- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 26 March 2019 00:01
- Hits: 2830
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ผลเลือกตั้งชัดเจน แต่ต่างประเทศ-วิตกเศรษฐกิจโลก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ +12.29 จุด ปิดที่ 1646.29 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นที่ 46.5 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราปรับขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ SET ได้รับผลบวกจากปัจจัยต่างประเทศคือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดออกมาดี ระยะนี้หุ้นเทคโนโลยีหนุนดาวโจนส์ การเจรจาการค้าคืบหน้า มีการไปเยือนกันระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ยังรอดูผลการเลือกตั้งของไทย กลุ่มธนาคารและพลังงานนำตลาด ผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 3.2 พันล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติ 2.3 พันลบ.สำหรับผู้ขายสุทธิเป็นรายย่อย 5.0 พันลบ.และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.5 พันลบ. ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิแล้ว 11.3 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET ผันผวน ความจริงด้านปัจจัยการเมืองไทย ผลเลือกตั้งมีความชัดเจน พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงมากกว่าคาด แต่เพื่อไทยกลับน้อยกว่าคาดพลังประชารัฐจึงมีโอกาสสูงได้จัดตั้งรัฐบาลท่ามกลางการสนันสนุนจากวุฒิสมาชิก แต่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นตัวแปรสำคัญว่าจะไปรวมกับใคร แต่ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบตัวเลข PMI ยูโรโซนและสหรัฐออกมาอ่อน ยังผลให้ดาวโจนส์ น้ำมันร่วงลงแรง
# ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับลงแรงมากกว่า 1% โดยเฉพาะญี่ปุ่นลดถึง 3% กังวลเศรษฐกิจโลกจะแย่ ดาวโจนส์ลดลงเช่นกัน ดัชนีความกลัว (VIX) อ่อนลงมา 16.48 จุด วันนี้จึงเป็นเหตุการณ์ที่น่าติดตามว่าปัจจัยในประเทศ จะต้านปัจจัยต่างประเทศในเชิงลบได้มากน้อยเพียงใด
# อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่มีโอกาสหนุนนำดัชนีฯช่วงปลายเดือนนี้ คือ การเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก MSCI มาช่วย หลังนำ NVDR มาร่วมคำนวณ รวมทั้งการปิดไตรมาส 1/62 จะมี Window Dressing หรือไม่ ยังต้องติดตามผลการเจรจาการค้า และความคืบหน้าของ Brexit
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1650-1660 จุด แต่หากกลับมีแรงขาย แนวรับเป็น 1620,1610 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง ด้านการซื้อลงทุนระยะกลางทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่ P/E 16.7 เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-yแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
หุ้นเด่น DCC : คาดกำไรสุทธิ 1Q62 โต 10-15%YoY และเพิ่มขึ้นราว 40%QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนก๊าซจะลดลงใน 2Q62 และทำให้มาร์จิ้นดีขึ้น อีกทั้งกำไรสุทธิจะดีขึ้นเมื่อเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น RCI จาก 4% เป็นไม่เกิน 25% นอกจากนี้ ธุรกิจให้เช่าก็ช่วยเพิ่มรายได้และกำไรในระยะยาว แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 2.50 บาท คาดอัตราผลตอบแทนปันผลงวดปีนี้เป็น 4.7%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบมีลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1635”(แนวรับย่อย “1620 – 1610”) จุด}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ AEONTS,AOT,MINT,TU,BDMS หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GOLD,BBL,DCC,TTCL,BCH,RS หุ้นที่หลุด List คือ ACAPส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ RATCH,ADVANC,TOP
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : PTTEP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 143.00)
RML (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 1.03)
Key Takeaways: CPN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 85.00)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance ตามคาด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐและยุโรป: ตัวเลข MPI ออกมาอ่อนทั้งยุโรปและสหรัฐ
# ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากแตะระดับ 55.5 ในเดือนก.พ.
# ไอเอชเอส มาร์กิตยังเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 51.9 ในเดือนก.พ.
# ขณะเดียวกัน ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ51.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 69 เดือน จากระดับ 52.8 ในเดือนก.พ.
# นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิตยังเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของฝรั่งเศส ลดลงสู่ระดับ48.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 50.4 ในเดือนก.พ.
+ สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2555 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนม.ค.
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 11.8% สู่ระดับ 5.51ล้านยูนิตในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1 ล้านยูนิต
- สหรัฐ: เฟด ปรับลดการขยายตัว GDP สหรัฐ
# ส่วนเฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.1% จากระดับ 2.3% ที่ระบุไว้ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 1.9% จากเดิมที่ 2.0%
+ สหรัฐ: ผู้แทนการค้าสหรัฐจะไปเยือนจีนปลาย มี.ค.นี้
# นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนยืนยันว่า คณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ส่วนนายหลิว เหอ และคณะ จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในสัปดาห์แรกของเดือนเม.ย. เพื่อหารือกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐ
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ดิ่ง สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจ PMI แย่ลงทั้งสหรัฐและยุโรป
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,502.32 จุด ลดลง 460.19 จุด หรือ -1.77% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,800.71 จุด ลดลง 54.17 จุด หรือ -1.90% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,642.67 จุด ลดลง 196.29 จุด หรือ -2.50%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของประเทศต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐ ลดลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง กังวลเศรษฐกิจโลก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 59.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 83 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 67.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งอาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ของประเทศต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐ ลดลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับเพิ่ม หลังตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนัก
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.00 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่1,312.30 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของประเทศต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐ ลดลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- การเมืองไทย: ผลเลือกตั้งชัดเจน พปชร.คะแนนสูงเกินคาด มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสูง แต่คะแนนเพื่อไทยต่ำคาด
# พรรคเพื่อไทย(พท.) - พลังประชารัฐ(พปชร.) คะแนนเบียดกัน ขณะที่ "ประชาธิปัตย์" พ่ายหมดท่า ได้ต่ำกว่า 100 ที่นั่งส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ หายเกือบเกลี้ยง พรรคอนาคตใหม่ แรงเกินคาด ทั้ง ส.ส.แบ่งเขต และปาร์ตี้ลิสต์พร้อมจับตาสูตรจัดตั้งรัฐบาล มึน! บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์มาไม่ทัน 1.5 พันบัตร อาจเป็นบัตรเสีย ด้านโบรกฯ มองสัปดาห์นี้หุ้นมีโอกาสวิ่งขึ้นรับฟันด์โฟลว์ประเดิมเข้า 8 พันล้านบาท (ข่าวหุ้น)
# ผลกระทบ: คาดว่าจะเป็นบวกกับตลาด ในประเด็นหากพรรคพลังประชารัฐสามารถรวมกับพรรคขนาดกลางและเล็กได้จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะหากวุฒิสมาชิก 250 เสียงเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐมีความเหมาะสมขณะที่พรรคเพื่อไทยได้คะแนนน้อยกว่าคาด ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามตัวแปรที่สำคัญคือ พรรคภูมิใจไทย หากเลือกข้างใดที่จะไปรวมคะแนนเสียง ระหว่างกลุ่มผู้นำจัดตั้งรัฐบาล คือ พรรคพลังประชารัฐ หรือ เพื่อไทย แต่เป็นที่คาดการณ์ในวงกว้างว่า พรรคภูมิใจไทย จะเลือก พรรคพลังประชารัฐ
+ คาด MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย หลังจากนำ NVDR เข้าคำนวณ
# MSCI: ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ลุ้น MSCI Index ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก 2.5% เป็น 3% ในช่วงราว 29 มี.ค.62 นี้มั่นใจช่วยดึงเงินต่างชาติไหลกลับ ด้านโบรกฯคาดฟันด์โฟลว์เข้ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมแนะ 4 หุ้นที่จะได้เข้าคำนวณดัชนี MSCI รอบเดือนพ.ค.62 INTUCH, DTAC, RATCH และ CENTEL (ข่าวหุ้น 7 มี.ค.62 )
-การขยายตัวส่งออกในปี 62 มีแนวโน้มต่ำกว่าคาด
# ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า การขยายตัวของการส่งออกในปี 2562 มีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.4% เนื่องจากตัวเลขมูลค่าการส่งออกในช่วง 2 เดือนแรก (หากไม่รวมการส่งกลับอาวุธ) มีการหดตัวมากกว่าที่คาด จากปัจจัยลบทั้งในส่วนของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และผลกระทบจากสงครามการค้า แม้ว่าล่าสุดจีนและสหรัฐฯ จะมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น โดยสหรัฐฯ ได้ทำการเลื่อนการขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% ออกไป จากเดิมที่จะขึ้นในวันที่ 1 มี.ค.62 อย่างไรก็ดี ในภาพรวมก็ยังถือว่าสงครามการค้ายังคงมีทิศทางยืดเยื้อ
+ คาด EEC สร้างเม็ดเงินลงทุนมากคือ ไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาทในปี 62
# คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ด EEC คาดว่า ในปี 62 นี้จะมีมูลค่าลงทุนในการขอรับส่งเสริมการลงทุนจากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับ EEC ไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยผลักดันอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ให้เพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]