภาคบริการ และ GDP ช่วง 2Q62 อาจส่งผลต่อความเห็นของ FOMC ในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ธนาคารกลางอื่นอาทิ BoJ และ ธปท. คาดคงดอกเบี้ยนโยบายเดิม นอกจากนี้หุ้นไทยยังมีสัญญาณลบจากการที่ต่างชาติกลับมาขายสุทธิสูงกว่า 4,346 ลบ. (ขายสุทธิรายวันสูงสุดในรอบ 9 เดือน) หลังการแถลงนโยบายของภาครัฐฯ ยังไม่มีสัญญาณเชิงบวกตามที่ตลาดคาด กอปรกับ 10Yr- Thai Bond Yield ปรับลงสู่ 1.904% ต่ำกว่า 10Yr US Bond Yield ที่ 2.065% และปัจจุบันซื้อขายด้วย PER ที่สูงราว 18.5x ทำให้ตลาดไทยมีความน่าสนใจลดลง ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังและลงทุนในหุ้นหลัก 2 กลุ่มดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะ ศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขาBigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigCราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต 5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท) DCC (คาดปี 62 โตYoYหนุนด้วยกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้องดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขา ปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมปรับ Business Model แบ่งพื้นที่สาขาให้ธรุกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่าเพื่อเพิ่มช่องทางรับรู้รายได้แก่ บริษัท นอกจากนี้ยังซื้อขายที่ PER15.2X ถูกกว่าทั้ง GLOBAL และ HMPRO) และ ROBINS (แม้ช่วง 2Q62 คาดกำไรหดทั้ง QoQ และ YoY หลังเผชิญ SSSG ที่คาดติดลบราว 0.5-1% แต่คาดราคาหุ้นปรับลงมาเพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้วและคาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะยังโต HoH และโต YoYหนุนด้วยช่วง 4Q62 เป็นช่วง High Season และมีการกลับมาเปิดของ 3 สาขาที่ปิดปรับปรุง)
• กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง 2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.) และ LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)
26-Jul-19 Change (pts.) 25-Jul-19
SET Index 1,717.97 -12.93 1,730.90
SET50 Index 1,131.41 -10.04 1,141.45
SET100 Index 2,510.25 -22.00 2,532.25
High 1,730.08 Gainers 456
Low 1,714.81 Unchanged 437
Value (Bt m) 58,812.11 Losers 1,192
Volume (*000) 20,908,235
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 3.0
EV/EBITDA (x) 11.1 10.2 9.8
FWD PBV (x) 1.9 1.8 1.7
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 11.2 11.4 11.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 26-Jul-19 WTD MTD YTD
Institution (361.21) (5,289.48) (25,265.46) (1,878.00)
Proprietary 418.88 975.64 2,469.55 20,147.49
Foreign (4,346.96) 914.80 19,722.78 60,371.98
Individual 4,289.28 3,399.04 3,073.12 (78,641.47)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary