- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 26 March 2019 14:41
- Hits: 2462
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“รับ Inverted Yield Curve ส่วนหนึ่งแล้ว-รอดูการเมือง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -20.38 จุด ปิดที่ 1625.91 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 47.1 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราปรับลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ SET ได้รับผลลบจากต่างประเทศคือ ตัวเลข PMI ยูโรโซนและสหรัฐออกมาอ่อน ยังผลให้ดาวโจนส์ น้ำมันร่วงลงแรง กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ หลังเกิดภาวะInverted Yield Curve คือ ดอกเบี้ยระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว ส่วนปัจจัยในประเทศเน้นไปที่การเมือง เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ผู้ซื้อสุทธิรายเดียวคือ รายย่อย 3.7 พันลบ.สำหรับผู้ขายสุทธิเป็น นักลงทุนต่างชาติ 1.6 พันลบ. พอร์ตโบรกเกอร์ 1.2 พันลบ.และสถาบัน 0.9 พันล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิแล้ว 12.9 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาสรีบาวด์ หลังรับข่าวลบ Inverted Yield Curve ว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำไประดับหนึ่งแล้ว ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลไทยยังต้องติดตามในการฟอร์มทีม หากมีความชัดเจนคาดว่า SET จะตอบรับในทางที่ดี ดาวโจนส์บวก แต่น้ำมันยังปรับตัวลงเล็กน้อย
# ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ฟื้นตัว ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้น บาทแข็ง การเจรจาการค้ากำหนดบรรลุข้อตกลงภายใน เม.ย.62 บอนด์ยิลด์ปรับต้วลงเป็น 2.4182% ทำให้เงินไหลออกไปสหรัฐฯน้อย และดัชนีความกังวล (VIX) อ่อนลงเล็กน้อย หลังปรับขึ้นไปก่อนหน้า
# อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่มีโอกาสหนุนนำดัชนีฯช่วงปลายเดือนนี้ คือ การเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก MSCI มาช่วย หลังนำ NVDR มาร่วมคำนวณ รวมทั้งการปิดไตรมาส 1/62 จะมี Window Dressing หรือไม่ ยังต้องติดตามผลการเจรจาการค้า และความคืบหน้าของ Brexit
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1630-1635 จุด แต่หากกลับมีแรงขาย แนวรับเป็น 1610,1600 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง หากดัชนีต่ำกว่า 1620 จุด จะเป็นจุดตัดขาดทุนในระยะสั้น ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่ P/E 16.7 เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-y แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
หุ้นเด่น SC : ปรับลงมากเกินไป จากปัจจัยจิตวิทยาทางลบที่ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ ครอบครัวชินวัตร และคะแนนเลือกตั้งเพื่อไทยต่ำกว่าคาด แต่ในแง่การดำเนินงาน บริษัทดำเนินธุรกิจแบบมืออาชีพ และเพื่อสะท้อนเกณฑ์ LTV แบงค์ชาติ ให้รายได้ปีนี้ต่ำกว่าเป้าบริษัทถึง 14% เป็น 16.4 พันล้านบาท จาก 19.0 พันล้านบาท พบว่ากำไรหลักปี62 ยังเติบโตในเกณฑ์น่าพอใจเป็น 2,056 ล้านบาท เพิ่ม 15% y-o-y แนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 3.44 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่ม 16% และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้และปี 63 ที่ 6.6%/6.9% ถือว่าปันผลได้สูง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบแรง”ใต้“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)}ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่เพราะลงแรง/เร็ว (และอยู่ใกล้แนวรับย่อย “1620 – 1610” ที่ทดสอบแล้วเด้งกลับ) จึงทำให้มีลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆ(แล้วจึงลงต่ำต่อ)ได้ แนวต้าน 1630 – 1635 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1620” (แนวรับย่อย “1610 / 1600”) จุด}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ CPN,PLANB หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GOLD,DCC,TTCL,BCH,AEONTS,AOT,MINT,TU,BDMS หุ้นที่หลุด List คือ ไม่มี ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ BBL,RS
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Hot Issue : ติดตามการจัดตั้งรัฐบาล
Flash Note : SVI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.70)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: โบอิ้งปรับขึ้นดี มีการชี้แจงอัพเดทซอฟต์แวร์และสื่อสารเกี่ยวกับเครื่องบินตระกูล MAX ที่เคยมีปัญหา
# หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 2.2% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากบริษัทโบอิ้งได้เชิญนักบินรวมถึงบุคลากรฝ่ายเทคนิคและกำกับดูแลรวมกันกว่า 200 รายทั่วโลก เพื่อร่วมการประชุมในวันพุธนี้ โดยคาดว่าเป็นการเรียกประชุมเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการอัพเดทซอฟต์แวร์และการฝึกฝนนักบินที่เกี่ยวข้องระบบควบคุมการบินในเครื่องบินโบอิ้ง737 Max เพื่อให้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวกลับมาให้บริการโดยเร็ว
# การประชุมดังกล่าวบ่งชี้ว่าการอัพเดทซอฟต์แวร์ระบบควบคุมการบิน MCAS (Maneuvering CharacteristicsAugmentation System) ในเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะที่โฆษกของโบอิ้งระบุว่า ทางบริษัทจะเดินหน้าจัดการประชุมเพิ่มเติมต่อไป เพื่อสื่อสารกับสายการบินทั้งหมดที่ใช้เครื่องบินตระกูล MAX
+ สหรัฐ: ผลการสอบสวนของนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ไม่พบหลักฐาน
# ผลการสอบสวนของนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษของสหรัฐ ไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียเพื่อกระทำการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559
-สหรัฐ: แม้ดาวโจนส์วานนี้บวก แต่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ
# อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้เกิดภาวะเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐแบบลาดลง หรือInverted yield curve เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ซึ่งได้จุดชนวนความกังวลในตลาดการเงินทั่วโลกว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากหากมองย้อนกลับไปยังวิกฤติเศรษฐกิจครั้งที่ผ่านๆ มาในอดีตนั้น มักจะเกิดInverted yield curve ก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐประมาณ 1 ปี
+ สหรัฐ: ผู้แทนการค้าสหรัฐจะไปเยือนจีนปลาย มี.ค.นี้ เป้าหมายบรรลุข้อตกลงภายใน เม.ย.62
# นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.
+/- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้น หุ้นโบอิ้งช่วยหนุน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,516.83 จุด เพิ่มขึ้น 14.51 จุด หรือ +0.06% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,798.36 จุด ลดลง 2.35 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,637.54 จุด ลดลง 5.13 จุด หรือ -0.07%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากบริษัทโบอิ้งได้เชิญนักบินและบุคลากรทางเทคนิคทั่วโลกเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการอัพเดทซอฟต์แวร์ระบบควบคุมการบินในเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิลเป็นปัจจัยกดดันตลาด และจากการที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง กังวลเศรษฐกิจโลก แต่เบรนท์เพิ่มเล็กน้อย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 58.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 67.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับเพิ่ม กังวลเศรษฐกิจโลกและดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.30 ดอลลาร์ หรือ 0.78% ปิดที่ระดับ 1,322.60 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำเช่นกัน
• นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศภายในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., ราคาบ้านเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากConference Board, ดุลการค้าเดือนม.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pendinghome sales) เดือนก.พ., รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- การเมืองไทย: ผลไม่เป็นทางการวานนี้ เพื่อไทยสูงสุด 137 ที่นั่ง และพปชร.ได้ 97 ที่นั่ง ติดตามการจัดตั้งรัฐบาล
# คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดรายจังหวัด/เขตอย่างไม่เป็นทางการ 350 เขตรวม 77 จังหวัด ข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม
- พรรคเพื่อไทย (พท.) มีจำนวน ส.ส. 137 คน
- พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีจำนวน ส.ส. 97 คน
- พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีจำนวน ส.ส. 39 คน
- พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีจำนวน ส.ส. 33 คน
- พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) มีจำนวน ส.ส. 30 คน
- พรรคประชาชาติ (ปชช.) มีจำนวน ส.ส. 6 คน
- พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) มีจำนวน ส.ส. 6 คน
- พรรคชาติพัฒนา (ชพ.) มีจำนวน ส.ส. 1 คน
- พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) มีจำนวน ส.ส. 1 คน
# ผลกระทบ: คะแนนของ พรรคเพื่อไทย และพปชร. ได้มากที่สุด ล่าสุดหากรวม ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทยเป็น 138 คนและพปชร..เป็น 115 คน จึงเป็น 2 ขั้วหลัก ในการจัดตั้งรัฐบาล ตัวแปรที่สำคัญคือ พรรคภูมิใจไทย ว่าจะไปร่วมกับใครหากเลือกข้างใดที่จะไปรวมคะแนนเสียงก็จะมีน้ำหนักทันที ส่วนการประกาศก่อนเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย และมีแนวโน้มประชาธิปัตย์จะจับมือกับ พปชร.จึงยังมีความไม่แน่นอนทางด้านปัจจัยการเมือง แม้มีแนวโน้ม สว.250 เสียงจะให้การสนับสนุน พรรคพปชร.ก็ตาม
+/- พรรคเพื่อไทยและพลังประชารัฐ มีแผนจะเจรจากับพรรคขนาดกลางและเล็ก เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
# พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวภายหลัง กกต.ประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตอย่างไม่เป็นทางการ 350 เขต โดยระบุว่าพรรคชนะการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต โดยได้เสียง ส.ส.ราว 137 ที่นั่ง จึงยืนยันว่ามีความชอบธรรมที่จะรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยหลังจากนี้ จะประสานกับพรรคการเมืองร่วมอุดมการณ์เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อไป และคาดว่าพรรคในกลุ่มนี้ จะได้รับการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งแขตเข้ามามากกว่า 300 เสียง ซึ่งไม่นับรวมเสียงของพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมพลังประชาชาติไทย
# หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ จะเดินหน้าพูดคุยกับทุกพรรคการเมืองที่มีเจตนารมณ์ร่วมกัน และมีแนวนโยบายเดียวกันเพื่อเข้ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยย้ำหลักการว่า พรรคใดที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งพรรคได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนมากถึง 7.9 ล้านเสียง จากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการพูดคุย
# หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีที่รวบรวมได้จากเสียงข้างน้อย โดยยืนยันว่าทุกอย่างต้องทำตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งต้องเป็นรัฐบาลที่มั่นคงและทำงานให้กับประชาชนได้ ไม่ใช่รัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเอาชนะคะคานกัน
+ คาด MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย หลังจากนำ NVDR เข้าคำนวณ
# MSCI: ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ลุ้น MSCI Index ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก 2.5% เป็น 3% ในช่วงราว 29 มี.ค.62 นี้มั่นใจช่วยดึงเงินต่างชาติไหลกลับ ด้านโบรกฯคาดฟันด์โฟลว์เข้ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมแนะ 4 หุ้นที่จะได้เข้าคำนวณดัชนี MSCI รอบเดือนพ.ค.62 INTUCH, DTAC, RATCH และ CENTEL (ข่าวหุ้น 7 มี.ค.62 )
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]