- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 March 2019 23:17
- Hits: 2864
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Sideways
เมื่อวานหุ้นไทยรีบาวด์ไม่ไกล ตามคาด โดยแรงซื้อค่อนข้างกระจายไปในแต่ละอุตสาหกรรม เช่น PTTEP IVL KBANK GULF DTAC TU BDMS BH IRPC ส่วนหุ้นกลาง เล็ก ที่บวกดีกว่าตลาดได้แก่ PRM RS STPI SQ HTECH RSP FN BEC BCH เป็นต้น
คาดวันนี้ ดัชนีหุ้นไทย จะยืนเหนือ แนวรับ 1,623 จุดได้ แต่แนวต้านยังมองไม่ไกล 1,640 จุด หุ้นรายตัวคาดว่าจะเลือกขึ้นได้ดีกว่าดัชนีฯ เช่น ข่าว M&A ของ VGI ที่ประกาศใช้เงินลงทุน 4.6 พันล้านบาท ซื้อหุ้น PLANB จากเจ้าของเดิมและหุ้น PP รวม 721.8 ล้านหุ้น (คิดเป็น 18.59% ของทุนจดฯ) ในราคาหุ้นละ 6.4 บ. (PLANB จะเกิด Dilution effect 9% / ส่วน VGI จะใช้เงินดสด บวกเงินกู้บางส่วน)
บวกกับมุมมอง กองทุนต่างชาติต่อหุ้นไทยหลังเลือกตั้ง มีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น และ ความหวัง MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย ขณะที่ สมาคม บลจ. เตรียมรายละเอียดพร้อมเสนอ ครม.ใหม่ทันที เพื่อขยายมาตรการ LTF
What to watch:
(0) การเมืองในปะรเทศ ยังอยู่ในช่วง ที่พรรคการเมือง เร่งจับขั้ว เพื่อจัดตั้งรัฐบาล / คาดใช้เวลาไม่นาน จะรู้ความน่าจะเป็นโฉมหน้าของรัฐบาลใหม่ เรามองไม่น่ากังวลถึงผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุน
(+) โฆษกต่างประเทศ จากทั้ง สหรัฐฯ ยุโรป ต่างแสดงความยินดี และส่งสัญญาณบวก หลังไทยผ่านการจัดเลือกตั้งเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยอีกครั้ง.
ผลตอบรับจาก กองทุนต่างประเทศที่เราจัดโรดโชว์ร่วมกับทาง Morgan Stanley (MS) รอบนี้ มองการเมืองไทย ไม่น่ากังวล โดยให้ดูที่ผลลัพท์ ส่วนขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ มองว่าการที่ไทย มีเลือกตั้งได้อีกครั้งมองเป็นบวกอยู่แล้ว ระบุพร้อมซื้อหุ้นคืน เมื่อเห็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้ง มาได้
(0/-) เมื่อวานตัวเลขสร้างบ้านใหม่สหรัฐ -8.7% ต่ำคาดที่ -0.6% m-m และ Consumer confidence 124.1 จาก 131.4 (ต่ำคาดไปมาก 132.2)
(*) MS ออกรายงาน กลยุทธ์ แนะเพิ่มพอร์ตหุ้น Utilities และ Defensive / ลดพอร์ตหุ้น Hi Tech และคาดตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับฐานจากแรงขายหุ้น Hi tech อีกครั้งภายใน 1-2 เดือน ข้างหน้า จากการรายงานงบ 1Q19 ที่สร้างความผิดหวัง
(*/-) MS ออกรายงาน มองว่า US Inverted yield curve ระหว่าง Bond yield 3 เดือน และ 10 ปี คือสัญญาณเตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว อย่างแท้จริง และอาจถดถอย Technical recession เป็นไปตามที่ MS คาด โดยมอง US GDP 1Q19 จะต่ำเพียง 0.5% จากที่ตลาดประเมิน โตใกล้เคียง 1%
(+) MS มองว่า การที่เฟด ส่งสัญญาณยุติขึ้นดอกเบี้ย และ จะหยุดการดึงสภาพคล่องออกในเดือน กย.นี้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อการลงทุน ต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ แต่เป็นลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อาจรุนแรงกว่าที่ประเมิน และ กำไร บจ. สหรัฐฯ จะลงไปจนถึง 3Q19 ก่อนนจะฟื้นใน 4Q19 เป็นต้นไป
หุ้นแนะนำ
VGI รับรู้กำไรเพิ่มทันที จากงบ PLANB หลังเข้าซื้อหุ้น 18.59%
COM7 เข้าซื้อหุ้น บัฟ (Leasing) เพิ่ม อีก 12.5% รวมเป็น 40% จะรับรู้กำไรจากการเข้าถือหุ้นเพิ่ม
รายงานวันนี้
VRANDA: Thailand's next hot hotel play
เราประเมินมูลค่าเหมาะสมไว้ที่ 3,714-3,840 พันล้านบาท หรือ 11.62-12.01 บาท/หุ้น คิดเป็น PER ที่ 23.7-24.5 เท่า โดยเรามองว่ามีปัจจัยบวกดังนี้ 1) การเติบโตอย่างยั่งยื่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย, 2) การเติบโตของแบรนด์ VERANDA ในประเทศไทยอย่างโดดเด่น โดยในปี 2018 ราคาห้องเฉลี่ยสูงกว่า CENTEL 15% และ ERW 60% (สำหรับโรงแรมในไทย) และมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศมากที่สุดในกลุ่ม (ลดความเสี่ยงของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัว), 3) โมเดลธุรกิจแบบผสม โดยมีรายได้จากการขายอสังหาฯ ด้วย และมีแผนที่จะขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, 4) โอกาสในการขยายธุรกิจสูงจากการเปิดโรงแรมใหม่, การโอนคอนโดใหม่ และการเปิดร้านอาหาร 4 แห่งในปี 2019, และ 5) คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 11% ในปี 2019-21
ECON: Updates on the possible impact of the incoming government's policies
เราประเมินผลกระทบของนโยบายจาก 2 ขั้วการเมืองที่มีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล เช่น นโยบายอุดหนุนราคาพืชผลทางการเกษตร, ปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ, บัตรผู้มีรายได้น้อย, ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งนโยบายจาก 2 ขั้วจะส่งผลต่ออัพไซด์ของการเติบโตของ GDP ใกล้เคียงกัน โดยคาดอัพไซด์ต่อการเติบโตของ GDP ตามนโยบายของเพื่อไทยจะอยู่ที่ราว 0.1-0.6% ในปี 2019 และ 0.6-1.2% ในปี 2020 ในขณะที่คาดผลกระทบจากฝั่งนโยบายของพลังประชารัฐอยู่ที่ราว 0.1-0.4% ในปี 2019 และ 0.6-1.2% ในปี 2020
VGI&PLANB: The PLAN-V assemble
VGI ประกาศเข้าซื้อหุ้น PLANB 18.6% จากการออกหุ้นใหม่ของ PLANB 9.1% และ จากผู้ถือหุ้นเดิม 9.5% ที่ราคา 6.40 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 4.6 พันล้านบาท เงินทุนในการเข้าซื้อหุ้นมาจากเงินสด 2.9 พันล้านบาทและเงินกู้ 1.7 พันล้านบาท ซึ่งเราคิดว่าเพียงพอ โดยเงินสด ณ สิ้นปีของบริษัทอยู่ที่ 3 พันล้านบาท และ D/E อยู่ที่เพียง 0.1 เท่า เรามองดีลนี้จะสร้างกำไรส่วนเพิ่มให้กับ VGI 3-4% ในปี 2019 การซื้อคิดเป็น PER ที่ 31เท่า เทียบกับการซื้อ Rabbit ที่ 22-27 เท่า และ Kerry ที่ 35 เท่า ในขณะที่ VGI เทรดอยู่ที่ 45 เท่า ในด้านของธุรกิจเราคาดว่าดีลนี้จะส่งผลดีต่อทั้ง VGI และ PLANB เมื่อทั้งคู่จับมือกันจะทำให้เป็นเจ้าตลาดของสื่อนอกบ้าน และสร้าง Power ในการเจรจาต่อรองกับ Agency และลูกค้า ภาพของอุตสาหกรรมจะพลิกกลับจากบริษัทต้องมีการให้ Rebate กับ Agency แต่กลายเป็นว่า Agency ต้องวิ่งเข้าหาบริษัท อีกทั้งยังเป็นการเสริมสื่อในมือที่ครบครันมากขึ้น โดย VGI จะได้มีสัดส่วนใน Engagement marketing ทั้ง Sport, BNK48 และ e-Sport เรามองดีลนี้จะเป็นบวกต่อทั้ง PLANB และ VGI จากทั้งกำไรส่วนเพิ่มของ VGI และผลดีในด้านของการดำเนินธุรกิจ
SAWAD: Robust growth with cheap valuation
ผู้บริหารตั้งเปาการเติบโตของสินเชื่อในปี 2019 ที่ 20-30% โดยการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าเกณฑ์ของ ธปท. ใกล้จะแล้วเสร็จ เราคาดการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 20% และคาด NIM จะขยายตัวขึ้นจากสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนสูง เช่น นาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อรถสำหรับรถมอเตอร์ไซค์และรถกระบะมือสอง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 62.50 บาท
KSL: Wait-and-see stance
ภาพของราคาน้ำตาลในตลาดโลกยังคงอยู่ในโหมดที่ไม่แน่นอนจากขนาดของการขาดดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานและภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อมุมมองของการลงทุนในหุ้นกลุ่มสินค้าเกษตรจากการปรับตัวลดลงของโอกาสในการเกิด El Ni-o ใน 2H19 เรายังคงคำแนะนำ ถือ
หุ้นมีข่าว/ประเด็นข่าวที่มีผลต่อตลาด
(*) ประธานเฟดบอสตัน แนะ เฟดถือครองบอนด์ระยะสั้นเพิ่มขึ้นเพื่อรับมือเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันเปิดเผยในวันนี้ว่า เฟดจะพิจารณาปรับเพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรกระทรวงการคลังระยะสั้น เพื่อให้เฟดมีทางเลือกมากขึ้นในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
นายโรเซนเกรน กล่าวว่า การถือครองพันธบัตรระยะสั้นอาจช่วยเฟดรับมือกับวิกฤตในอนาคต โดยเฟดสามารถแลกเปลี่ยนพันธบัตรระยะสั้นเป็นพันธบัตรระยะยาว เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง โดยไม่ต้องขยายงบดุลบัญชีของเฟด
นายโรเซนเกรนเป็นหนึ่งในกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดที่มีสิทธิลงมติในปีนี้ (ที่มา ASPEN)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1632.32 (+0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,625 แนวต้าน 1,640 / SET100 รับ 2,385 ต้าน 2,410 BSET100 รับ 10.43 ต้าน 10.55 / BMSCITH รับ 12.33 ต้าน 12.50
หัวข้อ: "โครงสร้างระยะยาวตลาดหุ้นไทยเปรียบเทียบยอดซื้อกองทุนในประเทศ"
กลยุทธ์เทคนิค:
ย้อนหลัง 10 ปี ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่บนแนวโน้มขาขึ้นเหนือเส้น Trend support ขณะที่กองทุนในประเทศเป็นผู้เล่นหลักและซื้อสุทธิมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ปัจจุบันดัชนีปรับลงทดสอบจุดรับสำคัญ 1600 จุด กรณีหลุดแนวรับจะส่งผลให้โครงสร้างระยะยาวเปลี่ยนเป็นลง ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังสำหรับการลงทุนในปี 2019 คำถาม:เราจะคาดหวังกับแรงซื้อจากกองทุนในประเทศได้หรือไม่? จากสถิติย้อนหลัง เราพบว่ากองทุนในประเทศในแต่ละปีจะแสดงยอดซื้อสุทธิเกิดขึ้น 7 จาก 10 ครั้ง ส่วนใหญ่จะมียอดซื้อเพิ่มขึ้นในกรณีที่ดัชนีตลาดปรับตัวลงแรง ทำให้เราคาดว่าในปีนี้ยังน่าจะมีแรงซื้อคอยหยุงดัชนีอยู่เหมือนเดิม
มุมมองตลาด:
หากดัชนียังสามารถรักษาการเคลื่อนที่เหนือเส้นแนวรับสำคัญที่ 1600 จุดได้ โครงสร้างตลาดยังเป็นขาขึ้นไม่เปลี่ยนแปลง มองเป็นการพลิกวิฤตเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นเข้าพอร์ต
วิธีการเลือกหุ้น:
แนะนำหุ้นที่มีโครงสร้างแข็งแกร่งส่งสัญญาณฟื้นตัวจากแนวรับและใช้สัญญาณเทคนิคช่วยจับจังหวะการซื้อขาย
Bull signal: SCB, BCH, RS
Bear signal: TMB, CBG, STA, GPSC (2-week low)
Portfolio: BCH, KTC, TOP, GLOBAL, RS, PTTEP, IVL, SCB, KTB, JAS, AOT, AMATA
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
SCB
แนะนำ ซื้อ
รับ 132.00
ต้าน 140.00
เหตุผล SCB ปิดที่เส้นแนวโน้มลุ้นการดีดกลับเพื่อยืนยันการเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้น
BCH
แนะนำ ซื้อ
รับ 16.80
ต้าน 18.00-18.50
เหตุผล ทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 75-days EMA บ่งชี้รูปแบบขาขึ้นระยะกลาง หนุนด้วย RSI แสดงความแข็งแกร่งด้านราคา
RS
แนะนำ ซื้อ
รับ 18.00
ต้าน 19.50
เหตุผล RS ขึ้นทดสอบจุดต้านระยะสัปดาห์ 18.3 ทะลุได้จะส่งผลให้โครงสร้างกลับตัวเป็นขาขึ้นรอบใหม่ หนุนด้วยสัญญาณบวก Bull Stochastic