- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 March 2019 23:13
- Hits: 2851
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“น้ำมันขึ้นดี-ลดห่วง Inverted Yield Curve-ตามการเมือง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +6.41 จุด ปิดที่ 1632.32 จุด มูลค่าการซื้อขายซบเซาที่ 38.2 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราปรับขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ ดัชนีฯรีบาวด์ หลังรับข่าวลบ Inverted Yield Curve ว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำไประดับหนึ่งแล้ว ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลไทยยังต้องติดตามในการฟอร์มทีม หากมีความชัดเจนคาดว่า SET จะตอบรับในทางที่ดี ผู้ซื้อสุทธิคือ ต่างชาติ 0.7 พันล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.5 พันลบ. สำหรับผู้ขายสุทธิเป็น สถาบัน 1.0 พันลบ. และนักลงทุนทั่วไปขายเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิแล้ว 12.2 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET ดูมีโมเมนตัมดีต่อ หลัง Inverted Yield Curve คลี่คลายระดับหนึ่ง คือผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับขึ้น แต่ระยะสั้นปรับลง ส่วนราคาน้ำมันดีดขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน
# แต่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ปรับตัวลงถ้วนหน้า อาจเป็นเพราะบอนด์ยิลด์ 10 ปีกลับมาลดลง บาทอ่อน ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลง จึงอาจต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรระหว่างวัน ยังต้องติดตามปัจจัยการเมืองไทย ที่กำลังมีความเคลื่อนไหวการหาพรรคร่วมรัฐบาล
# อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่มีโอกาสหนุนนำดัชนีฯช่วงปลายเดือนนี้ คือ การเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก MSCI มาช่วย หลังนำ NVDR มาร่วมคำนวณ รวมทั้งการปิดไตรมาส 1/62 จะมี Window Dressing หรือไม่ ยังต้องติดตามผลการเจรจาการค้า และความคืบหน้าของ Brexit
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1640-1650 จุด แต่หากกลับมีแรงขาย แนวรับเป็น 1610,1600 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง หากดัชนีต่ำกว่า 1630 จุด จะเป็นจุดตัดขาดทุนในระยะสั้น ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่ P/E 16.7 เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-y แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHAหุ้นเด่น KKP : ธุรกิจธนาคารปี 62 เติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 8%, ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) 4.5-4.7%, ROE 14-15%, Credit cost 100-120bps และNPL ratio ต่ำกว่า 4% ด้านธุรกิจตลาดทุนสดใส ในปี 62 มีดีลวาณิชธนกิจใหญ่ เช่น ดีล IPO หุ้น PTTOR (บริษัทย่อย PTT), ดีลที่ปรึกษาการเงินการซื้อขายโรงไฟฟ้า, ดีลที่ปรึกษาการควบรวมกิจการ เป็นต้น เราชอบ KKP ที่มีการเติบโตได้ดีจากการมีธุรกิจและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน และจ่ายปันผลสูง โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 62 ไว้เท่ากับปีก่อนที่ 5 บาท/หุ้น (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) ซึ่งให้ Yield ณ ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 69.75 บาทสูงถึง 7.2% กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 97.00 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”อีกครั้ง (แต่ถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง –ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(แรงหนุนของ“SMA10วัน”) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1640 (หรือ 1645 – 1650) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1630” (แนวรับย่อย “1610 / 1600”) จุด}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ KBANK,THANI,GULF,PRM หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GOLD,DCC,TTCL,AEONTS,AOT,MINT,CPN หุ้นที่หลุด List คือ PLANB ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ BCH,TU,BDMS
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ASIAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 11.39)
VGI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.49)
Flash Note : SAWAD (ถือ -ราคาพื้นฐาน 50.00)
STOCK In Focus : AMATA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 26.00)
In The News : กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : สินเชื่อเดือนก.พ.เติบโตดีขึ้น หนุนโดยสินเชื่อรายย่อย
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : คาดไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้น ลดกังวล Inverted yield curve
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทอายุ 3 ปีปรับตัวลดลง ซึ่งช่วยให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีความลาดน้อยลงหลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่ามา ได้เกิดภาวะ Inverted yield curve หรือเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลาดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ซึ่งได้จุดชนวนความกังวลในตลาดการเงินทั่วโลกว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
+ สหรัฐ: ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นดี หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์ค
# หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น 1.9% ขานรับการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.03% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 2.3% หุ้นเดวอนเอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.9% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตันเพิ่มขึ้น 0.81%
+ สหรัฐ: ผู้แทนการค้าสหรัฐจะไปเยือนจีนปลาย มี.ค.นี้ เป้าหมายบรรลุข้อตกลงภายใน เม.ย.62
# นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย
-สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจประกาศเมื่อคืนนี้ อ่อนลง
# ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 124.1 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 131.4 ในเดือนก.พ.และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 133 โดยดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
# ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.พ. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลง 8.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.162 ล้านยูนิต แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
+/- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้น กลุ่มพลังงาน และแบงค์หนุน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,657.73 จุด เพิ่มขึ้น 140.90 จุด หรือ +0.55% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,818.46 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,691.52 จุด เพิ่มขึ้น 53.98 จุด หรือ +0.71%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่พุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยรัฐมนตรีคลังและผู้แทนการค้าของสหรัฐจะเดินทางเยือนจีนเพื่อหารือด้านการค้ากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนในสัปดาห์นี้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น แนวโน้มตลาดน้ำมันตึงตัว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 59.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 67.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าการที่รัฐบาลสหรัฐควํ่าบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลานั้น จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกประสบภาวะตึงตัวนอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง ขายทองคำเข้าหาตลาดหุ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 7.60 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่1,315.00 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากการดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำเช่นกัน
• นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศภายในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนม.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส4/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- เศรษฐกิจไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือน ก.พ.62 ลดลง
# สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือน ก.พ.62 อยู่ที่ 105.24ปรับลดลง 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) และลดลง 2.91% จากเดือนก่อนหน้า (MOM) โดยได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่ชำรุดของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐานของผู้ผลิตบางรายที่ลดการผลิตลงกว่า 14.4%
+ ธนาคารพาณิชย์: สินเชื่อสุทธิในเดือน ก.พ.62 กลับมาเร่งตัวขึ้น
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์2562 พบว่า ภาพรวมสินเชื่อสุทธิในเดือน ก.พ.62 กลับมาเร่งตัวขึ้นจากแรงหนุนของสินเชื่อรายย่อยหลัก ทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเช่าซื้อรถ ตามอุปสงค์ที่เร่งตัวจากปัจจัยชั่วคราว กล่าวคือ การเร่งโอนบ้านก่อนมาตรการสินเชื่อใหม่มีผลใน 1เม.ย.62 และยอดขายรถที่คาดว่ายังมีการทยอยส่งมอบรถต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่แล้ว
# ผลกระทบ: เรายังคงให้ BBL และ KKP เป็นหุ้น Top Picks ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดย BBL ได้อานิสงค์จากการลงทุนที่ขยายตัว เพราะธนาคารมีสัดส่วนลูกค้าภาคธุรกิจจำนวนมาก กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 250.00 บาท ขณะที่ KKPมีการเติบโตที่ดีและจ่ายปันผลสูง คาด Dividend Yield ปี 62 เท่ากับ 7.2% ราคาพื้นฐานเป็น 97.00 บาท
• สนค.คาดไทยได้รับผลกระทบจาก Brexit จำกัด
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์ที่อังกฤษขอถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างใกล้ชิด พบว่าความเปลี่ยนแปลงน่าจะส่งผลกระทบต่อไทยในวงจำกัด โดยในภาพรวม Brexitเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจการค้าโลก แต่ไทยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เช่น อัตราเงินเฟ้อและการว่างงานที่ต่ำ การเกินบัญชีดุลสะพัดสูง ซึ่งจะทำให้รับมือกับความผันผวนภายนอกได้ดี
+ คาด MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย หลังจากนำ NVDR เข้าคำนวณ
# MSCI: ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ลุ้น MSCI Index ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก 2.5% เป็น 3% ในช่วงราว 29 มี.ค.62 นี้มั่นใจช่วยดึงเงินต่างชาติไหลกลับ ด้านโบรกฯคาดฟันด์โฟลว์เข้ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมแนะ 4 หุ้นที่จะได้เข้าคำนวณดัชนี MSCI รอบเดือนพ.ค.62 INTUCH, DTAC, RATCH และ CENTEL (ข่าวหุ้น 7 มี.ค.62 )
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]