- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 July 2019 16:57
- Hits: 3765
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : Need to KNOW
Need to KNOW
ปัจจัยต่างประเทศ
ECB คงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุม Week ก่อน แต่มีแนวโน้มว่าจะปรับลดในระยะต่อไปเพราะแนวโน้มศก.ยุโรปอ่อนแอ
+ คาดเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุม Week นี้ โดย CME Group FedWatch ระบุว่ามี Prob. 79.1% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 30-31 ก.ค.นี้ และมี Prob. 20.9% ที่จะลด 0.50%
/+ สหรัฐ : GDP 2Q62 +2.1%YoY ชะลอตัวจาก +3.1% ใน 1Q62 แต่น้อยกว่าที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ +1.9%YoY
+ กำไรบจ.สหรัฐที่ออกมาส่วนใหญ่ดีกว่าคาด ข้อมูลจาก FactSet บ่งชี้ว่าบริษัท 40% ในดัชนี S&P 500 รายงานกำไร 2Q62 ออกมาแล้ว โดย 76.4% รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด
สหรัฐ vs จีนกลับมาเจรจารอบใหม่ในสัปดาห์นี้ แต่ตลาดไม่ได้คาดหวังว่าจะมีความคืบหน้าในทางบวกนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าไม่คืบก็ตามคาด แต่ถ้าคืบหน้าดีกว่าคาดก็บวกต่อตลาด
ติดตามตัวเลขศก.สหรัฐ คือ PMI ภาคผลิตก.ค.สหรัฐที่จะประกาศ 1 ส.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ที่จะออกมาศุกร์ที่ 2 ส.ค.นี้
ปัจจัยในประเทศ
ติดตาม Fund Flow หลังการประชุมเฟด 30-31 ก.ค. ซึ่งคาดว่ารอบนี้จะลดดอกเบี้ย 0.25% และ Moody's ปรับเพิ่มแนวโน้มเครดิตไทยเป็น Positive (เดิม Stable) ทั้งนี้ก่อนหน้า Fitch Ratings ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มเป็น Positive ไปแล้ว
-/+ รายงานผลประกอบการ 2Q62 ของบจ.ไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่างวดนี้อาจไม่ดีนักเพราะสเปรดปิโตรเคมีลดลง, มีขาดทุนในสต๊อกของกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี, มีการตั้งสำรอง Employee benefit ตามกฎหมายใหม่ แต่...ถ้ากำไรบริษัทใดแย่น้อยกว่าคาด/หรือกำไร 2Q หดตัวแรงแต่มีแนวโน้มจะดีขึ้นใน 2H62 ก็จะกลายเป็นจังหวะซื้อเก็งกำไร
หาจังหวะซื้อสะสม REIT เมื่อราคาอ่อนตัว โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยขาลงทำให้หุ้นกลุ่มนี้ยังน่าจูงใจ กองฯเด่นเป็น AIMIRT, DIF, HREIT ส่วน JASIF เราให้เป็น Dark horse ของกลุ่มนี้
+ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลใหม่ คาดว่าจะออกมาหลังจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
กลยุทธ์การลงทุน
สรุปภาพรวม : ช่วงนี้ปัจจัยหลักในตลาด คือ ผลประชุมเฟด,ประกาศกำไร 2Q62 & ปันผลระหว่างกาล, มาตรการกระตุ้นศก.เพิ่มเติม
Update SET Index Target : ระยะสั้นให้ไว้ที่ 1750 จุด และ 12 เดือนข้างหน้า 1810 จุด (+1SD)
ความเสี่ยงหลัก : Sell on fact ทั้งจากผลประกอบการ 2Q62 และหลังการประชุมเฟด, ผลการเจรจาการค้าสหรัฐกับจีนไม่ดี, ปัญหาภัยแล้ง
กลยุทธ์ : เลือกซื้อหุ้นดี ปันผลสูงจังหวะอ่อนตัว แต่มีเงื่อนไขว่าดัชนีต้องไม่หลุดต่ำกว่า 1,700 จุด
การวิเคราะห์เทคนิค - สัญญาณเป็นลบ (SET ปิดใต้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน) การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก โดยมีแนวต้านระยะสั้น 1725-1730, 1740 ค่าลบให้ Wait & See โดยถ้าไม่ต่ำกว่า 1700 ก็ซื้อได้ แนวรับอยู่ในพื้นที่ 1710+/-
หุ้น Top Picks รายสัปดาห์
หุ้นพื้นฐานเด่นสำหรับสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
DIF - การเพิ่มทุน RO สัดส่วน 9.4 : 1 @ 15.90 บาทเพื่อซื้อสินทรัพย์เพิ่มทำให้กองทุนมั่นคงขึ้น และยังสามารถจ่ายปันผลสูงไม่น้อยกว่า 1.04 บาท/หน่วย Yield ราว 6% ต่อปี แนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 18.40 บาท
MINT - คาดกำไร 2Q62F จะโตแรง YoY และฟื้นตัว QoQ หนุนโดยกำไรจาก NH Hotel ที่ฟื้นจากขาดทุนใน 1Q62 (Low season) เป็นกำไรใน 2Q62 ส่วนธุรกิจอาหารยังซบเซาแต่ไม่ขาดทุน แนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 46 บาท
RJH - คาด Core profit 2Q62F +60%YoY จากรายได้ +14% และมาร์จิ้นเพิ่ม 440bps เป็น 32.8% ส่วนกำไรสุทธิ +37%YoY เป็น 60 ล้านบาท(มีสำรอง Employee benefit) แนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท
***หุ้นแนะนำ Week ก่อน คือ DIF, STEC, TKN ให้ Return เฉลี่ย (WoW) เท่ากับ +7.4% ดีกว่า SET ที่ -1.0%***
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค & Research Team - [email protected]