- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 April 2019 15:54
- Hits: 976
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ต่างประเทศสดใสขึ้นเล็กน้อย ติดตามผลประกอบการ
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : -ไม่มี-
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ +1.36 จุด ปิดที่ 1660.45 จุด มูลค่าการซื้อขายซึมลงที่ 33.1 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ มีลักษณะ Sideways ตลาดค่อนข้างเงียบ ชะลอลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาวสงกรานต์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศไม่สดใสนัก ทั้งดาวโจนส์และน้ำมันกลับมาปรับลงกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตามคำเตือนของ IMF ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 1.0 พันลบ. พอร์ตโบรกเกอร์ 0.8 พันลบ. ผู้ขายสุทธิเป็น ต่างชาติ 1.1 พันล้านบาท นักลงทุนทั่วไป0.7 พันล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิทยอยลดลงเป็น 9.0 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาส Sideways แต่ต่างประเทศดีขึ้นคือ ผลประกอบการสหรัฐ ราคาน้ำมัน ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน เม.ย. บอนด์ยิลด์ 10 ปีปรับขึ้นเป็น 2.589% ดัชนีความกังวล (Vix) ลดลง ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน Mix ทั้งบวกและลบ ดาวโจน์ล่วงหน้าลบเล็กๆ
# ภาพใหญ่ที่ดีคือ เจรจาการค้าคืบหน้า เฟดผ่อนคลายนโยบายการเงิน จีนอัดฉีดสภาพคล่องและส่งออกดีเกินคาด และเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q62 ประเดิมด้วย กลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้ เม็ดเงินเข้าจาก MSCI และกระทรวงการคลังเตรียมออกมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย สำหรับปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ การเมืองไทย ในช่วงวันหยุด มีข่าวการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่พรรคการเมืองที่เป็นแกนนำยังปฏิเสธ
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1670-1680 จุด แต่หากกลับมีแรงขาย แนวรับเป็น 1645,1640 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง หากดัชนีต่ำกว่า 1650จุด จะเป็นจุดตัดขาดทุนในระยะสั้น ปัจจัยลบคือ ทยอยปรับลด GDP ไทย ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่ P/E 16.7 เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-y แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 2Q62คือ AMATA,BBL,ERW,KKP,STEC
# Stock Pick Today : CPN ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้จำกัด และมีประกันภัย ปัจจัยทางบวกคือ 1) การขยายระยะเวลาเช่า (sublease) เซ็นทรัล-พระราม 2 ให้กับCPNREIT ในช่วงปลายปี 62 หรือต้นปี 63 2) การจะขายสินทรัพย์อีก 2 แห่งเข้าไปยัง CPNREIT มูลค่าถึง 10 พันล้านบาท และ 3) จะมีการนำสินทรัพย์ของ GLAND ไปควบรวมกับ CPNREIT ในช่วง 4Q62 หรือ ต้นปี 63 คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 85.00 บาท ประเมินด้วยวิธี DCF อีกทั้งด้าน MSCI มีโอกาสเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในCPN ปลาย พ.ค.62 นี้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ยังมีสถานะเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวกเล็กน้อย”เหนือ“SMA10วัน” (แต่ยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบเริ่มให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” จะช่วยให้มรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1670 (หรือ 1680) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1650”}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TISCO,JMT,AP,AOT,VGI,PLANB หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GOLD,MEGA,HMPRO,BBL,BGRIM,GFPT,KBANK,SEAFCO,BCPG,GLOBAL,PTL,ESSO,BJC หุ้นที่หลุด List VNT ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ CPN,TASCO,BLA
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Economics Focus: หนี้สินครัวเรือนของไทยสูงขึ้น…จำกัดการเติบโตการบริโภค
Flash Note : TOP(ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 81.00)
PTTGC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 82.00)
LPN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.20)
In The News : TKN (ซื้อเก็งกำไร -ราคาพื้นฐาน 12.00)
Turnover List Watch : PIMO และ PIMO-W1 ติด Cash Balance SISB ไม่ถูกขยายเวลา
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ผลประกอบการบริษัทออกมาสดใส
# ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยา การดูแลสุขภาพ และสินค้าอุปโภคบริโภค รายงานว่า ไรในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 2.10 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.04 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ 2.02 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์ ยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาสแรกเช่นกัน
# หุ้นควอลคอมม์ ทะยานขึ้นกว่า 23% หลังจากมีรายงานว่า ควอลคอมม์ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทแอปเปิล เพื่อยุติคดีความทางกฎหมายระหว่างสองบริษัท โดยก่อนหน้านี้ ควอลคอมม์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงรัฐแคลิฟอร์เนียว่า แอปเปิลได้ขโมยข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้า เพื่อนำไปให้บริษัทอินเทล ซึ่งเป็นคู่แข่งของควอลคอมม์ ทำการพัฒนาชิพที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
+ สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับขึ้น
# สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 1 จุด แตะที่ระดับ63 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนีความเชื่อมั่นยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก
- สหรัฐ : การผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐลดลง
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ ซึ่งรวมผลผลิตในภาคการผลิต เหมืองแร่และสาธารณูปโภคนั้น ลดลง 0.1% ในเดือนมี.ค. หลังผลผลิตเหมืองแร่ลดลง ขณะที่ผลผลิตในภาคการผลิตทรงตัวท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
+ จีน: ตัวเลขส่งออก และดุลการค้าดีเกินคาด
# ยอดส่งออกมี.ค.ในสกุลดอลลาร์ +14.2% y-o-y จากที่ตลาดฯคาด +7.3% y-o-y
# ยอดนำเข้ามี.ค.ในสกุลดอลลาร์ -7.6 % y-o-y จากที่ตลาดฯคาด -1.3% y-o-y
# ยังผลให้ยอดดุลการค้ามี.ค.62 เกินดุลถึง US$32.64 Bn. มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ US$6-7 Bn. ขณะที่เดือน ม.ค.และก.พ.เป็นเกินดุล US$39.2 Bn และ US$ 4.08 Bn ตามลำดับ
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้น สะท้อนผลประกอบการสดใส และราคาน้ำมันขึ้นช่วยหนุน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,452.66 จุด เพิ่มขึ้น 67.89 จุด หรือ +0.26% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,907.06 จุด เพิ่มขึ้น 1.48 จุด หรือ +0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,000.23 จุด เพิ่มขึ้น 24.21 จุด หรือ +0.30%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTIนอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดเช่นกัน
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : น้ำมันปรับขึ้นดี ผลคาดการณ์อุปทานที่น้อยลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 64.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 71.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า การที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านและความไม่สงบที่เกิดขึ้นในลิเบียนั้น จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดลงขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA)มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลงแรง หลังตลาดหุ้นปรับขึ้น ดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 14.10 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่1277.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนนอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อสัญญาทองคำเช่นกัน
• นักลงทุนติดตามผลประกอบการและตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศภายในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.พ., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต,สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ. และ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- เศรษฐกิจไทย: ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงอีก
# ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปี 62 จากเดิม3.8% มาอยู่ที่ระดับ 3.6% และปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยปีนี้จากเดิม 3.4% ลงเหลือ 2.7% สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี2562 เหลือ 3.3% จากเดิม 3.5% รวมถึงคาด
• การเมืองไทย: พรรคต่างๆไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
# จากข่าวการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่นำเสนอโดยนายเทพไท พรรคประชาธิปัตย์ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลไม่ลงตัว แต่โดยรวมพรรคการเมืองต่างๆ ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะพรรคแกนนำ เนื่องจากยังไม่ถึงทางตัน และอยู่ในช่วงการฟอร์มทีมรัฐบาลอยู่ ระหว่างรอ กกต.ประกาศผลอย่างเป็นทางการภายใน 9 พ.ค.62 โดยเฉพาะสส. ปาร์ตี้ลิสต์
(-/•) BLAND: แจ้งผลคำพิพากษาศาลอังกฤษ แต่ต้องมาฟ้องศาลในไทย
# เป็นคดีความของบริษัทและบริษัทย่อยเกี่ยวกับ Trustee ได้ฟ้องร้องเรื่องหุ้นกู้ชนิดแลกเปลี่ยนได้กับบริษัท บีแลนด์เคย์แมน ศาล Commercial Court of England ได้ตัดสินให้จ่ายเงินถึง 28.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 897 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินคดีอีก 1.76 ล้านปอนด์ แต่ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้ จนกว่า Trustee จะมาฟ้องศาลไทยและดูผลตัดสินอีกครั้ง
+ เก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคาร ก่อนประกาศจริงสัปดาห์นี้ คาด BBL, KKP เด่น
# คาดกำไรสุทธิ 1Q62F รวมไว้ที่ 42.2 พันล้านบาท (-11.4%YoY, +14.1%QoQ)
# ปัจจัยสำคัญใน 1Q62F คือ สินเชื่อเติบโต (+), NIM แคบลง (-), รายได้ค่าธรรมเนียมชะลอลง (-), รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง (-) และค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น (-)
# BBL และ KKP เป็น 2 ธนาคารที่มีกำไรสุทธิ 1Q62F เติบโตทั้ง YoY และ QoQ จัดลำดับให้เป็นหุ้น Top Picks
+/- การเก็งกำไรหุ้น MSCI ดักหน้า ก่อนมีผล 28 พ.ค.62
# (+) MSCI: เพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นไทยจาก 2.3% สู่ระดับ 2.8% มีผลตั้งแต่ 28 พ.ค.นี้ จับตาเงินเข้า 7.62 หมื่นล้านบาท
# (+) ส่วน SCC และ BDMS ถูกคาดหมายเงินเข้ามากสุดที่ 7.5-8.0 พันล้านบาท และ 5.3-5.7 พันล้านบาท จากการถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุน ขณะที่หุ้นใหม่ที่ได้เข้าคำนวณคือ INTUCH, RATCH, CENTEL และ DTAC
# (+) SCC,BDMS,CPN,BBLF,EGCO,LH,KBANK,BANPU,PTT,TU,ADVANC,CPF,HMPRO,MINT,EA,BH,BTS,GULF, TRUE, IRPC เป็น 20 หลักทรัพย์ที่ได้เพิ่มนํ้าหนัก
# (+) หุ้น MSCI ขนาดกลาง-เล็ก สำหรับที่ได้รับเข้าคำนวณในรอบนี้คือ BLA, AEONTS, LHFG, TASCO, EASTW,COLและ TIP
# (-) ด้าน SCB ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ถูกลดน้ำหนักในครั้งนี้แล้ว ปรากฏว่าหุ้น ขนาดกลาง-เล็ก ที่ถูกลดน้ำหนักด้วยคือKKP, TISCO, TCAP
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]