- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 July 2019 16:30
- Hits: 2767
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
หาหุ้นที่คาดจะมี Earings positive surprise แบบ DTAC
เมื่อวานหุ้นที่ราคาลอยอยู่ด้านบน เช่น โรงไฟฟา, หมู-ไก่, และ หุ้นในดัชนีฯ MAI เช่น JKN DOD SEAOIL ถูกขายแรง ลงแย่กว่าตลาด โดยแรงขายเมื่อวานมาจากฝั่งสถาบันในประเทศ 3.4 พันลบ. ขายต่อเนื่องหนัก มาเป็นวันที่ 3 คาดเป็นการขายปรับพอร์ตของกองทุนเพื่อเปลี่ยนตัวลงทุน / ขายเพื่อมารอรับคืนที่ข้างล่าง
ส่วนหุ้นบวกสวนตลาดเมื่อวาน ได้แก่ TRUE INTUCH DTAC (Flow rotation ออกจาก ไฟฟา ไปพักในกลุ่ม Defensive บวกกับงบ DTAC ดีกว่าคาดจาก รายได้ค่าบริการที่พุ่งขึ้น หนุนความมั่นใจต่องบในหุ้นมือถืออีก 2 ค่ายที่เหลือ)
วันนี้คาด ดัชนีฯพักตัวลงต่อ ตามแรงขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์ ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงต่อเนื่อง (เรา Underweight กลุ่ม Global play)
กลยุทธ์แนะ เลือกลงทุนรายตัว เน้นหุ้นที่ราคายังอยู่ข้างล่าง และมีลุ้น Earings positive surprise แบบ DTAC และ เลือกหุ้นเล่นรับ นโยบาย ครม.ใหม่ เช่น กัญชาเสรี DOD (งบครึ่งปีหลัง เติบโตดี), มาตรการลดภาษีต่างๆ, การเติมเงินให้ประชาชน, ทยอยขึ้นค่าแรง เป็นบวกหุ้นอุปโภคบริโภค...แนะเลือกตัวที่ยังไม่ขึ้น หรือ Underdog เมื่อเทียบกับกลุ่ม เช่น DDD ROBINS GLOBAL COL MEGA TACC SF
สัปดาห์นี้คาดตลาดประคองตัวในกรอบ 1720-1760 จุด ตราบใดที่สภาพคล่องยังคงสูง และแรงซื้อบนความคาดหวัง เฟด ลดดอกเบี้ย บวกกับ ธ.กลางสำคัญส่งสัญญาณ QE ตามที่ MS คาดและ แนะนำ ให้ถือ EM Asset ไว้ก่อน เราคาด กลยุทธ์ การหมุน หุ้นเล่น รายตัว เน้นตามประเด็นการลงทุน (Theme) จะเป็นกลยุทธ์ ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า การโฟกัสไปที่ งบ 2Q
What to watch:
(+) สัปดาห์นี้คาด ธนาคารกลางเกาหลีใต้ จะลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.5% และธนาคารกลางอินโดนีเซีย จะลดดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.25% เหลือ 5.75% สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ที่ชะลอตัว และต้องการลดแรงกดดันอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าเพื่อหนุนการส่งออกที่ย่ำแย่ เช่น อินโดนีเซีย จะรายงานส่งออก ติดลบต่อเนื่อง -8.7% y-y สุดท้ายเราคาดว่า การประชุม กนง.จะมีการลดดอกเบี้ยภายใน 3Q19
(*/0) แบงก์ชาติส่งสัญญาณไม่ลดดอกเบี้ย...ผู้ว่า ชี้ดอกเบี้ย 1.75% ต่ำสุดแล้ว
หุ้นแนะนำ
TFG ดุรายงานวันนี้ (เรา Upgrade ราคาเปาหมายและกำไร ขึ้น)
รายงานวันนี้
Thai Market Strategy: Scanning for the interim dividends
เราประเมินว่าจะมีหุ้นทั้งหมด 15 บริษัทจากหุ้นทั้งหมด (ประมาณ 60% มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล) ที่เราดูแลที่จะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลและให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอย่างน้อย 2% (3 บริษัทที่คาดจะเกิน 3%) โดยกลุ่มหลักๆจะเป็น Property, Automotive, ICT และ Food
อัตราการจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกโดยปกติจะน้อยกว่าครึ่งปีหลัง โดยเราคาดอัตราการจ่ายเงินปันผลของครึ่งปีแรกที่ 37% เทียบกับทั้งปีที่ 49% จากหุ้นทั้งหมดที่เราดูและคาด 43% จะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลใน 1H19 มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่คาดเงินปันผลระหว่างกาลรวมทั้งหมดจะลดลง 20% YoY จากกำไรที่คาดลดลง 15% YoY
เรามองว่าจากการที่ Fed อาจจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงในระดับที่น้อยกว่าที่ตลาดคาดอาจจะทำให้ความน่าสนใจของการลงทุนธีมเงินปันผลลดลงไป
JKN: มุมมองอัพเดทหลังการประชุมนักวิเคราะห์ เมื่อวาน
เราคงประมาณการณ์กำไรปีนี้ที่ 285 ล้านบาท +25% y-y ส่วนแนวโน้มงบ 2Q19 คาดกำไรจะทรงๆ y-y, q-q โดยคาดราว 70 ลบ. (1Q19 กำไร 80 ลบ., และ 2Q18 กำไร 68 ลบ.)
ประเด็นในการลงทุน: (1) ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงเมื่อวาน สะท้อน PE ปี 19 เหลือ 16 เท่า (-1SD) ถูกสุดตั้งแต่เข้าตลาด, สวนทางกับกำไรในปีนี้ที่คาดว่าจะ เติบโต สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (2) ปันผลที่เราคาดปีนี้ราว 0.21 บ. มี Upside ที่จะจ่ายได้มากกว่าคาด กรณ๊ "realistic case" ปีนี้อาจขยับ Payout ratio ไปที่ 60-70% คิดเป็น DPS ราว 0.32-0.37 บ./หุ้น (Div Yld 3.7-4.3%) (3) การขาย Content ใหม่ในปีนี้ ที่นอกเหนือจากละครไทย คือ รายการ Life Stlye ที่ร่วมกับเครือ AMARIN (ช่องทีวีของกลุ่ม คุณเจริญ สิริวัฒภักดี) โดยจะเริ่มโรดโชว์ ไปกับงานใหญ่ที่ร่วมขาย ละครไทย ที่ ฝรั่งเศส 3Q นี้ (งานใหญ่ประจำปี "MIPCOM")
เราคงคำแนะนำ ซื้อ โดยราคาหุ้นที่ลงแรงเมื่อวาน สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น เรามองเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ ด้วย PE ถูกสุด -1SD
TFG: Further earnings upgrade and target price re-rating
เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อประมาณการกำไรใน 2Q19 โดยเราคาดกำไรหลักที่ 514 ล้านบาท (ก่อนหน้านี้คาด 464 ล้านบาท) โดยจากมุมมองของครึ่งปีแรกที่ดีกว่าคาดนั้นเรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2019 ขึ้น 39% มาที่ 1.65 พันล้านบาท ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ สำหรับประเด็นที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงมาจาก 2 เรื่องคือ 1) ราคาหมูปรับตัวลงมาจาก 74 บาท เป็น 70 บาท เรามองว่าเป็นแค่ปัจจัยด้านฤดูกาลระยะสั้นในช่วงที่ฝนตก และ 2) ข่าวลือเรื่องการระบาดเข้ามาในไทยของ ASF แต่จากการที่เราตรวจสอบยังไม่พบการระบาดในประเทศไทย เรามีการปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 7.02 บาท และมองการปรับตัวลงของราคาเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
VRANDA: Bottom fishing
เรามองกำไร 2Q19 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีที่ กำไร 7 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นการดำเนินงานที่ดี เพราะไตรมาส 2 เป็น low season ในขณะที่การดำเนินงานจะเริ่มดีขึ้นในช่วง 2H19 และจะไปโดดเด่นในปี 2020 ซึ่งเราคาดกำไรจะโตถึง 54% จากการรับรู้รายได้การโอน Veranda Residence Hua Hin ดังนั้นเราจึงมองโอกาสที่งบ 2Q19 อ่อนแอเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท
IVL: Expect strong QoQ core profit rise for 2Q19 (but a weaker QoQ NPAT)
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q19 ที่ 3.5 พันล้านบาท (ลดลง 58%YoY และ 7%QoQ เพราะ inventory loss) ขณะที่กำไรหลักคาดที่ 5.5 พันล้านบาท (ลดลง 22%YoY แต่เพิ่มขึ้น 46%QoQ เพราะส่วนต่างกำไรที่ลดลง PET และ MEG) มองไปใน 3Q19 ซึ่งปกติเป็น low season อยู่แล้ว แต่เราคาดบริษัทจะมีกำไรหลักที่เพิ่มขึ้น QoQ ได้เพราะปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากโรงงาน EOEG และ Auriga ที่เข้ามาเต็มไตรมาส ปัจจุบันหุ้นเทรดเพียง PE 10 เท่า แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 68 บาท
DELTA: Weak 2Q19 expected; better numbers in 2H19
เราประเมินกำไรหลัก 2Q19 ที่ 880 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 32% YoY และ 20% QoQ โดยยอดขายยังคงปรับตัวได้ดีทั้ง YoY และ QoQ แต่อัตรากำไรถูกดดันจาก 3 ปัจจัยหลักคือ 1) ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น(ในช่วงหลังมีผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจาก Delta Taiwan เข้ามาซึ่งส่วนใหญ่เป็นสกุลUS$), 2) สัดส่วนสินค้า low-end ที่มากขึ้นเนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมในตลาดโลกที่ยังเผชิญกับแรงกดดันต่อเนื่อง และ 3) ลูกค้าใหม่รวมถึงคำสั่งซื้อใหม่ที่เข้ามาในช่วงแรกมีปริมาณที่น้อยทำให้ไม่เกิดการประหยัดต่อขนาด เรามีการปรับประมาณการกำไรทั้งปีลง 19% และปรับราคาเป้าหมายลงจาก 70 บาทเป็น 60 บาทยังคงคำแนะนำ ถือ
หุ้นมีข่าว
(+) LOXLEY ประธานบอร์ดสลากฯ เตรียมพิจารณาออกสลากรูปแบบใหม่ 24 ก.ค. นี้ (ใกล้ครบกำหนด นับตั้งแต่วันที่ มีข่าวการตั้ง คกก.ขึ้นมาเพื่อ ศึกษา คาดจะเห็นข้อสรุปจากผลศึกษาสัปดาห์หน้า) ที่มา ASEN)
(*) ททท.เร่งหารือสู้บาทแข็ง-ทุบท่องเที่ยว แบงก์ชาติค้านลดดอกเบี้ย-ไทยต่ำสุดในภูมิภาคแล้ว ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติชี้ลดดอกเบี้ยนโยบายไม่ทำให้เงินบาทแข็งค่า เพราะดอกเบี้ยไทยมองว่าต่ำสุดในภูมิภาคอยู่แล้ว ควรใช้มาตรการอื่นเหมาะสมกว่า ซึ่งแบงก์ชาติออกแผนดำเนินการไปแล้ว ด้านททท.เตรียมหารือรัฐมนตรีคนใหม่สู้วิกฤตค่าเงินทำต่างชาติเมินเที่ยวไทย (ที่มา ข่าวสด)
(+) 'สุริยะ' ชูนโยบายด่วน ดัน 12 อุตฯเปาหมาย-ช่วยเอสเอ็มอี (ที่มา ข่าวสด) ด้านประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำนั้นรัฐบาลใหม่ค่อย ๆ ทยอยปรับภายใน 3-4 ปีเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายหาเสียงในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400-425 บาทต่อวัน โดยช่วงนี้ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของคณะกรรมการไตรภาคีไปก่อนและเมื่อเข้าสู่ภาวะที่เศรษฐกิจดีโรงงานอุตสาหกรรมมีคำสั่งซื้อหรือออร์เดอร์จากลูกค้าจำนวนมากก็อาจปรับขึ้นอย่างจริงจังก็ได้เพื่อให้ผู้ประกอบการและแรงงานอยู่รอด เบื้องต้นเชื่อว่าช่วง 3-4 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจไทยคงสู่ภาวะฟื้นตัวแน่นอน (ที่มา เดลินิวส์)
(+) ชงขนคลังเคาะกองทุน หวังใช้แทนแอลทีเอฟ นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า ขณะนี้ เฟทโก้เตรียมเสนอข้อมูลเร่งด่วนให้กับนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง คนใหม่พิจารณา โดยเฉพาะประเด็นของกองทุนรูปแบบใหม่ เพื่อที่จะเข้ามาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่จะหมดอายุสิ้นปี 62 เบื้องต้นกองทุนรูปแบบใหม่จะให้สิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีแก่ผู้ที่มีรายได้ปานกลาง และผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น คาดว่าจะเสนอข้อมูลในช่วงต้นเดือน ส.ค.62 เพื่อให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ก่อนที่จะบังคับใช้ได้ในปี 63 ขณะเดียวกันจะเร่งผลักดันกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อให้เป็นกฎหมายมีผลภาคบังคับ เนื่องจากที่ผ่านมามีการพิจารณาในขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว แต่วาระดังกล่าวไม่ได้มีการพิจารณา เพราะหากเป็นกฎหมายภาคบังคับ จะช่วยให้ประชาชนมีเงินใช้จ่ายหลังเกษียณ หลังจากที่ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงของสังคมผู้สูงวัยมากขึ้น (ที่มา เดลินิวส์)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,718.85 (-0.53%) มูลค่าการซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,710 แนวต้าน 1,725 / SET100 รับ 2,515 ต้าน 2,530 BSET100 รับ 11.05 ต้าน 11.15 / BMSCITH รับ 12.88 ต้าน 12.98
Topic: "Guru Modle Portforio"
กลยุทธ์เทคนิค:
วันนี้ขอพูดถึงเทคนิคการสร้างกลยุทธ์การลงทุนแบบฉบับของเราเองจะเป็นแนวพื้นฐาน เทคนิคหรือผสมก็ได้หมด ซึ่งโปรแกรม Trade master จะมีฟังชั่นให้ใส่เงื่อนไขต่างๆเรียกได้ว่าจัดมาครบจบขบวนท่า จากชาร์ตด้านบนจะขอยกตัวอย่างการจัดพอร์ต 2 แบบ 1.หุ้นปันผล Dividend Play 2.Can Slim ของกูรูชือดัง วิลเลี่ยม โอนีล พบว่าหากลงทุนแบบ 2 จะชนะตลาดได้อย่างดีเยี่ยม แม้ลงทุนแบบหุ้นปันผลจะได้กำไรน้อย หากปรับเงื่อนไขบางอย่างเช่น จังหวะการซื้อพร้อมกับลดค่าปันผลลงไปหน่อย ก็ไม่แน่ผลตอบแทนจะกลับมาชนะตลาดได้ไม่ยาก สำหรับนักลงทุนท่านใดที่อย่ากจะทราบว่ากลยุทธ์ของเราจะเจ๋งแค่ไหน ลอง Test ดูได้ครับ
มุมมองตลาด:
ดัชนีปิดต่ำกว่าแนวรับ 1720 จุด เพิ่มความเสี่ยงการปรับฐานระยะสั้น โครงสร้างราย 120 นาทีชี้ว่าดัชนีทำจุดสูงสุดใกล้กัน 1745 รูปแบบ Double top บ่งชี้การกลับตัวเป็นลง กรณีหลุด 1720 จุดจะลงมาทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1700
วิธีการเลือกหุ้น:
เราทำผลทดสอบย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีจันถึงปัจจุบันพบว่า เครื่องมือทางเทคนิคจำพวกเส้นค่าเฉลี่ย เช่น Variable EA Simple EA, Weighted EA และ Exponential EA ค่อนข้างแม่นยำเหมาะสมกับสภาพตลาดในปัจจุบัน
Bull Signal: ECL,MONO,GUNKUL
Bear Signal: CKP,EA,CENTEL,BEAUTY
Portforlio: ICT: SAMART, TRUE Shipping:TTA,PSL
Media:PLANB,MACO,WORK
Other:AOT,ASAP,NER,COL,TU
Deleted: HUMAN,BR,MARKO,NETBAY,VGI,BEC
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
ECL
แนะนำ ซื้อ
รับ 1.79
ต้าน 2.00/2.20
เหตุผล ECL จ่อทะลุกรอบสามเหลี่ยม ขณะที่โครงสร้างระยะกลางดีดกลับบริเวณแนวรับที่แข็งแกร่งยืนยันด้วยค่า RSI ปรับขึ้น
MONO
แนะนำ ซื้อ
รับ 1.92
ต้าน 2.30-2.40
เหตุผล MONO วอลุ่มโดดเด่นเริ่มปรับตัวขึ้นตามหุ้นผู้นำ ขณะที่โครงสร้างระยะกลางบ่งชี้จุดต่ำสุดผ่านพ้นไปแล้วเกิดภาพ "Divergence"
GUNKUL
แนะนำ ซื้อ
รับ 3.06
ต้าน 3.50
เหตุผล วอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับราคาทดสอบจุดต้านระยะสั้น 3.20 บ. กรณีทะลุผ่านจะส่งผลให้ราคาวิ่งขึ้นแรงไปสู่จุดต้านถัดไปที่ 3.50