- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 April 2019 16:49
- Hits: 1631
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ต่างประเทศมีทั้งบวกและลบคละเคล้า
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +12.75 จุด ปิดที่ 1673.20 จุด มูลค่าการซื้อขายกระเตื้องขึ้นที่ 53 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราปรับขึ้นดีกว่าเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ เพราะปัจจัยต่างประเทศดีขึ้นทั้งผลประกอบการสหรัฐ ราคาน้ำมัน ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน เม.ย. บอนด์ยิลด์ 10 ปีปรับขึ้นเป็น 2.589%ดัชนีความกังวล (Vix) ลดลง อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาดีเกินคาด ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 3.3 พันลบ. พอร์ตโบรกเกอร์ 1.3 พันลบ. ผู้ขายสุทธิเป็น นักลงทุนทั่วไป 4.4 พันล้านบาท และต่างชาติ 0.2 พันล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเป็น 9.2 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาส Sideways ต่างประเทศอ่อนลง ดาวโจนส์ปรับลงเล็กน้อย ที่สหรัฐร่างกฎหมาย “ Medical for All” ทำให้หุ้นประกันสุขภาพร่วง และน้ำมันปรับลง เพราะกังวลรัสเซียและโอเปกอาจเพิ่มกำลังการผลิต แต่แรงบวกที่มาชดเชยคือ ผลประกอบการสหรัฐออกมาดี สหรัฐประกาศขาดดุลการค้า ก.พ.ลดลงและจีนมีตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น เพื่อนบ้านเช้านี้ Mix และดาวโจนส์ล่วงหน้าบวกเล็กน้อย
# ภาพใหญ่ที่ดีคือ เจรจาการค้าคืบหน้า เฟดผ่อนคลายนโยบายการเงิน จีนอัดฉีดสภาพคล่องและส่งออกดีเกินคาด และเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q62 ประเดิมด้วยกลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้ เม็ดเงินเข้าจาก MSCI และกระทรวงการคลังเตรียมออกมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย สำหรับปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ การเมืองไทย และการแก้ปัญหา Brexit
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1680-1690 จุด แต่หากกลับมีแรงขาย แนวรับเป็น 1645,1640 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง หากดัชนีต่ำกว่า 1655 จุด จะเป็นจุดตัดขาดทุนในระยะสั้น ปัจจัยลบคือ ทยอยปรับลด GDP ไทย ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่ P/E 16.7 เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-y แนะนำทยอสะสมหุ้นพื้นฐานดีหุ้น Top Pick ในงวด 2Q62 คือ AMATA,BBL,ERW,KKP,STEC
# Stock Pick Today : BBL ประกาศเป้าหมายธุรกิจปี 62 ตั้งเป้าสินเชื่อโต 4-6% เน้นสินเชื่อรายใหญ่ ส่วน NIM คาดว่าจะเพิ่มเล็กน้อย รายได้ค่าธรรมเนียมโต5% จากธุรกิจบลจ.และประกัน ส่วนการจับมือกับ AIA ยังทำรายได้ไม่มากและต้องใช้เวลาอีกระยะจึงจะให้รายได้ค่าธรรมเนียมเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ยังได้ประโยชน์จากการลงทุนที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะ mega project คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 250 บาท อิงกับ Gordon growth model หรือเทียบเท่ากับ P/BV ปี 62 ที่ 1.1 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 18%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆต่อ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆต่อก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1680 (หรือ 1690)จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1655”}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ THANI,PTG,AUCT,AU หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ
GOLD,MEGA,HMPRO,KBANK,SEAFCO,GLOBAL,PTL,ESSO,BJC,JMT,AOT,PLANB หุ้นที่หลุด List - ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือBBL,BGRIM,GFPT,BCPG,TISCO,AP,VGI
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ROJNA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.12)
STOCK in Focus : DRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.50)
Flash Note : SIRI (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 1.13)
In The News : กลุ่มสื่อสาร
RCI (NR -ราคาพื้นฐาน ไม่มี)
Turnover List Watch : PIMO และ PIMO-W1 ติด Cash Balance SISB ไม่ถูกขยายเวลา
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : ร่างกฎหมาย "Medicare for All" ทำให้หุ้นด้านสุขภาพและประกันสุขภาพร่วง
# วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส นำเสนอร่างกฎหมาย "Medicare for All" หรือประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและประกันสุขภาพ โดยหุ้นไฟเซอร์ ดิ่งลง 2.5% หุ้นเมิร์ค แอนด์ โค ร่วงลง 4.7%
+ สหรัฐ: ผลประกอบการบริษัทออกมาสดใส
# ธนาคารมอร์แกน สแตยลีย์ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 1.39 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ1.17 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งรายงานดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.6% หุ้นเป๊ปซี่โค พุ่งขึ้น 3.7%หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 1 ที่ระดับ 97 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 92 เซนต์/หุ้น และหุ้นควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 12.2% ขณะที่หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 1.9%หลังจากทั้งสองบริษัทประกาศยกเลิกการฟ้องร้องคดีความทั้งหมด
+ สหรัฐ : ตัวเลขขาดดุลการค้า ก.พ.ต่ำสุดตั้งแต่ มิ.ย.61
# สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 3.4% สู่ระดับ 4.94 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นตัวเลขขาดดุลการค้าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ขณะเดียวกันสหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนลดลง 28.2% ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 2.48 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากยอดการส่งออกไปยังจีนพุ่งขึ้น 18.2% และยอดการนำเข้าจากจีนดิ่งลง 20.2%
+ จีน: ตัวเลข GDP ค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ดีกว่าคาด
# วานนี้จีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มเติมออกมาดี จากการปรับตัวของจีนและอีกส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากฐานที่ต่ำด้วยได้แก่
- GDP 1Q62 +6.4% ดีกว่าตลาดคาด +6.3%
- ตัวเลขค้าปลีก มี.ค.+8.7% ดีกว่าตลาดคาด 8.3%
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม มี.ค. รายงานที่ +8.5% ตลาดคาด +5.9%
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลงเล็กน้อย หลังหุ้นประกันสุขภาพร่วง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,449.54 จุด ลดลง 3.12 จุด หรือ -0.01% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,900.45จุด ลดลง 6.61 จุด หรือ -0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,996.08 จุด ลดลง 4.15 จุด หรือ -0.05%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพได้บดบังปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน โดยหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเปลี่ยนแปลงระบบประกันสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการบังคับใช้ฎหมาย "Medicare for All" หรือ "ประกันสุขภาพถ้วนหน้า"
- ภาวะตลาดน้ำมัน : น้ำมันปรับลง กังวลรัสเซียและโอเปก อาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 63.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 71.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า รัสเซียและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากสหรัฐอย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงเป็นปัจจัยหนุนตลาดในระหว่างวัน
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลงต่อ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,276.80ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• นักลงทุนติดตามผลประกอบการและตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศภายในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต,สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ. และ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ การใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 29 มี.ค.62 คืบหน้าปานกลาง
# กรมบัญชีกลาง เปิดเผยผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 29 มี.ค.62 (1 ต.ค.61-29 มี.ค.62) ว่า งบประมาณภาพรวมมีการใช้จ่ายแล้วจำนวน 1,765,893 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ3,000,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58.86% แบ่งเป็น รายจ่ายประจำมีการใช้จ่ายแล้วจำนวน 1,413,380 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 2,354,054 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.04%
# ผลกระทบ: ช่วงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ คาดว่าทำให้กิจกรรมการลงทุนชะลอลงบ้าง แต่หลักทรัพย์ผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีงานก่อสร้างในมือ (Backlog) สูง ทำให้ผลประกอบการได้รับผลกระทบน้อย และรอการกลับมาเปิดประมูลเมกะโปรเจ็กต์อีกครั้ง หลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ คาดว่าจะกลับมาเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มแข็งแกร่งและแนะนำ ซื้อคือ CK, STEC, SEAFCO, NWR และ PREB
+ AOT: ครม.อนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
# ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท.ดำเนินโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) วงเงินลงทุนรวม 21,795.941 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2562 และแล้วเสร็จในปี 2564
# ผลกระทบ: เป็นบวก ทำให้สามารถรองรับการให้บริการเครื่องบินที่สัญจรได้มีประสิทธิผลมากขึ้น เรายังแนะนำ ซื้อ AOTเพราะได้รับประโยชน์จากภาวการณ์ท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน แม้การชะลอประมูลอาคารผู้โดยสารหลังที่สองจะชะลอแต่เฟส 2 ยังดำเนินต่อ คาดการณ์กำไรหลักปีนี้และปีหน้าเติบโตดีเป็น 13%/11% ตามลำดับ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 75.00 บาท
+ เก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคาร ก่อนประกาศจริงสัปดาห์นี้ คาด BBL, KKP เด่น
# คาดกำไรสุทธิ 1Q62F รวมไว้ที่ 42.2 พันล้านบาท (-11.4%YoY, +14.1%QoQ)
# ปัจจัยสำคัญใน 1Q62F คือ สินเชื่อเติบโต (+), NIM แคบลง (-), รายได้ค่าธรรมเนียมชะลอลง (-), รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง (-) และค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น (-)
# BBL และ KKP เป็น 2 ธนาคารที่มีกำไรสุทธิ 1Q62F เติบโตทั้ง YoY และ QoQ จัดลำดับให้เป็นหุ้น Top Picks
+/- การเก็งกำไรหุ้น MSCI ดักหน้า ก่อนมีผล 28 พ.ค.62
# (+) MSCI: เพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นไทยจาก 2.3% สู่ระดับ 2.8% มีผลตั้งแต่ 28 พ.ค.นี้ จับตาเงินเข้า 7.62 หมื่นล้านบาท
# (+) ส่วน SCC และ BDMS ถูกคาดหมายเงินเข้ามากสุดที่ 7.5-8.0 พันล้านบาท และ 5.3-5.7 พันล้านบาท จากการถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุน ขณะที่หุ้นใหม่ที่ได้เข้าคำนวณคือ INTUCH, RATCH, CENTEL และ DTAC
# (+) SCC,BDMS,CPN,BBLF,EGCO,LH,KBANK,BANPU,PTT,TU,ADVANC,CPF,HMPRO,MINT,EA,BH,BTS,GULF, TRUE, IRPC เป็น 20 หลักทรัพย์ที่ได้เพิ่มน้ำหนัก
# (+) หุ้น MSCI ขนาดกลาง-เล็ก สำหรับที่ได้รับเข้าคำนวณในรอบนี้คือ BLA, AEONTS, LHFG, TASCO, EASTW,COLและ TIP
# (-) ด้าน SCB ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ถูกลดน้ำหนักในครั้งนี้แล้ว ปรากฏว่าหุ้น ขนาดกลาง-เล็ก ที่ถูกลดน้ำหนักด้วยคือKKP, TISCO, TCAP
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]