- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 July 2019 16:25
- Hits: 1940
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
ตลาดเริ่ม เปลี่ยนมุมมองคาด ECB ลดดอกเบี้ยพรุ่งนี้
เมื่อวาน หุ้น กลาง เล็ก ที่ เล่นขึ้นดีกว่าตลาด ได้แก่ PRM TKN TIPCO SKN AU MALEE SABINA SAPPE ICHI ส่วนดัชนีฯเคลื่อนไหว Sideways ตามคาด
วันนี้คาด Sideways ในกรอบ 1719-1735 จุด การประกาศงบของหุ้นใหญ่ อย่าง PTTEP SCC คาดมีโอกาสจะรายงานงบ แย่กว่าที่ตลาดคาด และ ส่งผลต่อแรงขาย Sell into strength ตรงข้ามถ้าอกมาดีกว่าที่คาด ดัชนีฯหุ้นไทย... ได้ไปต่อ แต่ที่สำคัญกว่า คือกลยุทธ์ ในการเลือกลงทุนหุ้นรายตัว มากกว่าการไป โฟกัสที่ดัชนี
สัปดาห์นี้แนวโน้มดัชนีฯ คาดว่าจะเล่นขึ้นได้ดีกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา (กรอบ 1730-1760) จากผลประกอบการ แบงก์ ที่ไม่ได้แย่อย่างที่สะท้อนไปในราคาหุ้น, แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง, สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดยังคงสูง ส่วนกลยุทธ์ ยังคง แนะนำ เลือกลงทุนหุ้น เป็นราย "ธีม"... (ดูหุ้นแนะนำ ตาม Theme ในรายงาน Weekly)
What to watch:
(*) คาดแจ้งงบ วันนี้ PTTEP: BLS research คาดกำไร 2Q 1.2 หมื่นลบ. (+240% y-y, -2% q-q) Bloomberg consensus คาด 1.32 หมื่นลบ. (+269% y-y, +6% q-q) มีความเสี่ยงกำไรสร้างความผิดหวังให้กับตลาด เมื่อพิจารณาจาก Consensus เทียบกับของ BLS
ส่วนงบที่จะแจ้ง 26-29 กค. ได้แก่ PSL มี Upside เพราะเราคาดขาดทุนบางๆ ส่วน Consensus คาด ขาดทุน 13 ลบ. และ SCC Consensus คาดกำไร 9.2 พันลบ. -25% y-y, -21% q-q เราคาดกำไรแค่ 7.7 พันลบ. มี Downside... สำหรับงบที่จะทยอยแจ้งต่อจากนี้ ให้ไปดูเพิ่มเติมในรายงาน Weekly
(0/-) วันศุกร์ คาด GDP 2Q สหรัฐ จะหดตัวแรง เป็นไตรมาสแรก โดยคาด +1.8% จาก 1Q19 ที่เติบโต 3.1% q-q
(+/-) เมื่อวาน EU PMI Composite รายงาน 51.5 ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และ แย่กว่าคาดที่ 51.8 นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ เปลี่ยนมุมมอง คาดวันนี้ ECB มีโอกาสลด ดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.1% เป็น -0.5% ...และการปรับลดดอกเบี้ยของ ECB จะส่งผลลบ "สุทธิ" ต่อกลุ่มธนาคารยุโรป ไปจนกว่าจะถูกชดเชยด้วย การออก EU QE รอบใหม่ ในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า / แต่ในแง่ของไทย คาดส่งผลบวกต่อ Fund in flow และ สภาพคล่องที่จะยังคงพัก อยู่ในสินทรัพย์ ตลาดเกิดใหม่ (ตามที่คาด ดูรายงาน Weekly ฉบับ 15 กค. ท่ผ่านมา)
(0) การประชุมเฟด 31 กค. มติ นักเศรษฐศาสตร์ Bloomberg เป็นเอกฉันท์ ลดดอกเบี้ย 0.25% (เราได้เขียนในรายงาน Weekly มุมมอง MS ไปแล้ว ว่าการลดดอกเบี้ยเท่าไรก็ตาม ไม่ได้สำคัญ ที่สำคัญคือต้องดูว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะต้องดูต่อจากนี้ไป ว่าการลดดอกเบี้ย แล้วจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯกระเตื้องขึ้นได้แค่ไหน ดังนั้นการลดดอกเบี้ยจึง Neutral กับตลาดหุ้นรอบนี้)
หุ้นแนะนำ
MEGA แนวรับ 35.75 ต้าน 37.5/38 Stop loss 35.5
VIBHA ย่อรับ 2.1 ต้าน 2.24 Stop loss 2
รายงานวันนี้
JASIF: Value accretion from Phase II acquisition
JASIF จะมีการลงทุนใน OFC ส่วนเพิ่มอีก 700k core kms ซึ่งคาดเงินลงทุนอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท(RO 2.25 หมื่นล้านบาทและเงินกู้ 1.55 หมื่นล้านบาท) เราประเมินการเข้าลงทุนใน Phase 2 ข้างต้นจะทำให้รายได้ปี 2019 เติบโต 7% YoY และ 2020 โตถึง 63% YoY โดยรวมเราประเมิน DPU (เงินปันผล) เพิ่มขึ้น 7% ในปี 2020, 9.7% ในปี 2021 และ 10.2%-12.6% ในปี 2022-25 เรามีการปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 12 บาทเป็น 14.25 บาท สะท้อน 1) การรวม Phase 2, 2) อัตราค่าเช่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นช่วง 2026-32 จากการขยายสัญญาหลัก 6 ปี สำหรับ Phase 1 และ 3) ค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากการขยายสัญญา Phase 1 อีก 10 ปี
KKP: Cheap valuation, high dividend yield
เรายืนยันคำแนะนำ ซื้อ KKP ราคาเป้าหมาย 77 บาท เพราะคาดบริษัทจะมีกำไรจากการขาย nonperforming assets (NPAs) เพิ่มมากขึ้นจากเดิม 300 ล้านบาท เป็น 550 ล้านบาท (ซึ่งใน 1H19ธนาคารทำกำไรจากการขายไป 254 ล้านบาทแล้ว) นอกจากนี้การบริหารคุณภาพสินทรัพย์ทำได้ดี และรายได้ค่าธรรมเนียม (IB fee) ส่วนใหญ่ที่จะรับรู้รายได้ใน 2H19 จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น ในมุมเงินปันผลเราคาดปีนี้จะจ่าย 5 บาท/หุ้น คิดเป็น yield สูงถึง 6.9%
Residential Property: Aggressive launch with slow feedback
ยอดการเปิดตัวโครงการเดือน มิ.ย. เป็นตัวเลขรายเดือนที่สูงที่สุดตั้งแต่ต้นปี เติบโต 21% MoM และ 147% YoY ในขณะที่ในเชิงมูลค่าเติบโต 16% YoY และ 40% MoM โดยการเติบโตมาจากทุกกลุ่ม ด้านยอดจองซื้อปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 15% ในเดือน พ.ค. มาเป็น 20% โดยรวมใน 1H19 ยอดเปิดตัวโครงการใหม่อยู่ที่ 10% ในขณะที่ยอดจองซื้ออยู่ที่เพียง 29% ดังนั้นเรามองว่ามีความเสี่ยงต่อแผนธุรกิจสำหรับทั้งปีของกลุ่ม เราแนะนำเลือกลงทุน AP (ผู้นำการเติบโตของกำไรในปี 2020), PSH (อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่สุดสำหรับ 1H19), LH (ผู้นำการเติบโตของกำไรใน 2Q19 และมีอัพไซด์จากการขายสินทรัพย์) และ SPALI (มีความชัดเจนของกำไรในระยะยาวมากที่สุด)
Transportation (Ground): Pending projects soon to be finalized; BUY ahead of good news
ทั้ง BTS และ BEM หลายโครงการน่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสัมปทานทางด่วนBEM และสัมปทานรถไฟฟา BTS อีกทั้งโครงการระหว่างรอการประมูล/รอความชัดเจน เช่น รถไฟฟาสายสีส้ม สายสีม่วง มอเตอร์เวย์ และงาน O&M มอเตอร์เวย์ ซึ่งถ้า BTS หรือ BEM สามารถปิดดีลได้ จะส่งผลให้มีการปรับกำไรและราคาเปาหมายขึ้น นอกจากนี้ข่าวการลดค่าโดยสารรรไฟฟาเหลือ 15 บาท/เที่ยว แม้จะสร้างความกังวลระยะสั้น แต่สุดท้ายแล้วหากจะทำจริงก็จะต้องแลกกับการต่อสัมปทานหรือการชดเชยส่วนต่างค่าตั๋ว ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ประเด็นที่เป็นลบ เราชอบทั้ง BTS และ BEM แนะนำ ซื้อ
TCAP ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
การดำเนินงานครึ่งปีหลังกิจการยังเดินหน้าดีต่อเนื่องตามเปา ในส่วนของการขายหุ้นธนาคารธนชาตให้TMB รอสรุปผลและอนุมัติจาก ธปท. โดยเชื่อว่าน่าจะจบปลายปี หลังจากดีลจบ TCAP จะถือหุ้น TMB 20% และรับรู้รายได้เป็นตามสัดส่วนการถือหุ้น เราคาดกิจการจะมีเงินเหลือหลังการซื้อหุ้น TMB เพื่อขยายฐานธุรกิจใหม่ เรามองว่าหุ้น TCAP น่าสนใจทั้งการดำเนินดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง และหากกิจการสามารถขายหุ้นธนาคารธนชาตได้ปลายปี เราคาดกิจการจะมีกำไรพิเศษกว่า 3 หมื่นล้านบาทในการขยายฐานธุรกิจใหม่ๆและจ่ายปันผลพิเศษในปีนี้ เราคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" TCAP
หุ้นมีข่าว
(0) หุ้นขึ้น XD รับปันผลระหว่างกาล 26 กค. [email protected] / 30 กค. [email protected]
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,725.44 (+0.03%) มูลค่าการซื้อขาย 5.2 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,720 แนวต้าน 1,730 / SET100 รับ 2,515 ต้าน 2,535 BSET100 รับ 11.06 ต้าน 11.14 / BMSCITH รับ 12.55 ต้าน 12.70
หัวข้อ :เจาะกระแส Fund Flow ต่างชาติมาแรงช่วงไหน....."
กลยุทธ์เทคนิค:
เจาะกระแส Fund Flow ต่างชาติโชว์ยอดซื้อสะสมรวมทั้งสิ้น 6.3 หมื่นล้านบาทตั้งแต่ต้นปี ตรงข้ามสถาบันในประเทศและนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขาย ย้อนดูเหตุการณ์ต่างชาติเข้ามากว้านซื้อหุ้นเยอะๆ วอลุ่มต่อวันมากกว่า 5 พันล้าน มักจะพบบ่อยเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นถึงจุดต้านหรือจุดรับสำคัญสำคัญ ข้อสมมุติฐานเนื่องจากจะได้ปริมาณหุ้นเป็นกอบเป็นกำนั่นเอง อย่างกรณีล่าสุดเดือนมิ.ย.ดัชนีทดสอบจุดต้าน 1700 ก็จะเป็นนักลงทุนต่างชาติตะลุยซื้อส่งผลให้ดัชนีทะลุผ่านขึ้นไปได้ไม่ยาก ปัจจุบันก็ต้องบอกว่าดัชนีติดจุดต้าน 1750 จุด ก็อาจมีความหวังที่จะเห็นต่างชาติเป็นคนผลักดันให้ดัชนีทะลุขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตามดัชนีก็ควรจะยืนเหนือ 1720 จุดให้ได้เช่นเดียวกัน
มุมมองตลาด:
ดัชนีแกว่งตัวไม่ไปไหนอยู่ในกรอบเหมือนเดิม ขณะที่หุ้นกลาง-หุ้นเล็กกลับมาคึกคักในภาวะตลาดซบเซา แนะระมัดระวังหุ้นที่ถูกไล่ราคาขึ้นไปแรงๆ วอลุ่มสูงขึ้นผิดสังเกตก็จะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง แนะใช้เครื่องมือ Trailing stop เข้ามาช่วยเพื่อปิดความเสี่ยง ด้านซื้อเลือกใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยจับจังหวะซื้อขาย
วิธีการเลือกหุ้น:
เราทำผลทดสอบย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีจันถึงปัจจุบันพบว่า เครื่องมือทางเทคนิคจำพวกเส้นค่าเฉลี่ย เช่น Variable EA Simple EA, Weighted EA และ Exponential EA ค่อนข้างแม่นยำเหมาะสมกับสภาพตลาดในปัจจุบัน
Bull Signal: CHG,PR9,SAT
Bear Signal: ERW,PSH,CBG
Portforlio: Media:PLANB, WORK FOOD:TKN,TU,M BANK:SCB,KKP
Other:ASAP,NER,UTP,AOT,WHA แนะถือต่อ
Deleted: MONO,GUNKUL,ECL
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
CHG (CHG01C2001B)
แนะนำ ซื้อ
รับ 2.20
ต้าน 2.80
เหตุผล CHG พักตัวสร้างฐานนานกว่า 2 เดือน ปัจจุบันพบสัญญาณกลับตัวจากโครงสร้างราคาและวอลุ่มเพิ่มขึ้น ลุ้นทดสอบจุดยอดปลายปี 2018
PR9
แนะนำ ซื้อ
รับ 11.0
ต้าน 12.80
เหตุผล PR9 ปิดสวยเครื่องมือเทคนิคบ่งชี้สัญญาณกลับตัวหลายชนิด ขณะที่โครงสร้างระยะกลางทะลุต้าน หนุนด้วย RSI แสดงความแข็งแกร่งด้านราคา
SAT
แนะนำ ซื้อ
รับ 18.80
ต้าน 20.50
เหตุผล เครื่องมือเทคนิคบ่งชี้สัญญาณกลับตัว หนุนด้วยโครงสร้างราคาปิดสูง ขณะที่ MACD ยืนยันรูปแบบขาขึ้นระยะกลาง ลุ้นขึ้นทดสอบจุดยอดเมื่อต้นปีราคา 20.5