WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KGIบล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อกรอบจำกัด ติดตามข่าวการฟอร์มรัฐบาลต่อไป
KGI ประเมิน SET Index วันพุธปรับขึ้นต่อแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด... หนุนโดยภาวะตลาดการเงินต่างประเทศที่คลายกังวลต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มทรงตัวลดแรงกดดันต่อประเด็นที่ตลาดกลัว เช่น i) yield curve inversion (ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวต่ำกว่ระยะสั้น ) และ ii) เศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามใกล้ชิด โดยในส่วนของการเมืองนั้นพรรคเพื่อไทยเตรียมแถลงข่าวในวันนี้อ้างว่าได้เสียงข้างมากในการจัดตัง้ รัฐบาล ขณะที่สื่อ นสพ. ต่างรายงานว่าพรรคพลังประชารัฐฯ น่าจะรวบรวมเสียงข้างมากได้เช่นกัน ซึ่งรายละเอียดการฟอร์มรัฐบาลที่จะออกมานั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้นำตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายวันข้างหน้านี้
 
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร STEC*, PLANB*, RS*
 STEC* (เป้าพื้นฐาน 32 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 23.6 บาท / แนวต้าน 24.3 บาท และถัดไปที่ 25บาท (Stop loss 22.6 บาท) 2) ประเมินการลงทุนภาครัฐฯเดินหน้าประมูลต่อ หลังการเลือกตัง้ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ๆ จะเกิดขึ้นใน 2Q62 - 3Q62 หลังมีรัฐบาลใหม่ 3) Momentum ของกำไรยังเร่งตัวขึ้นจากการรับรู้รายได้แบบ S-curve ที่ชันขึ้นของโครงการรถไฟฟ้า (สายสีส้ม ชมพู และเหลือง)
 
 PLANB* (เป้าพื้นฐาน 8.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 6.3 บาท / แนวต้าน 6.6 - 6.9 บาท (Stop loss6.2 บาท) 2) VGI* จะเข้าถือหุ้น PLANB* สัดส่วน 19% โดยจะเป็นการซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิม และเป็นการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่แบบ PP ที่ราคา 6.40 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมิน EPS Dilute ราว 9.09% แต่มีโอกาสในการปรับประมาณการฯ ขึ้นจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้นระหว่าง VGI* และ PLANB* ... อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Alert วันนี้ 3) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2562 จะโต+34% YoY จาก i) Capacity จอโฆษณา และ U-rate เพิ่มขึ้น , ii) รับรู้รายได้จากการลงทุนในBNK48 เต็มปี
 
 RS* (เป้าพื้นฐาน 25 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 18.0 บาท / แนวต้าน 19.0 บาท หาก Breakoutผ่านไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 20.5 บาท (Stop loss 17.5 บาท) 2) วานนี้ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการ พ.ร.บ. เครื่องสำอาง (เพื่อควบคุมมาตรฐาน) คาดเป็น Sentiment บวกมาที่หุ้นที่ประกอบธุรกิจเครื่องสำอางที่ผ่านมาตรฐาน อย. อย่าง RS*, BEAUTY*, DDD, TAPACเป็นต้น ... คาดเริ่มบังคับใช้ในรัฐบาลใหม่ 3) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มกำไร 1H62 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการขยายช่องทางขายผ่านไทยรัฐฯทีวี (เริ่ม มี.ค.62)
 
หุ้นเชิงปริมาณ & พื้นฐาน "Quantamental"
 หุ้นเด่น Quantamental: แนะนำ "ซื้อ เมื่ออ่อนตัว" และ ระมัดระวังความเสี่ยง "Momentum Crash"สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้เลือก CKP* (Stop loss 4.6 บาท), TK (Stop loss 9.3 บาท) /สำหรับนักลงทุนที่รับเสี่ยงได้น้อย (เน้นที่ปัจจัย Value เลี่ยงปัจจัย Momentum เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงMomentum Crash) เลือก SPRC* (Stop loss 9.5 บาท), ROJNA (Stop loss 4.7 บาท), BJCHI(Stop loss 1.8 บาท)
 
หุ้นมีข่าว
สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมก.พ.-1.6% YoY และ -2.91% MoM อัตราการใช้กำลังการผลิตก.พ.อยู่ที่ 69.0% สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) รายงานว่าอุตสาหกรรมที่ส่งผลลบต่อ MPI ในเดือนก.พ.ปีนี้ คือ อุตสาหกรรมเหล็ก -14.43% YoY ซึ่งได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่ชำรุดของอุตสหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าชั้นมูลฐานของผู้ผลิตบางรายที่ลดการผลิตลงคอมพิวเตอร์ HDD -12.11% YoY และผลิตภัณฑ์ยาง -7.25 % YoY การหดตัวส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งดูแลมาตรฐานยางของสมอ. ทำให้ยางรถยนต์ไร้คุณภาพลดลง แต่ยังมีอุตสาหกรรมที่ส่งผลบวกต่อผลผลิตอุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมรถยนต์และเครื่องยนต์ โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศและยอดส่งออกยังเพิ่มขึ้นขณะที่น้ำตาล สุรา น้ำมันปิโตรเลียม และเม็ดพลาสติกยังเป็นบวก (Bisnews) มีปัจจัยหลักชั่วคราวที่ไม่ใช่มาจากภาวะเศรษฐกิจแต่เป็นปัจจัยเฉพาะ 2 ปัจจัย ที่ทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว คือ เหล็กและยางรถยนต์ ขณะที่การค้าโลกยังมีแนวโน้มซบเซาลงบวกกับการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปที่หดตัวลงเป็นสัญญาณลบต่อการผลผลิตของประเทศ ซึ่งจะทำให้ในไตรมาสที่1/62 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมอาจจะหดตัวลงเทียบกับไตรมาสที่ 1/61 และจะส่งผลลบต่ออัตราการขยายตัว GDP ไตรมาสที่ 1/62 ด้วยเช่นเดียวกัน
 
(+) TU* เข็นลูกผลิต/จำหน่ายอาหารสัตว์นํ้าเข้า SET (โพสต์ทูเดย์) TU* เตรียมดันบริษัทลูก ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำเสนอขายหุ้นไอพีโอและเข้าจดทะเบียนใน SET
 
(+) WHAUP* ทุ่ม 2.2 พันล้าน รุกโซลาร์รูฟ-นํ้าเพื่ออุตฯ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตีส์ฯ ทุ่ม 2.2 พันล้านบาทรุกธุรกิจโซลาร์รูฟ และน้ำเพื่ออุตสาหกรรม โดยกันเงิน 400-500 ล้านบาทเพื่อ M&A ธุรกิจน้ำประปาใน เวียดนาม เมินโครงการโซลาร์ภาคประชาชน เผยปีนี้กำไรโตชะลอตัวไม่มาจากปีก่อน
 
(+) VGI* ทุ่มงบ 4.6 พันล้าน ซื้อหุ้น 'PLANB' 18.60% ผงาดสร้างเครือข่ายสื่อโฆษณาครบวงจร(ข่าวหุ้น) VGI* ประกาศทุ่มงบลงทุน 4.6 พันล้านบาท เข้าซื้อหุ้น PLANB ในสัดส่วน 18.60% หวังสร้างเครือข่ายสื่อโฆษณาครบวงจร พร้อมเพิ่มโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ หนุนรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
 
(+) SAWAD* รุกจำนำบ้านที่ดิน (โพสต์ทูเดย์) ปีนี้วางเป้าเติบโต 20-30% พร้อมทุ่มงบ 500 ล้านบาทขยายสาขาพัฒนาไอทีเพิ่ม ศรีสวัสดิ์วางเป้ าโตสุด 30% เล็งขยายสินเชื่อจำนำบ้าน ที่ดิน ทุ่มงบเปิดสาขาลงทุนไอทีเพิ่ม
 
(+) BM กดปุ่มผลิตตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ตั้งเป้าโกยยอดขาย 80 ล้าน (ทันหุ้น) BM เดินเครื่องผลิตรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคมนี้ ประเดิมขายเชียงใหม่แห่งแรก คาดกวาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 200 คัน ที่ราคา3.7-4 แสนบาทต่อคัน หรือประมาณ 80 ล้านบาท แย้มผลงานไตรมาส 1/2562 สดใส ย้ำเป้ารายได้ปีนีเติบโต 20%
 
(+) RS* ชูธงรายได้ 3 ปี หมื่นล้าน เร่งเกมบุกพาณิชย์-ค้าปลีก (ทันหุ้น) 'เฮียฮ้อ' สั่งลุย RS เทรดหมวดธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีก 29 มี.ค.นี้ เร่งขยายแพลตฟอร์มธุรกิจ MPC ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ลุยออนไลน์-ผู้แทนขาย เล็งจับมือพันธมิตรผลิตแบรนด์สินค้าต่อยอดธุรกิจ OEM-OBM พร้อมเพิ่ม BigData แตะ 1.8 ล้านราย ชูเป้ารายได้ 3 ปี แตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท
 
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
 ZEN (เป้า Consensus 16.7 บาท) ประเมินแนวรับ 14.7 บาท / แนวต้าน 15.1 - 15.4 บาท (Stoploss 14.7 บาท)
 KTB* (เป้าพื้นฐาน 22.4 บาท) ประเมินแนวรับ 18.8 บาท / แนวต้าน 19.4 บาท (Stop loss 18.6บาท)
 AMATA* (เป้าพื้นฐาน 25 บาท) ประเมินแนวรับ 20.8 บาท / แนวต้าน 21.7 (Stop loss 20.8 บาท)
 ROBINS* (เป้าพื้นฐาน 77 บาท) ประเมินแนวรับ 55 บาท / แนวต้าน 59 บาท (Stop loss 54 บาท)
 OSP (เป้า Consensus 27.9 บาท) ประเมินแนวรับ 26.25 บาท / แนวต้าน 27.5 - 29.0 บาท (Stoploss 25.5 บาท)
 
 
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
DTAC* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 66 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 1Q62 = 1.57 พันล้านบาท(Turnaround จากขาดทุนสุทธิ 4.9 พันล้านบาทใน 4Q61, และ +19% YoY) เป็นผลจาก i)ฐานตํ่าใน 4Q61 เพราะมีรายการพิเศษ ii) คาดต้นทุนและรายจ่ายลดลง ทั้งนี้คาดว่ากำไรจะเติบโตแบบ YoYต่อเนื่องตลอดในปี 2562 นี้เพราะต้นทุนทางบัญชีที่จะลดลงจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภายใต้สัมปทานที่หมดลงใน 3Q61 อย่างไรก็ดี Upside จากราคาเหมาะสมที่จำกัด จึงคงคำแนะนำ "ถือ"

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!