- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 March 2019 23:53
- Hits: 2800
บล.กรุงศรี : Money Wizard
Money Wizard
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้น +12.29 จุด (+0.75%) ปิดที่ 1,646 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 4.6 หมื่นล้านบาท จากความคาดหวังผลการเลือกตั้งในด้านบวก รวมถึง EU มีมติขยายเวลา Brexit ตามคำขอของอังกฤษ ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม Big Cap เช่น Energ Petro Bank และ Conmat หนุนให้ตลาดปรับตัวขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 2,292 ล้านบาท และ Net Long TFEX 6,402 สัญญา แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,449 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลางคาดดัชนีแกว่งตัว 1,630 – 1,660 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดต่างประเทศจะเป็นลบจากความกังวลการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกหลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของทั้งสหรัฐและยูโรโซนในเดือนมี.ค.ทรุดตัวลง รวมถึง FED ปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐปีนี้ลงสู่ 2.1% (จาก 2.3%) อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งในประเทศ (กกต.ประกาศผลอย่างเป็นทางการ 14.00 น.) จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางตลาดโดยแบ่ง 2 scenario ดังนี้
1. พรรคพปชร.ได้เสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้ มองเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุนเนื่องจากการเมืองจะมีเสถียรภาพทั้งส.สและส.ว. และสานต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง
2. พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้ มองเป็นลบต่อทิศทางการลงทุนเนื่องจากจะมีความไม่แน่นอนต่อภาพการเมืองในอนาคต
กลยุทธ์การลงทุน :
• กลุ่มโรงกลั่น (TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบ 1Q19 เป็นบวกจากค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นและ Stock gain
• AMATA STEC BEM BTS อานิสงส์การเลือกตั้งหนุนต่อความเชื่อมั่นการลงทุน
• กลุ่มที่ได้ประโยชน์หาก MSCI อนุมัติให้รวม NVDR ไว้ในน้ำหนักการลงทุน SCC BDMS INTUCH RATCH CENTEL DTAC
หุ้นแนะนำวันนี้ : STEC (ปิด 23 ซื้อ/เป้า 29) เก็งกำไรกลุ่มรับเหมามองเป็นกลุ่มที่จะได้อานิสงส์หลังการเลือกตั้งเนื่องจากคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะชูแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ, EA (ปิด 49 ซื้อ/เป้า 63) คาดกำไรสุทธิ 1Q19 พุ่งทำ All time high ต่อเนื่องรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. ขณะที่ปลายเดือน มี.ค.จะเริ่มการผลิตโครงการใหม่อีก 170MW
Top picks ปี 2Q19 : CPALL, IVL, MTC, SPRC และ TOP
KSS report วันนี้ : SCB (ปิด 135 ถือ /เป้า 140)
ประเด็นสำคัญวันนี้ :
• (+/-) เลือกตั้ง 62 ผลอย่างไม่เป็นทางการ คาด พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นนายกฯ แต่จะเป็นรัฐบาลผสม ทำให้ตลาดยังกังวลถึงเสถียรภาพของรัฐบาลในระยะยาว : กกต.รายงานผลนับคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ (93%) พบว่าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ที่ 130 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐได้อันดับ 2 ที่ 112 ที่นั่ง และอันดับ 3 คือ พรรคอนาคตใหม่ได้ 72 ที่นั่ง หากดูตามผลคะแนนที่ออกมา คาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี (รวมคะแนน ส.ส.+ส.ว.) แต่รูปแบบรัฐบาลจะเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งจะมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในระยะยาว หากยึดจากจุดยืนของแต่ละพรรคอาจจะทำให้ตลาดกังวลถึงความไม่มีเสถียรภาพ (คะแนนเสียงของรัฐบาล กับ ฝ่ายค้านก้ำกึ่งกันมาก) ย่างไรก็ตามวันนี้ต้องติดตามการนับผลคะแนนอย่างเป็นทางการของ กกต.ในช่วงเวลา 14.00 น. รวมถึงการให้ใบ เหลือง ใบแดง ซึ่งจะมีผลต่อจำนวน ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ ในระยะถัดไป
• (-) ดาวโจนส์ร่วงแรง 460 จุด กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น ขณะที่ตลาดพันธบัตรเกิดภาวะ Invert yield curve : ดาวโจนส์ลดลง 460.19 จุด หรือ -1.77% ปิดที่ 25,32 จุด เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกหลังจากตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ Invert yield curve อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับ 2.43% ต่ำกว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือนของสหรัฐที่ 2.46% ขณะเดียวกันดัชนีชี้นำเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัว อาทิ ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐเดือน มี.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.3 ลดลงจาก 55.5 ในเดือน นับเป็นการลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
• (-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 94 เซนต์ จากแรงขายทำกำไร และนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 94 เซนต์ (-1.6%) ปิดที่ 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลซึ่งเป็นระดับแนวต้านสำคัญ และส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกังวลถึงดีมานด์ที่ชะลอตัวหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ของสหรัฐ และ ยุโรป ออกมาไม่ค่อยดี
• (+) ปัจจัยที่ต้องติดตาม – วันนี้ติดตาม กกต.นับผลคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และ 29 มี.ค. MSCI ประกาศเกณฑ์น้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย : ลุ้นอนุมัติให้รวม NVDR ไว้ในน้ำหนักการลงทุน ซึ่งจะทำให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาท และมีหุ้นที่คาดว่าจะถูกรวมเข้าคำนวณเพิ่มอาทิ INTUCH DTAC RATCH และ CENTEL
นักวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน :
อาทิตย์ จันทร์สว่าง Registration No.16475
นักวิเคราะห์ เทคนิค และ นักกลยุทธ์:
ชัยยศ จิวางกูร Registration No. 15942
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์:
ยุภาวณี เล้าตระกูลชัย
ณัฐกานต์ โพธิ์ศรี