WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้เราคาด SET Index แกว่งในกรอบแคบ 1,730-1,740 จุด หลังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ในวันที่ 25 ก.ค. นี้
•    Market Factor
•    (-) ดัชนี S&Pและดัชนี DJIA คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับลง ตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ชะลอตัวลง 
•    (+) สำนักเลขาฯ คณะรัฐมนตรี ออกหนังสือด่วนเรื่อง การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภา ที่จะมีขึ้นวันที่ 25 ก.ค.นี้ ทั้งนี้มีเนื้อหาส่วน 12 นโยบายเร่งด่วน ความครอบคลุมเรื่อง การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน, การเสริมสร้างศักยภาพแรงงาน,การให้ความช่วยเหลือภาคเกษตร และการวางรากฐานระบบเศรษฐกิจสู่อนาคตผ่านการลงุทนระบบโครงสร้างพื้นฐาน  (กรุงเทพธุรกิจ)
•    (+) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) แนวโน้มการท่องเที่ยวยังขยายตัว โดยมีจำนวนนทท.ต่างชาติรวม 19.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.7%YoY และมีรายได้ราว 1.01 ล้านล้านบาท ขยายตัวราว 0.3%YoY ขณะที่ข้อมูลล่าสุดในช่วงวันที่ 1-14 ก.ค.62 มียอดนทท.ต่างชาติราว 1.47 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.42%YoY (ประชาชาติธรุกิจ)
•    (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 104.81บาท หรือลดลง 8.97% Year To Date
•         Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติพลิกขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย869.55 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติซื้อสุทธิรวม18,807.99 ลบ. 
•    Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้เราประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index มีโอกาส Sideway-Up ในกรอบ 1,720-1,750 จุด โดยมีแรงหนุนหลักจากแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ หลังช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีการเปิดเผยคำแถลงต่อสภาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 25 ก.ค. ที่พูดถึงนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง ซึ่งคาดจะมีรายละเอียดในการดำเนินนโยบายมากขึ้นในภายหลัง ขณะที่ทิศทางของ Fund Flow คาดกลับมาผันผวน หลัง 10Yr- Thai Bond Yield ปรับลงสู่ 1.910% ต่ำกว่า 10Yr US Bond Yield ที่ 2.053% กอปรกับปัจจุบันซื้อขายด้วย PER ที่สูงราว 18.7x ทำให้ตลาดไทยมีความน่าสนใจลดลง นอกจากนี้ยังคาดนักลงทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างติดตามทิศทางการประชุม Fed ในวันที่ 30-31 ก.ค. นี้ (Bloomberg Consensus คาดมีโอกาส 81.5% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ค. และคาดปี 62 มีโอกาส 44.3% ที่จะลดดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้ง) ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นหลัก 2 กลุ่ม ดังนี้ 
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้นศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท)  DCC (คาดปี 62 โตYoYหนุนด้วยกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้องดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมปรับ Business  Model แบ่งพื้นที่สาขาให้ธรุกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่าเพื่อเพิ่มช่องทางรับรู้ราย ได้แก่ บริษัท นอกจากนี้ยังซื้อขายที่ PER15.2X ถูกกว่าทั้ง GLOBAL และ HMPRO) และ ROBINS (แม้ช่วง 2Q62 คาดกำไรหดทั้ง QoQ และ YoY หลังเผชิญ SSSG ที่คาดติดลบราว 0.5-1% แต่คาดราคาหุ้นปรับลงมาเพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้วและคาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะยังโต HoH และโต YoY หนุนด้วยช่วง 4Q62 เป็นช่วง High Season และมีการกลับมาเปิดของ 3 สาขาที่ปิดปรับปรุง)
•    กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.) LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่อง จากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)
 
    19-Jul-19    Change (pts.)    18-Jul-19
SET Index    1,735.10    11.66    1,723.44
SET50 Index    1,147.90    7.53    1,140.37
SET100 Index    2,546.55    17.70    2,528.85
 
High    1,738.70    Gainers       1,026 
Low    1,732.16    Unchanged    401
Value (Bt m)    61,925.48    Losers 559 
Volume (*000)    18,943,081          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    16.6    15.1    15.1
EPS Growth (%)    13.9    9.3    3.1
EV/EBITDA (x)    11.1    10.3    9.8
FWD PBV (x)    1.9    1.8    1.7
Dividend Yield (%)    3.0    3.2    3.5
ROE    11.2    11.4    11.3
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    19-Jul-19    WTD    MTD    YTD
Institution    1,956.46    (5,220.30)    (19,975.97)    3,411.48
Proprietary    625.35    1,553.25    1,493.92    19,171.85
Foreign     (869.55)    2,438.91    18,807.98    59,457.18
Individual    (1,712.27)    1,228.14    (325.92)    (82,040.51)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
 
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!