WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

Market View : ยืน 1,600 ยืนยันขาขึ้นรอบใหม่
Technical : แนวรับ : 1,592 /1,585 แนวต้าน : 1,601 / 1,612
หุ้นแนะนำพิเศษ : HMPRO แนวรับ 9.90-10.10 แนวต้าน 10.50/11.20
หุ้นเด่นรายวัน : SYNTEC FORTH

  วันศุกร์ตลาดหุ้นไทยปิดบวกทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 1,600 จุด ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,600.16 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด(+0.51%) มูลค่าการซื้อขาย 44,642.07 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 121.54 ล้านบาท
  แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,553-1,601(ผ่านซื้อเก็งกำไรเพิ่ม แนวต้านต่อไป 1,650) ติดตามการประกาศชุดมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ที่จะประกาศใช้แทนกฎอัยการศึกซึ่งเป็นผลดีต่อนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่อง ในขณะที่ SET50 แท่งเทียนสีขาวสร้างจุดสูงใหม่เป็นสัญญาณบวกแท่งเทียน โดยการเรียงตัวแท่งเทียนยังคงเป็นการแกว่งตัวขึ้นตามSMA5วัน 1,063 แนวต้าน 1,072 / 1,080 ตามลำดับ GFV14 เก็งกำไรในกรอบ 18,730-19,030 GFZ14 เก็งกำไรในกรอบ 18,780-19,080
  กลยุทธ์ ระดับดัชนีที่ปิดยืน 1,600 ขึ้นมาเป็นสัญญาณเชิงจิตวิทยาของตลาด โดยความมั่นใจหรือความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ ประกอบกับการทำราคาปิดรอบบัญชีในหุ้นBig CAP.เริ่มเห็นชัดขึ้น ดังนั้นในระยะสั้นคาดSETมีโอกาสทดสอบ 1,612/(1,650) อาจมีแรงขายทำกำไร กลุ่มธนาคาร TMB BBLซื้อระยะสั้นหรือซื้อถือเพิ่ม กลุ่มอสังหาฯ PRIN CPN KC หุ้นรายหลักทรัพย์ BH HMPRO PTTGC DTAC THANA ระยะกลาง ถือ

หุ้นแนะนำพิเศษ
  HMPRO (ราคาปิด 10.40 ซื้อ เป้าหมาย 12.30 บาท) ยอดขายและผลประกอบมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเปิดสาขาใหม่ ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรสุทธิใหม่ปี 57 ราว 3.5 พันล้านบาทซึ่งเติบโตราว 16% แต่อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นลดลง 9% ตามจำนวนหุ้นปันผลที่เพิ่มขึ้น สำหรับประมาณการกำไรสุทธิปี 58 อยู่ที่ราว 4 พันล้านบาทเติบโต 11% จากประมาณการในปี 57 ส่วนอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นพลิกกลับมาเติบโต 11% ล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายหุ้นปันผลอัตราส่วน 8 หุ้นได้ 1 หุ้นปันผล และเงินสดปันผลหุ้นละ 0.013889 บาท กำหนด XD 21 ต.ค. วันจ่าย 13 พ.ย.(กำหนดประชุมผู้ถือหุ้น 15 ต.ค.เพื่ออนุมัติรายการดังกล่าว)

หุ้นเด่นรายวัน
  SYNTEC (ปิด 2.52 ซื้อเป้าปี 58:3 บาท)คาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่น หลังครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิรวมแล้วกว่า 150 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 782%yoyส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ประกอบกับบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้อีกกว่า 10,000 ล้านบาทรองรับการขยายตัวของรายได้ไปอีก 1-2 ปี
  SAMART (ปิด 31.25 ซื้อเก็งกำไร) แจ้งข่าวดีประกาศได้งานพัฒนาประสิทธิภาพการควบคุมการจราจรทางอากาศของประเทศพม่ารวม 3 สัญญามูลค่า 3.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(120 ล้านบาท) นับเป็นข่าวดีต่อเนื่องหลังจากวันที่ 19 ก.ย.บริษัทประกาศได้งานติดตั้งอุปกรณ์วิศวกรรมสนับสนุนการบริการทางอากาศของท่าอากาศสุวรรณภูมิมูลค่า 460 ล้านบาท(ที่มา : ทันหุ้น)
  FORTH (ราคาปิด 6.65 ซื้อเก็งกำไร) ส่งสัญญาณผลการดำเนินงาน 3Q57 มีแนวโน้มดีกว่า 2Q57 ที่มีรายได้ราว 816 ล้านบาท เพราะมีงานรอบันทึกเป็นจำนวนมาก ผู้บริหารมั่นใจปีนี้จะมีรายได้ตามเป้า 4.5 พันล้านบาท รับเทรนด์สื่อสารขยายตัวแถมธุรกิจตู้เติมเงินสดใส ยิ้มรับโผคูปองดิจิตอลทีวี หนุนยอดขายกล่องกระฉูดแถมบริษัทลูก FSMART ผู้ให้บริการเครื่องรับชำระเงินและเติมเงิน “บุญเติมเคาน์เตอร์เซอร์วิส”จะเข้าเทรด 14 ต.ค.นี้

รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* AJP/ SOLAR / SUPER /VIH มีผลบังคับใช้ 25 ส.ค. - 3 ต.ค.57
* ACD / DIMET / EMC / EVER / GENCO / SST / TAKUNI มีผลบังคับใช้ 1 ก.ย. - 10 ต.ค. 57
* BKD / CSS / SUPER-W1 / TFI มีผลบังคับใช้ 8 ก.ย. - 17 ต.ค. 57
* ABC / BMCL / E / EE / KC / MAX / NUSA / RASA / RPC / SEAOIL / SPVI มีผลบังคับใช้ 15 ก.ย. - 24 ต.ค. 57
* CHUO / CKP / EIC / GUNKUL / MILL-W2 / MLINK / PAE / PF / TCC / XO มีผลบังคับใช้ 22 ก.ย. - 31 ต.ค. 57
* AQ / CYBER / IFEC / KTP / PRINC/ SLC / TGPRO / WIIK มีผลบังคับใช้ 29 ก.ย. - 7 พ.ย. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : เพิ่มขึ้น 167.35 จุด
  ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 167.35 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่กระทรวงพานิชย์สหรัฐปรับเพิ่มประมาณการณ์ GDP ไตรมาส 2/57 ของสหรัฐขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.2% เป็น 4.6% ดีขึ้นจากไตรมาส 1/57 ที่หดตัว 2.1% และนับเป็นอัตราการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐช่วงท้ายเดือนก.ย.ซึ่งทำการสำรวจโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 84.6 ในเดือนก.ย. จาก 82.5 ในเดือนส.ค. ทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 167.35 จุด หรือ 0.99% ที่ระดับ 17,113.15 ดัชนี S&P 500 บวก 16.86 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 1,982.85 ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 45.45 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 4,512.19 จุด

ตลาดน้ำมัน NYMEX : เพิ่มขึ้น1.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
  ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดได้แรงหนุนเช่นเดียวกับตลาดหุ้นวอลสตรีทคือนักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่กระทรวงพานิชย์สหรัฐปรับเพิ่มประมาณการณ์ GDP ไตรมาส 2/57 ของสหรัฐขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.2% เป็น 4.6% ดีขึ้นจากไตรมาส 1/57 ที่หดตัว 2.1% และนับเป็นอัตราการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 รวมถึงตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของสหรัฐในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 84.6 จาก 82.5 ในเดือนส.ค.ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 93.54 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.ไม่เปลี่ยนแปลงโดยปิดที่ 97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]
Assistant - ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!