ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนตัวลง -2.92 จุด (-0.18%) ปิดที่ 1,629 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน นอกจากนี้ความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรวมถึงความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลของ 2 พรรคแกนนำซึ่งทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ส่งผลให้ภาวะตลาดส่วนใหญ่เป็นการเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง – เล็ก ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,255 ล้านบาท และ Net Short TFEX 3,758 สัญญา อีกทั้งขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,021  ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นลบคาดดัชนีอ่อนตัวทดสอบ 1,620 – 1,625 จุด จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวโดยล่าสุด ECB ปรับลดคาดการณ์ GDP ยูโรโซนลงจาก 1.7% เป็น 1.1% รวมถึงภาวะ Inverted yield curve ของสหรัฐ (อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐระยะยาวลงต่ำกว่าระยะสั้น) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณภาวะเศรษฐกิจถดถอยใน 1 หรือ 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ความไม่แน่นอนสถานการณ์ Brexit รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลของ 2 ขั้วพรรคแกนนำของไทยยังไม่มีความแน่นอน และการเปลี่ยน series ของ TFEX ซึ่งจะส่งผลให้ภาวะตลาดผันผวนสูง อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับเด้งรีบาวด์ในระหว่างวันได้จากประเด็นลุ้นผล MSCI อนุมัติให้รวม NVDR ไว้ในน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนในวันที่ 28-29 มี.ค. รวมทั้ง Window dressing

•    กลุ่มโรงกลั่น (TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบ 1Q19 เป็นบวกจากค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นและ Stock gain

•    AMATA, STEC, BEM และ BTS ได้รับอานิสงส์การเลือกตั้งหนุนต่อความเชื่อมั่นการลงทุน

•    กลุ่มที่ได้ประโยชน์หาก MSCI อนุมัติให้รวม NVDR ไว้ในการคำนวณน้ำหนักการลงทุน SCC, BDMS, INTUCH, RATCH, CENTEL และ DTAC

•    กลุ่ม Defensive stock ในช่วงตลาดผันผวน BDMS, BCH, TTW, EA และ BGRIM

หุ้นแนะนำวันนี้ : EA (ปิด 48.25 ซื้อ/เป้า 63) คาดกำไรสุทธิ 1Q19 พุ่งทำ All time high ต่อเนื่องรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. ขณะเดียวกันวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมาบริษัทเริ่ม COD โครงการหนุมาน 8 อีก 48 MW และยังมีโครงการหนุมาน 9 และ 10 ที่จะ COD เพิ่มเติมอีกในเร็วๆนี้, RATCH (ปิด 58 ซื้อ/เป้า 62) ระยะสั้นได้ sentiment บวกจากข่าว MSCI นำ RATCH ไว้ในการคำนวณรอบใหม่ ด้านปัจจัยพื้นฐานเป็นเต็งหนึ่งที่จะชนะประมูลโรงไฟฟ้า IPP ของ EGAT จำนวน 1-2 แห่ง ในช่วงปีนี้และปีหน้าโดยมีขนาดกำลังการผลิตที่ 700 MW ต่อโรง

Top picks ปี 2Q19 : CPALL, IVL, MTC, SPRC และ TOP

KSS report วันนี้ : IVL (ปิด 49 ซื้อ /เป้า 65)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :          

•    (-) นักลงทุนยังวิตกกังวลกับภาวะ Invert yield curve หลังจาก Bond yield 10 ปี สหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี : ตลาดยังวิตกกังวลกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวโดยเฉพาะกับการเกิดภาวะ Invert yield curve ในตลาดพันธบัตรสหรัฐซึ่งในอดีต Invert yield curve มักเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในอีก 12 หรือ 24 เดือนข้างหน้า โดยวานนี้ Bond yield 10 ปี ของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 2.35% ต่ำสุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน และต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Bond yield 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีอัตราผลตอบแทนที่ระดับ 2.46%, 49% และ 2.44% ตามลำดับ

•    (-) น้ำมันดิบ WTI ลดลง 53 เซนต์ เนื่องจากสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรลสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล : ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 60$/bbl ขึ้นไปได้ โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 53 เซนต์ (-0.9%) ปิดที่ 59.4$/bbl หลังจาก EIA รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล

•    (+/-) ภาพการเมืองในประเทศยังไม่ชัดเจน แม้วานนี้ 6 พรรคการเมืองจะร่วมลงสัตยาบันหนุนพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลแต่เสียงสนับสนุนยังก้ำกึ่ง (250+/-) : วานนี้บรรดาพรรคการเมืองต่างเคลื่อนไหวเพื่อแสดงจุดยืนหลังการเลือกตั้ง นำโดยพรรคเพื่อไทยและอีก 5 พรรคการเมืองร่วมลงนามในสัตยาบันหนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตามเสียงสนับสนุนยังก้ำกึ่ง (250+/-) ทำให้ภาพการเมืองโดยรวมยังไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันคะแนนเสียงดังกล่าวยังไม่ได้รับรองผลจาก กกต.ทำให้เป็นไปได้ที่จะเกิดความคลาดเคลื่อน เราคาดว่าบรรยากาศการเมืองจะยังไม่ชัดเจนจนกว่า กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งก่อน 9 พ.ค.19

•    (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม 28-29 เจรจาการค้าจีนกับสหรัฐ, 29 มี.ค. MSCI ประกาศเกณฑ์น้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยลุ้นให้ MSCI ประกาศอนุมัติรวม NVDR ไว้ในการคำนวณ : ลุ้นให้ MSCI ประกาศอนุมัติรวม NVDR ไว้ในการคำนวณ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มขึ้นจาก 2.5% เป็น 3% และคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาท และมีหุ้นที่คาดว่าจะถูกรวมเข้าคำนวณเพิ่มอาทิ INTUCH, DTAC, RATCH และ CENTEL