SET แกว่ง +/- พักฐานในกรอบ 1646-54 ยุติขึ้น 4 วันติด บรรยากาศการลงทุนถูกถ่วงด้วยการขึ้น XD ของหุ้นใหญ่ (SCC, SCCC) กดดัน SET ปรับตัวลงโดยปริยายเกือบ 2 จุด ประกอบกับนลท.รอดูการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมทั้งทางออก Brexit ต่างชาติพลิกขายสุทธิเล็กน้อย 14 ลบ. แต่ยัง Long S50 Futures 1,230 สัญญา 3 วันติด 

 

หุ้นโลกเมื่อวาน (3 เม.ย.) ปรับขึ้น ดัชนี S&P500 ไต่ขึ้น 5 วันติด รับความหวังการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน  แม้ข้อมูลภาคบริการและการจ้างงานสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด แต่ถูกชดเชยด้วย PMI ภาคบริการจีนและสหภาพยุโรปที่แข็งแกร่ง ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลงเล็กน้อย 12 เซนต์ จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น แต่ยังยืนระดับ 62 $/บาร์เรล มอง SET แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1645-60 (คล้ายเมื่อวาน) ให้น้ำหนักอิงทางแดนบวก รับความหวังสหรัฐฯ-จีนอาจสงบศึกการค้าได้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ ขณะที่นลท.จับตา Brexit เชื่อว่ามีแนวโน้มสูงที่รัฐสภาอังกฤษจะยังตกลงร่วมกันไม่ได้ สัปดาห์หน้าต้องให้นายกฯ อังกฤษขอ EU ขยายเวลาเส้นตาย Brexit ออกไปอีก  ภาพของ SET ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า เรามองมีแนวโน้มแกว่งซิกแซกขึ้น (ขึ้นสลับย่อตัว) หลัก ๆ จาก (1) MSCI เพิ่ม NVDR เข้ารวมคำนวณดัชนี เป็นผลดีต่อน้ำหนักหุ้นไทยและกระแสเงินทุนไหลเข้า (2) รอการจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนหลังงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก (3) แรงซื้อเก็งกำไรหุ้นงบดีเป็นรายตัว แนวรับ 1645+/- แนวต้าน 1655, 1660 

 

แนะหาจังหวะสะสม, เล็งเป้า SET ขึ้นทดสอบ 1675, 1700 ตามลำดับ, การปิดต่ำกว่า 1645 จะเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดี พอร์ตเทรดดิ้งสั้นยังคงใช้ 1625 เป็นจุด Stop ส่วนพอร์ตลงทุนรอบ 1-2 เดือน ถือทนแกว่ง

•    ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick BTS – มองราคาหุ้นร่วงแรง -4% เมื่อวานเป็นจังหวะเข้าลงทุน เป็นเพียงการขายล็อกกำไรระยะสั้นหลังราคาหุ้นขึ้นต่อเนื่องเกือบ 20% YTD vs SET +5-6%, การประชุมนักวิเคราะห์วันนี้น่าจะช่วยยืนยันแนวโน้มบ.ในเชิงบวกต่อไป, เป้าพื้นฐาน 11.1 บ. / ปรับคำแนะนำ EGCO ลงเป็น “ถือ” หลังราคาหุ้นเต็มมูลค่าที่เป้าพื้นฐาน 296 บ. แต่ยังแนะนำ “ซื้อ” RATCH เป้าพื้นฐาน 68 บ. มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการประมูล IPP รอบใหม่, ผลการดำเนินงานที่ออสเตรเลียดีขึ้น และปันผลดี 4% ต่อปี / CPF, GFPT ได้ประโยชน์หลัง EU เพิ่มโควต้าไทยส่งออกเนื้อไก่-สัตว์ปีกเพิ่มขึ้น / ผลสำรวจ IAA มองหุ้นไทย Q2 ในทิศทางบวก 48% : ไม่เปลี่ยนแปลงมาก 40% : ทิศทางลบ 12% และมอง SET Q2 เฉลี่ยที่ระดับ 1689 ขณะที่หุ้นเด่น 5 ตัวที่โบรกเกอร์เห็นตรงกัน คือ AOT, BBL, CPALL, SCC, STEC / หุ้นคาดได้ประโยชน์จาก MSCI เปลี่ยนกฎใหม่ – SCC, BDMS, INTUCH*, CPN, RATCH*, LH, BANPU, CENTEL*, DTAC* (* เข้าใหม่) และมีอีก 7 หุ้นที่คาดว่าจะเข้า MSCI Small Cap – BLA, AEONTS, LHFG, TASCO, EASTW, COL, TIP / หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายหาเสียงของทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะได้ร่วมเป็นรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม ด้านการบริโภค CPALL, BJC, CPN, AEONTS, RS ด้านการลงทุน AMATA, WHA, STEC, SEAFCO, BTS, BEM / เราคาดกลุ่มแบงก์มีกำไรรวม 1Q19F ลดลง 2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 24% QoQ โดย BAY จะมีกำไรโตโดดเด่นสุดเนื่องจากมีรายการขายเงินลงทุน “เงินติดล้อ” แต่เราแนะนำ “ถือ” ขณะที่หุ้นแบงก์ที่เราชอบสุด คือ BBL (เป้าพื้นฐาน 235 บ.), KBANK (231 บ.) / หุ้นปันผลดีมี Yield > 3% รออยู่ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า - ชอบ ANAN, AP, JMT, LH, QH, ROJNA, VNT, WHAUP

•    หุ้นเด่น เม.ย. (Smart Tactics) AEONTS, ANAN, JWD, LH, PTTEP, ROJNA, RS, SEAFCO 

 

4 เม.ย.    TH, US    ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยใน มี.ค., ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐฯ รายสัปดาห์

5 เม.ย.    JP    ดัชนีชี้นำศก.ญี่ปุ่นใน ก.พ. (เบื้องต้น), ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนญี่ปุ่นใน ก.พ.

    EU, US    ยอดค้าปลีกสหภาพยุโรปใน ก.พ., การจ้างงานและอัตราว่างงานสหรัฐฯ ใน มี.ค.

7 เม.ย.    CH    ตัวเลขปริมาณเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนในเดือน มี.ค.

8 เม.ย.    JP, US    ดุลบัญชีเดินสะพัดญี่ปุ่นใน ก.พ., คำสั่งซื้อภาคโรงงาน-คำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ ใน ก.พ.