WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้เราคาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ1,720-1,740จุดโดยคาดเห็นแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการของภาครัฐฯ ซึ่งจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันนี้ 
•    Market Factor
•    (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ปรับลง 1.6%DoDและ 1.0%DoD แม้ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง 10.8 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่ตลาดคาด 4.0 ล้านบาร์เรลแต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหลัง IMF ปรับประมาณการณ์ GDP โลกลง 0.1% เหลือโต 3.2% ในปี 62 และโต 3.5% ในปี 63 ทำให้คาดความต้องการน้ำมันในตลาดโลกชะลอลง
•    (-) สำนักงบประมาณเตรียมนำเสนอข้อมูลในการประชุม ครม. วันที่ 30 ก.ค. เกี่ยวกับแนวทางเบิกจ่ายงบเดือน ส.ค. –ก.ย., การใช้งบในช่วงที่งบปี 63 ยังไม่อนุมัติและการนำงบปี 62 ที่จะก่อหนี้ผูกพันไม่ทันและงบส่วนกลางรวม 4 แสน ลบ. เพื่อนำไปใช้ดำเนินโครงการกระตุ้นศก. เร่งด่วนได้ในช่วงปลายปี  (ประชาชาติธุรกิจ)
•    (Watch) จับตาการแถลงนโยบายของ ครม. รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาต่อรัฐสภาวันนี้
•    (-) Consensus  ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 104.77บาท หรือลดลง 9.01% Year To Date
•         Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 57.50ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติซื้อสุทธิรวม 22,768.15 ลบ. 
•    Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้เราประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index มีโอกาส Sideway-Up ในกรอบ 1,720-1,750 จุด โดยมีแรงหนุนหลักจากแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ หลังช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีการเปิดเผยคำแถลงต่อสภาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 25 ก.ค. ที่พูดถึงนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง ซึ่งคาดจะมีรายละเอียดในการดำเนินนโยบายมากขึ้นในภายหลัง ขณะที่ทิศทางของ Fund Flow คาดกลับมาผันผวน หลัง 10Yr- Thai Bond Yield ปรับลงสู่ 1.910% ต่ำกว่า 10Yr US Bond Yield ที่ 2.053% กอปรกับปัจจุบันซื้อขายด้วย PER ที่สูงราว 18.7x ทำให้ตลาดไทยมีความน่าสนใจลดลง นอกจากนี้ยังคาดนักลงทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างติดตามทิศทางการประชุม Fed ในวันที่ 30-31 ก.ค. นี้ (Bloomberg Consensus คาดมีโอกาส 81.5% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ค. และคาดปี 62 มีโอกาส 44.3% ที่จะลดดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้ง) ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นหลัก 2 กลุ่มดังนี้ 
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่าครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท)  DCC (คาดปี 62 โตYoYหนุนด้วยกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้องดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมปรับ Business  Model แบ่งพื้นที่สาขาให้ธรุกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่าเพื่อเพิ่มช่องทางรับรู้ราย ได้แก่ บริษัท นอกจากนี้ยังซื้อขายที่ PER15.2X ถูกกว่าทั้ง GLOBAL และ HMPRO) และ ROBINS (แม้ช่วง 2Q62 คาดกำไรหดทั้ง QoQ และ YoY หลังเผชิญ SSSG ที่คาดติดลบราว 0.5-1% แต่คาดราคาหุ้นปรับลงมาเพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้วและคาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะยังโตHoHและโต YoY หนุนด้วยช่วง 4Q62 เป็นช่วง High Season และมีการกลับมาเปิดของ 3 สาขาที่ปิดปรับปรุง)
•    กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.) และ LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัด   เนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนในHMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่าย      ปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)
 
    24-Jul-19    Change (pts.)    23-Jul-19
SET Index    1,725.44    0.57    1,724.87
SET50 Index    1,138.31    -1.25    1,139.56
SET100 Index    2,525.07    -2.12    2,527.19
 
 
 
High    1,730.71    Gainers       611 
Low    1,720.60    Unchanged    506
Value (Bt m)    52,833.06    Losers  870 
Volume (*000)    19,430,409          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    16.5    15.0    15.0
EPS Growth (%)    13.9    9.3    3.1
EV/EBITDA (x)    11.1    10.2    9.8
FWD PBV (x)    1.9    1.8    1.7
Dividend Yield (%)    3.0    3.3    3.5
ROE    11.2    11.4    11.3
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    24-Jul-19    WTD    MTD    YTD
Institution    36.11    (5,248.59)    (25,224.56)    (1,837.11)
Proprietary    (455.03)    (48.85)    1,445.07    19,123.00
Foreign     57.50    3,960.16    22,768.14    63,417.34
Individual    361.42    1,337.28    1,011.36    (80,703.23)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
 
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!