เมื่อวานหุ้นไทย ปิดบวก(ไม่ไกล) จากแรงซื้อหุ้น DTAC INTUCH ADVANC STEC BGRIM VGI CBG  (สื่อสาร โรงไฟฟา อุปโภคฯ-Defensive ขึ้นนำ) ขณะที่หุ้นเล็กบวกแรง เช่น TACC CPT NETBAY SMM เป็นต้น โดยภาพรวมตลาดที่ยังเห็นหุ้นสลับหน้าขึ้นมาเล่นได้แบบนี้ สะท้อนภาวะการลงทุนที่น่าจะประคองตัวต่อไปได้ในวันนี้       

          วันนี้คาด ดัชนีฯหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบเดิม หุ้นรายตัวที่มีข่าวหนุน จะเล่นขึ้นได้ดีกว่าตลาด วันนี้คาดหุ้นใหญ่เช่น DTAC INTUCH จะมีโอกาสบวกรับข่าว MSCI เพิ่มน้ำหนัก ซึ่ง MS มองว่าจะได้ประโยชน์จาก Weight change สูงสุด และ เราเขียนไว้ในรายงาน "รอบด้าน" เมื่อ 21 มีค.ให้เก็บหุ้น 2 ตัวนี้ไป ก่อนหน้านี้แล้ว   

 

          (0/+) พัฒนาการ การเมืองในประเทศ: เมื่อวาน กกต.แถลงการนับคะแนน เลือกตั้ง 100% แล้ว 

          (+) วันนี้รอดู ผล MSCI รวม NVDR เข้าคำนวณ MSCI Thailand: เราได้ออกรายงาน Tactical view ไปก่อนหน้านี้ให้เก็บหุ้น DTAC INTUCH ซึ่ง MS มองว่าการปรับน้ำหนักรอบนี้ จะได้อานิสงส์ เงินลงทุนต่างชาติมากสุด 

          (0/+) นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมปแห่งสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐและจีน อาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.

          (*) US GDP 4Q +2.2% q-q ต่ำกว่าตลาคาดที่ 2.4% และ ปรับลงจากครั้งก่อนที่ +2.6% q-q / MS คาด US GDP 1Q19 ที่จะรายงานในเดือนหน้า มีโอกาสเห็นตัวเลขโตเหลือ 0.5%        

 

          INTUCH DTAC รับ Fund flow ปรับน้ำหนัก จาก MSCI 

          Weekly port ถอด CMAN WORK เพิ่ม AOT 

 

 

PLANB: "I like this one"

          ดีลการเข้าลงทุนใน PLANB ของ VGI จะทำให้เกิดการแบ่งปันทรัพยากรและทำให้การแข่งขันลดลง เราประเมินต้นทุนสำหรับ PLANB จะลดลงทันที 30-40 ล้านบาท/ปี รวมถึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวขึ้นจากระดับ 36% ไปที่ระดับ 38-40% อีกทั้งการทำ bundle package/Cross selling คาดจะทำให้เกิดรายได้ส่วนเพิ่มราว 200 ล้านบาทในปี 2019 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท  

 

TQM: Earnings upgrade on cost reductions 

          เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2019 ขึ้น 6% เนื่องจากเรามองว่ากลยุทธ์การควบคุมต้นทุนได้อย่างดีของบริษัทจะทำให้ OPEX ในอนาคตมีการปรับตัวลดลงไปมากกว่าที่เรามองก่อนหน้า เรายังคงประเมินกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่ 30% ในปีนี้ เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 30 บาทเป็น 36.75 บาทและยังคงคำแนะนำ ซื้อ  

           

Sugar: Price surge awaits bigger deficit in 2019/20 

          การประมาณการผลผลิตของน้ำตาลในตลาดโลกของหน่วยงานหลายสำนักออกมาในหลายมุมมองโดย All India Sugar Trade Association (AISTA) คาดผลผลิตน้ำตาลของอินเดียที่ 32.6 ล้านตัน ทรงตัวจาก 32.5 ล้านตันในปีก่อนหน้า แต่ Indian Sugar Mills Association (ISMA) คาดไว้ที่ 30.7 ล้านตัน อย่างไรก็ตามจากผลผลิตที่เพ่มขึ้น 5.9% YTD เรามองว่าตัวเลขของ AISTA สมเหตุสมผลมากกว่า โดยรวมเรายังมองว่ายังไม่ถึงเวลาของการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มน้ำตาลเรายังคงคำแนะนำ ถือ 

 

AH ประเด็นสำคัญจาก Opportunity Day 

          เราคาดว่ายอดขายของบริษัทจะสามารถโตได้อยู่ที่ประมาณ 5% หนุนโดยยอดสั่งซื้อใหม่ที่ได้รับมาจากเวียดนาม และทางบริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถคงอัตรากำไรขั้นต้นได้อยู่ที่ประมาณ 7% ใกล้เคียงกับปี 2018 ทั้งนี้บริษัทคาดว่าใน 1Q19 ผลประกอบการจะดีขึ้นตามอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยที่ยอดขายรถและยอด  การผลิตรถยนต์ใน 1Q19 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับการดำเนินงานของบริษัทร่วมในต่างประเทศ บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทร่วม SGAH จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2018 เราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการในส่วนของยอดขายและกำไรของบริษัท และเรายังคงคำแนะนำ "ถือ" 

          (+) กฟผ.ดีเดย์ เม.ย.นี้ เปิดให้บริการรถเมล์อีวี-สถานีชาร์จ 23 สถานีทั่วประเทศ ใจดีเปิดใช้ฟรี 1 ปี เล็งขยายโมเดลร่วม ขสมก. คาดอีก 10 ปีมีรถเมล์ไฟฟาไม่ต่ำกว่า 4,000 คัน (ที่มา ไทยโพสต์)  

          (+) SKY  เผยไตรมาสแรกปี 62 เข้าประมูลงานใหญ่ 3-4 โครงการ คาดครึ่งปีแรกมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนงานปีนี้ ลุยธุรกิจสมาร์ท ซีเคียวริตี้ ดิจิตอลแพลตฟอร์ม และวิทยุสื่อสารดิจิทัล เดินหน้าขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ มั่นใจดันผลงานเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง เตรียมเสนอโครงการทำ Digital Platform กับหน่วยงานภาครัฐ คาดชัดเจนเร็วๆ นี้ (ที่มา ผู้จัดการ)  

          (+) INTUCH  เตรียมพร้อมเข้าคำนวณดัชนี MSCI ตามเกณฑ์ NVDR (ที่มา ข่าวหุ้น) 

          (+) SPALI  โล่ง LTV อาจผ่อนคลายเล็งเปาปลดล็อกผู้ค้ำประกัน (ที่มา ข่าวหุ้น) 

 

 

 

SET Index ปิด 1634.25 (+0.3%) มูลค่าการซื้อขาย 4.8 หมื่นล้านบาท 

 

แนวโน้มระยะสั้นมอง

          SET Index แนวรับ 1,625 แนวต้าน 1,645 / SET100 รับ 2,385 ต้าน 2,410 BSET100 รับ 10.43 ต้าน 10.57 / BMSCITH รับ 12.30 ต้าน 12.43 

 

Topic: "Upside and downside risk measurement"  

 

กลยุทธ์เทคนิค: 

          วันนี้จะขอวิเคราะห์การวัดความเสี่ยงของตลาด โดยใช้เงินปันผล SET dividend yield เปรียบเทียบกับ SET index นับตั้งแต่ปี 2017 ถึงปัจจุบัน เงินปันผลเคยขึ้นไปสูงที่ 3-3.2% ขณะที่ตลาดอยู่ในช่วงปรับตัวลงแรง เหตุการณ์ในอดีตชี้ว่าดัชนีจะเริ่มฟืนตัวและเป็นจุดต่ำสุด ปัจจุบันเราเห็นเงินปันผลของตลาดขึ้นไปที่ 3.15% บ่งชี้ความเสี่ยงของตลาดลดลงและโอกาสที่ดัชนีจะฟื้นตัวกลับขึ้นไปได้ไม่ยาก 

 

มุมมองตลาด: 

          เงินปันผลของตลาดที่สูงจะจำกัดความเสี่ยงของการปรับตัวลงแนะนำ"ทยอยสะสมหุ้น" 

 

วิธีการเลือกหุ้น: 

          1.ส่งสัญญาณดีดตัวขึ้นอาจเป็นหุ้นในกลุ่มนำตลาดซึ่งราคาปรับตัวลงมาแล้ว   

          2.เกิดสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับพร้อมกับวอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

          3.ระมัดระวังหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงมีค่า RSI > 70 หรือมีความขัดแย้งด้านราคากับเครื่องมือทางเทคนิค

          Bull signal: BDMS, RS, OSP 

          Bear signal: KBANK, THANI, BLAND (break down 5&25-days EMA) 

          Portfolio: KTC, RS, PTTEP, IVL, SCB, KTB, JAS, AOT, AMATA, BEC   

          

 

 

          BDMS 

          แนะนำ ซื้อ 

          รับ 23.50  

          ต้าน 25.50 

          เหตุผล BDMS ส่งสัญญาณเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้นราคาทะลุกรอบสามเหลี่ยมบนหนุนด้วยโมเมนตัมกลับตัว "Bull MACD"  

 

          RS 

          แนะนำ ซื้อ 

          รับ 18.40 

          ต้าน 20.50 

          เหตุผล RS ทะลุต้านระยะสัปดาห์(เส้นประ)บ่งชี้สัญญาณกลับตัว สอดคล้องกับ RSI  แสดงความแข็งแกร่งด้านราคา 

 

          OSP 

          แนะนำ ซื้อ 

          รับ 26.50 

          ต้าน 31.00 

          เหตุผล OSP ปิดทดสอบเส้นกลาง Bollinger band กรณีทะลุผ่านจะทำให้โครงสร้างกลับตัวเป็นขาขึ้น หนุนด้วยค่า MACD เริ่มฟืนตัว