- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 05 April 2019 15:51
- Hits: 2273
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพตลาดและแนวโน้ม
เมื่อยังไม่ผ่านด่านแนวต้านสำคัญ...ดัชนีฯก็พักต่อไป
เมื่อวาน ดัชนีหุ้นไทย ไม่สามารถฝ่าด่านแนวต้าน 1655 ไปได้ และเลือกที่จะพักตัวลงเหนือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5,10,25,75 วัน ที่บริเวณ 1,640/1,635 จุด และหุ้น กลาง-เล็ก สลับกันวิ่งขึ้น เช่น OSP DELTA CMO PIMO STPI SMT และวอแรนต์ TFG-W2 SMT-W2 NPPG-W2 กลับมาร้อนแรง ด้วยปริมาณการซื้อขายทั้งตลาดที่ลดลง
จากแนวโน้ม ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ยังไม่ผ่านแนวต้านจิตวิทยาสำคัญขึ้นไปได้ คาดว่าการพักฐานจะเกิดขึ้นและกินเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์...ไปรอลุ้นการเล่นขึ้นใหม่ของตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง หลังเทศกาลสงกรานต์
What to watch:
(*) กกต.มีมติให้นับคะแนนเลือกตั้งใหม่ ใน จ.ข่อนแก่น 2 หน่วย และให้จัดเลือกตั้งใหม่ใน 6 หน่วย เลือกตั้ง 5 จังหวัด โดยจะประกาศ วันเลือกตั้งใหม่ หลังเทศกาลสงกรานต์ / โดย กกต.ยังคงยืนยัน วันประกาศรับรองผลเลือกตั้ง 9 พค. เหมือนเดิม / คาดปัจจัยการเมืองในประเทศ ยังคงมีน้ำหนักถ่วงตลาดหุ้นไทยให้ Underperform ตลาดต่างประเทศไปอีกระยะ ซึ่งเรามองว่า การแรลรี่หลังเลือกตั้งจะเลื่อน ออกไป จนกว่าจะเห็น โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล (อาจเป็นช่วงก่อนวันที่ 9 พค.หรือหลังจากนั้นไม่นาน)
(+) เมื่อวาน ธนาคารกลาง อินเดีย ปรับลดดอกเบี้ย ลง 0.25% เหลือ 6% ตามตลาดคาด
(+) ปธน.สี จิ้นผิง แถลงถึงความคืบหน้า การเจรจาการค้า ระหว่าง จีน สหรัฐฯ คืบหน้าไปอย่างมากกับการประชุมนัดล่าสุด เมื่อวานนนี้ โดยรองนายกจีน ระบุมีการบรรลุฉันทามติ ครั้งใหม่เกี่ยวกับเนื้อหา ของข้อตกลงด้านเศรษฐกิจ และการค้า ระหว่าง สหรัฐฯ-จีน
(+) ล่าสุดทางรัฐบาลจีน ได้เปิดเผยแผน ปรับลดภาษี และ ค่าธรรมเนียมมูลค่า หลายหมื่นล้านดอลล์ เช่น ลดค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพิ่มเติมหลังจาก ภาษีนิติบุคคล ค่าประกันภัยสังคม ภาษีมูลค่าเพิ่ม มีการปรับลดลงไป มีผลเมื่อ 1 เมย.ที่ผ่านมา / MS เชื่อว่า มารตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน จะช่วย กิจกรรมทางการค้าโลกให้ กลับมาดีขึ้น และกิจกรรมการค้าโลกที่ลดลง มีสัญญาณผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q19
หุ้นแนะนำ
GGC กระทรวงพลังงานจะปรับ สเปค น้ำมันดีเซล ขึ้นเป็น B10 หากปรับจะทำให้ความต้องการใช้ B100 เพิ่มขึ้นถึง 43% จากปัจจุบัน 4.8ล้านลิตรต่อวัน เป็น 6.8 ล้านลิตร/วัน
รายงานวันนี้
KTC: Faster loan growth assumptions prompt profit forecast upgrades
สินเชื่อที่เติบโตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรขึ้น โดยเราปรับสมมุติฐานการเติบโตของสินเชื่อขึ้นจาก 5% เป็น 7% (ซึ่งยังอนุรักษ์นิยมกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 10%) ส่งผลให้ประมาณการกำไรของเราปรับขึ้น 5% ในปี 2019-20 สำหรับระยะสั้น 1Q19 เราคาดกำไรที่ 1.39 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY และ 13%QoQ แนะนำ ซื้อ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 46บาท
MAJOR: Grab your calendar and mark the dates!
แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวมาระดับหนึ่งแต่ยังเทรดต่ำกว่า PER ค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 18 เท่า ในขณะที่หน้าหนังปีนี้แข็งแรงมากทั้งหนังไทยและหนังต่างประเทศ โดย 1Q19 ตัวเลข Box office โตไปกว่า 19% YoY และหนังไทยทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทไปแล้ว 4 เรื่องในไตรมาสเดียว เราเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสขึ้นไปเทรดเหนือระดับ PER ค่าเฉลี่ยระยะยาวได้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 30 บาท
THCOM: Eased regulatory risk
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อมติ ครม. ที่ให้ใช้รูปแบบ Public-Private Partnership (PPP) หลังจากสัมปทานสิ้นสุดลง เพราะจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัทและภาครัฐมากขึ้น นอกจากนี้เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะใช้รูปแบบแบ่งกำไรกัน ซึ่งเราคาดจะเห็นข้อสรุปได้ในช่วง 2H19 และจะช่วยคลายประเด็นที่ตลาดมีความกังวลมาเป็นเวลานาน สำหรับพื้นฐานกำไรเราคาดปี2019 กำไรหลักจะฟื้นตัวแรงเป็น 463 ล้านบาท (จาก 163 ล้านบาท ในปี 2018) จากการลดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เราแนะนำ ซื้อเกีงกำไร ราคาเป้าหมาย 12 บาท
GGC กระทรวงพลังงานเตรียมปรับสเปคดีเซลสู่ B10
กระทรวงพลังงานเตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาความเป็นไปได้ในการปรับลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล โดยการปรับสัดส่วนไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วนั้นจะส่งผลให้ความต้องการใช้ B100 เพิ่มขึ้นประมาณ 43% จาก 4.8 ล้านลิตรต่อวันในปัจจุบันเป็น 6.8 ล้านลิตรต่อวัน ดังนั้น GGC ซึ่งเป็นผู้ผลิต B100 รายใหญ่ของประเทศไทย (ส่วนแบ่งทางการตลาดราว 30%) น่าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างมากจากข่าวดังกล่าว และน่าจะเป็นอัพไซด์ต่อปริมาณขาย B100, ประมาณการกำไรของบริษัทในอนาคต รวมทั้งราคาเป้าหมาย จากการประเมินเบื้องต้น เราคาดว่าปริมาณขาย B100 ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 10% จากสมมติฐานในปัจจุบันของเรา จะทำให้กำไรสุทธิปี 2019 ของ GGC เพิ่มขึ้นประมาณ 4% จากประมาณการปัจจุบัน เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2019 ที่ 14 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็นข่าวที่มีผลต่อตลาด
(+) กทม. กสทช. แถลงผลประชุม เห็นชอบ เริ่มดำเนินโครงการนำสายไฟ และ สายสื่อสาร ลงดิน เริ่มดำเนินการ ปลายเดือน พค.62 คาด แล้วเส็จทั้งโครงการ ภายใน 2 ปี รวมระยะทาง 2 ฝั่งถนน 2520 กม. (ที่มา อินโฟเควสท์)
เรามองว่าการย้ายสายสื่อสารลงดิน และการโอนย้ายสัมปทานค่าเช่าจากเดิมที่ Operators จ่ายให้กับ การไฟฟ้า จะย้ายสัปทานไปให้กับ ผู้ประมูลรายใหม่ ซึ่งมองว่าค่าเช่าของ Operators มีโอกาสจะเพิ่มขึ้น หากเกินสัดส่วน 200 ล้านบาทที่ กสทช.จะสนับสนุน. ขณะที่ผู้ได้สัมปทานใหม่จะมีโอกาสได้รายได้จากค่าเช่าท่อสื่อสารใต้ดินส่วนนี้เพิ่มซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร.
(0) TRUE เปิดเผยว่า บริษัท ทรู ดิจิตอล แอนด์ มีเดีย แพลตฟอร์ม จำกัด (TDMP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100% ได้เข้าลงทุนในบริษัท Crave Interactive Limited (CRAVE) ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจโรงแรมและการบริการ และจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศสหราชอาณาจักร ในสัดส่วนการถือหุ้น 51% ของหุ้นทั้งหมดใน CRAVE โดยมีมูลค่ารวมของเงินลงทุนไม่เกิน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 796.50 ล้านบาท (คิดจากอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ วันที่ 1 เม.ย. 2562) ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการลงทุน คือ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของ CRAVE ในการต่อยอดการให้บริการ IoT (Internet of Things) ของกลุ่มบริษัท
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1644.22 (-0.29%) มูลค่าการซื้อขาย 3.4 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,640 แนวต้าน 1,650 / SET100 รับ 2,405 ต้าน 2,420 BSET100 รับ 10.52 ต้าน 10.58 / BMSCITH รับ 12.38 ต้าน 12.48
หัวข้อ: "อัพเดทกลุ่มอุตสาหกรรมเคลื่อนไหวรอบ 1 สัปดาห์"
กลยุทธ์เทคนิค:
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ นอกจากนี้วอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงไปต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ที่ 4 หมื่นล้านบาท เรามักจะเห็นภาวะตลาดเคลื่อนไหวไม่มากนักในเดือนเม.ย.เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ วันนี้จะพูดถึงภาพรวมกลุ่มอุตสาหกรรมรอบ 1 สัปดาห์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มปรับตัวขึ้นสูงกว่าตลาด ไฟแนนซ์ ,เกษตร,ประกันภัย,สื่อ,โรงพยาบาล,พลังงาน ขณะที่ปิโตรเคมีเริ่มปรับตัวดีขึ้น 2.กลุ่มปรับตัวแย่กว่าตลาด ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง,การบริการ,แฟชั่นและขนส่งเริ่มปรับตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อน
มุมมองตลาด:
ตลาดปรับลงด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบาง คาดว่าดัชนีจะยืนเหนือแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 25-days EMA 1640 จุดได้ไม่ยาก ภาพระยะกลางลุ้นการฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับที่ให้ไว้ แนะเลือกลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง
วิธีการเลือกหุ้น:
แนะนำหุ้นที่มีสัญญาณแข็งแกร่งโดยใช้ parameter หลักได้แก่ 1.วอลุ่มเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟื้นตัวจากแนวรับ 3.หุ้นที่เริ่มแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟื้นตัว 4.สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic MACD ,Moving average
Bull signal: GFPT,TFG ,OSP
Bear signal: ---
Portfolio: PTTEP, AMATA, BDMS, OSP, SAPPE, COM7 ,AH,GGC, KCE, TRUE
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
GFPT
แนะนำ ซื้อ
รับ 14.40
ต้าน 16.00
เหตุผล GFPT บ่งชี้รูปแบบกลับตัว Head&Shoulder bottom ยืนยันด้วยวอลุ่มเพิ่มขึ้น
TFG
แนะนำ ซื้อ
รับ 3.06
ต้าน 3.30-3.40
เหตุผล โครงสร้างรายสัปดาห์บ่งชี้แนวรับแข็งแกร่ง 3 บ. ขณะที่ MACD แสดงสัญญาณบวก Bullish divergence และตัดเส้น signal line ขึ้น
OSP
แนะนำ ซื้อ
รับ 28.00
ต้าน 32.00
เหตุผล OSP โครงสร้างขาขึ้นปัจจุบันทะลุทำจุดสูงสุดใหม่และโอกาสขึ้นเหนือจุดสูงสุดเดิม 30 เนื่องจากสัญญาณกลับตัว Bull MACD