- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 April 2019 15:19
- Hits: 1998
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Sideways up
เมื่อวาน หุ้นมือถือ บวกรับ กระแสข่าว ม.44 เยียวยาค่าคลื่น 900MHz และหนุนให้หุ้น ทีวี ขึ้นตามจากความหวังมาตรการเยียวยาที่จะตามมา ต่อจากการเยียวยากลุ่มมือถือ ขณะที่หุ้น แบงก์ พลังงาน ช่วยพยุงดัชนีฯ โดยหุ้น TRUE BEC KTC MTC BTS บวกดีกว่าตลาด
วันนี้คาด หุ้นไทย Sideways up กรอบ 1,655-1,670 จุด กลุ่มหุ้น หนุนดัชนีฯจะมาจาก พลังงาน (ราคาน้ำมันขึ้นต่อ) มือถือ ทีวี (ลุ้นรัฐฯออกมาตรการเยียวยา) AOT (เตรียมชง PPP เดินหน้าดิวตี้ฟรี ประชุมอีกที 18 เมย. นายกนั่งเป็นประธานประชุม) ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังคง Slightly positive ต่อหุ้นไทย
What to watch:
(0) EU เห็นชอบให้ อังกฤษ ขยายเวลา การออกจาก EU ไปถึง 31 ตค.นี้ จากเดิม ขอเลื่อนถึงแค่ 30 มิย.
(+) รายงานการประชุม เฟด เมื่อวาน ไม่ได้ให้คำตอบอย่างที่ตลาดอยากจะรู้ เกี่ยวกับการอัดฉีดสภาพคล่อง แต่โทนถ้อยแถลงออกมาค่อนไปทางบวก (1) ยืนยันที่จะนำเงินจาก MBS ที่ทยอยหมดลง มาเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล เดือนละ US$2 หมื่นล้าน เริ่ม ตค.นี้ (2) ปีนี้ไม่มีการขึ้นดอกเบี้ย (3) มีโอกาสจะกลับเข้าซื้อพันธบัตร (อัดฉีดสภาพคล่อง) เร็วขึ้น โดยอาจรอหลังจากให้มีการขยายเพดานหนี้ในเดือน กย.นี้
(0) การประชุมธนาคารกลาง ยุโรป คาด ECB ไม่ตัดสินใจส่งสัญญาณใดๆ ต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น TLTRO III (ตามคาด) ทั้งนี้ประธาน ECB แสดงความต้องการลดผลกระทบจากการฝากเงินของธนาคารพาณิชย์ที่ปัจจุบัน โดนดอกเบี้ยติดลบ แต่ประธาน ECB ไม่ได้ระบุถึงแนวทาง และรายละเอียดใดๆ ในการประชุมครั้งนี้
หุ้นแนะนำ
PTG แนวรับ 10.3 ต้าน 11/11.5 Stop loss 10 โรงไบโอดีเซลของ PTG ได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว 2 แสนลิตร/วัน และจะเพิ่มเป็น 70% 3 แสน ในเดือน พค. โดยจะเดินเครื่อง 100% ปลายปีนี้ที่ 4.5 แสนลิตร/วัน รองรับความต้องการใช้ที่จะเพิ่มขึ้นจาก B10 และ B20 โดย เมื่อวาน รมว.พลังงาน ประชุมค่ายรถยนต์ เพื่อเปลี่ยนมาใช้ B10 และจะออก สเปก B100 ได้ในเดือน เมย.ก่อนจะกำหนดสูตร ดีเซล B10 เดือน พค.นี้ ขณะที่รถค่ายใหญ่ โตโยต้า และ อีซูซุ ตอบรับการใช้ไปถึง B20 แล้ว
รายงานวันนี้
Retail Finance: New record profit expected for 1Q19!
เราคาดกำไรรวมของกลุ่มสินเชื่อบุคคลจะทำ new high ใน 1Q19 โดยที่ SAWAD (คาดโต 52%) MTC (โต 27%) KTC(โต 15%) และ JMT (โต 15%) จะเป็นผู้นำการเติบโต ในทางตรงข้าม TK น่าจะโตน้อยสุด (เพียง 6%) สำหรับประเด็นความเสี่ยงจากกฎหมายใหม่ เรามองว่า SAWAD (ไม่กระทบ เพราะมี BFIT) MTC (ไม่กระทบ เพราะดอกเบี้ยที่บริษัทคิด ต่ำกว่า micro finance) KTC (ไม่กระทบ เพราะมี KTB) JMT (ไม่กระทบ เพราะตามเก็บหนี้ ไม่ได้คดดอกเบี้ย) ดังนั้นมีเพียง TK (มีความเสี่ยงเพราะปัจจุบันชาร์จดอกเบี้ยเช่าซื้อสูงถึง 36%) เราจึงแนะขาย TK และแนะซื้อ SAWAD และ KTC เป็น top pick
MONO: Hold on to what is good
เรามองว่าธุรกิจที่ยังไปได้ดีต่อเนื่องและทำกำไรให้บริษัทในปีนี้คือดิจิตอลทีวี และเสริมด้วยธุรกิจขายของ อย่างไรก็ตามธุรกิจ Subscription service ยังเป็นอะไรที่ยาก และคาดเติบโตได้ช้า เนื่องจากตลาดที่มีการแข่งขันที่รุนแรง ตัวเลือกเยอะ รวมถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค แม้ว่าเรามองว่าผลประกอบการใน 1Q19 ยังคงขาดทุนแต่ข่าวบวกจากมาตรการช่วยเหลือจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น เรายังคงคำแนะนำ ถือ
AOT คืบหน้าประมูล Duty free 3 สนามบินภูมิภาค
เริ่มต้นเปิดขายเอกสารการยื่นข้อเสนอวันที่ 3 มิ.ย. 2019 และประกาศรายชื่อผู้ยื่นข้อเสนอที่มีคุณสมบัติภายในวันเดียวกัน โดยจะมีการนำเสนอข้อเสนอทางเทคนิคในวันที่ 4 - 5 มิ.ย. 2019 และเปิดซองเสนอค่าตอบแทนและประกาศผลคะแนนสูงสุดในวันที่ 10 มิ.ย. 2019 เรายังคงมุมมองการแข่งขันที่รุนแรงของการประมูลสัญญาสัมปทานเป็นผลเชิงบวกต่อ AOTเรื่องผลตอบแทนสัมปทานใหม่ที่มีแนวโน้มได้มากกว่าปัจจุบัน (ที่ประมาณ 17-20%) และที่ตลาดคาดประมาณ 20-25% โดย catalyst คือวันลุ้นผู้ชนะ 31 พ.ค. สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิ (duty free และพื้นที่เชิงพาณิชย์) และ 10 มิ.ย. สำหรับduty free ของ 3 สนามบินภูมิภาค "Let profit run AOT" เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 80 บาท
CENTEL: comment จากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ Central World
อาจได้รับผลกระทบ sentiment ด้านลบ สำหรับด้านพื้นฐานเนื่องจากไม่ได้เกิดเหตุโดยตรงที่โรงแรม ดังนั้นจะมิได้มีความเสียหายใดๆ สำหรับสินทรัพย์ของบริษัท
ทั้งนี้โรงแรม Centara Grand CentralWorld คิดเป็นรายได้ 10% ของ CENTEL ทั้งหมด อาจะมีความกังวลระยะสั่นว่าจะมียอดยกเลิกบ้างหรือไม่ แต่มุมมองเราคาดว่าไม่น่าจะกระทบมากเพราะเป็นหตุการณ์ที่มิได้ยืดเยื้อ
ทั้งนี้จากเหตุการณ์รุนแรงมากๆ เช่นระเบิดที่ท้าวมหาพรหมเอราวัณ เป็นต้น ทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกรณี panic sellingสุดคือ ไม่เกิน 7% วันแรก แต่เหตุการณ์นี้เนื่องจากเรามองว่าเป็นอุบัติเหตุ-ไม่ยืดเยื้อ จึงคาดว่าราคาหุ้นอาจโดนกระทบเพียง sentiment ระยะสั้นวันนี้วันเดียวมากสุดในช่วง 2-3% เท่านั้น
หุ้นมีข่าว/ประเด็นข่าวที่มีผลต่อตลาด
(+) รมว.พลังงาน ดันใช้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลทางเลือกคาดเริ่มใน พ.ค.หลังค่ายรถญี่ปุนรับรองการใช้นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมผลักดันการใช้ B10 ซึ่งมีส่วนผสมของไบโอดีเซล (B100) สัดส่วน 10% ในน้ำมันดีเซล เป็นน้ำมันทางเลือกในเดือน พ.ค.นี้ หลังผู้ผลิตรถยนต์จากค่ายรถญี่ปุนยืนยันว่าใช้ B10 ได้ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 54 แต่ยังมีความกังวลเรื่องมาตรฐานของ B100 ที่ควรให้มีความบริสุทธิ์มากกว่าในปัจจุบัน ส่วนค่ายรถยุโรปและสหรัฐ ยังไม่พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้ B10 ทำให้กระทรวงจะยังไม่สามารถประกาศใช้ B10 เป็นน้ำมันฐานได้ในขณะนี้
ทั้งนี้ การส่งเสริมให้มีการใช้ B10 และ B20 ของกระทรวงพลังงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งเสริมให้มีการน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟาของการไฟฟาฝายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็เชื่อว่าจะทำให้เกิดการใช้ CPO ในภาคพลังงานเพิ่มจากระดับ 1.4 ล้านตัน/ปี เป็นระดับ 2.5-2.6 ล้านตัน/ปี หรือคิดเป็น 75% ของการผลิต CPO ในปีนี้ที่อยู่ระดับประมาณ 3 ล้านตัน ซึ่งจะเป็นการดูดซับปริมาณ CPO ออกจากตลาดและผลักดันให้ราคาผลปาล์มปรับตัวดีขึ้น (ที่มา อินโฟเควสท์)
(*/-) CENTEL โรงแรม ตรง CTW คิดเป็นรายได้ 10% ของ CENTEL แต่ผลกระทบที่เกิดจากเหตุเพลิงไหม้ ไม่ได้กระทบทรัพย์สินโรงแรม และเหตุการณ์ไม่ยืดเยื้อ ดังนั้น เราไม่คาดว่าราคาหุ้นจะลงแรงเกิน 7% เหมือน เหตุการชุมนุมการเมืองที่ยืดเยื้อ, ระเบิดพระพรหมฯ, ที่ส่งผลต่อ อัตราการเข้าพักให้ลดลง ซึ่งคาดว่าราคาหุ้นวันนี้ลงอย่างมากไม่เกิน 2-3% (ที่มา BLS Research)
(+) AOT สคร. เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ได้มีการประชุมสรุป โครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ (ดิวตี้ฟรี) ของบริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. แล้ว และจะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการพีพีพีที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมวันที่ 18 เม.ย. 62 (ที่มา เดลินิวส์)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1662.13 (+0.26%) มูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,658 แนวต้าน 1,670 / SET100 รับ 2,435 ต้าน 2,450 BSET100 รับ 10.65 ต้าน 10.75 / BMSCITH รับ 12.54 ต้าน 12.64
Topic: "What are the best indicators to predict the market?"
กลยุทธ์เทคนิค:
วันนี้ขอเลือกเครื่องมือทางเทคนิคยอดฮิตของนักลงทุนทีใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดเพื่อทำ back test ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่าสัญญาณ Parabolic , Simple MA, Exponential MA Stochastic มีความแม่นยำมากที่สุด ขณะที่ MACD, Weighted MA, Ichimoku, Fear&Greed ให้ผลตอบแทนรองลงมา ในส่วนของ MA Enveloeds, William's %R และ Bollinger band ผลตอบแทนต่ำสุด
สรุป:การวิเคราะห์แนวโน้มตลาดให้เลือกเครื่องมือทางเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำ
มุมมองตลาด:
แนวโน้มสัปดาห์นี้มองตลาดปรับขึ้น Sideway up และขึ้นต่อเนื่องหลังสงกรานต์ เปาดัชนี 1700 แนวรับ 1650
วิธีการเลือกหุ้น:
1.วอลุ่มเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟนตัวจากแนวรับ 3.หุ้นที่เริ่มแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟนตัว 4.สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic & Moving average
Bull signal: ROBINS, ESSO, GLOBAL
Bear signal: SCC, RS, JMT (break down 25-days EMA)
Portfolio: PTTEP, AMATA, OSP, GGC, TRUE, PLANB, MTC, CPALL, SGP
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
ROBINS
แนะนำ ซื้อ
รับ 58.00
ต้าน 63.00
เหตุผล ROBINS ส่งสัญญาณฟนตัวจากแนวรับที่แข็งแกร่ง พร้อมกับ RSI จะมากับความแข็งแกร่งด้านราคา
ESSO
แนะนำ ซื้อ
รับ 11.50
ต้าน 13.00
เหตุผล โครงสร้างระยะกลางเปลี่ยนเป็นขาขึ้นแตกต่างจากปีที่แล้ว ขณะที่ราคาปิดจ่อทะลุแนวต้านรายเดือน 11.9 MACD บ่งชี้สัญญาณกลับตัว
GLOBAL
แนะนำ ซื้อ
รับ 17.20
ต้าน 19.00
เหตุผล GLOBAL ดีดขึ้นจากแนวรับ 17 ซึ่งเป็นจุดแข็งแกร่งตลอดระยะเวลา 1 เดือน นอกจากนี้เครื่องมือ Stohcastic และ Bollinger band แสดงจุดกลับตัว