- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 March 2019 16:07
- Hits: 4508
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ต่างชาตกลับมาซื้อสุทธิ แต่กังวลเจรจาการค้า”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : HANA (จากซื้อเป็น Fully Valued)ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ทะยาน +12.52 จุด ปิดที่ 1630.09 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายยังเบาบางที่ 36.5 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ซึ่งลบกันถ้วนหน้า ดัชนีฯกลับมารีบาวด์หลังซื้อขายที่ P/E ปี 62 ถูกเพียง 15.4 เท่า อีกทั้งปัจจัยต่างประเทศก็เป็นใจคือ ดาวโจนส์และน้ำมันปรับขึ้นได้แนวโน้มการประชุมเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย ถือว่าหุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาด ข้อดีคือวานนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 0.6 พันล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อ 0.9 พันลบ. สำหรับผู้ขายสุทธิเป็นรายย่อย 1.2 พันลบ.และสถาบัน 0.3 พันลบ.และ ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบันผู้ซื้อสุทธิมากที่สุดคือ สถาบัน 27.1 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET อาจมีโมเมนตัมไปต่อ ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ P/E ปี 62 ของ SET ยังถูกเป็น 15.6 เท่า เฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ย บอนด์ยิลด์สหรัฐต่ำ แต่แรงสกัดมาจากการเจรจาการค้าอาจไม่คืบ หลังจีนไม่เห็นด้วยบางประการ ตัวเลขยอดสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐ ม.ค.ต่ำกว่าคาด และดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลดลง แม้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่เช้านี้ปรับลง แต่ระยะหลังตลาดหุ้นไทยก็มีปัจจัยเฉพาะตัว ไม่แปรตาม
# ปัจจัยที่มีโอกาสหนุนนำดัชนีฯช่วงปลายเดือนนี้ คือ การเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก MSCI มาช่วย หลังนำ NVDR มาร่วมคำนวณ รวมทั้งการปิดไตรมาส 1/62 จะมีWindow Dressing หรือไม่ และความกังวลเรื่องการขึ้นค่าแรงจากพรรคพลังประชารัฐผ่อนคลายลง หลังมีคำชี้แจง
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1635-1640 จุด แต่หากกลับมีแรงขาย แนวรับเป็น 1620,1610 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง สำหรับการประชุมกนง.วันนี้ ไม่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่ P/E 16.7เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-y แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT, BBL, CPALL,HANA, PTT และ WHA
หุ้นเด่น TCAP : คาดว่า TCAP จะได้ผลประโยชน์จาก Synergy ที่เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ และยังคงได้ผลตอบแทนจากกิจการอื่นๆที่ไม่ใช่ของ TBANK เช่นธุรกิจหลักทรัพย์, THANI (ลิสซิ่ง), ประกัน และบริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC) ที่ยังดำเนินธุรกิจต่อไป ขณะเดียวกันเป็นการควบรวมทำให้มูลค่าแฝงที่อยู่ใน TCAPถูกเปิดออกมา โดยหากคิดมูลค่าหุ้น TBANK ที่ TCAP ถือ 51% และขายออกไปในมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท (P/BV 1.1 เท่า) จะได้มูลค่าต่อหุ้น TCAP ประมาณ 60บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน 7%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”เล็กน้อย (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1635 – 1640 (หรือ 1645) จุด{แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1625” (แนวรับย่อย “1620 – 1610”) จุด}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TCAP,SPRC,PTTGC,VNT,BJC หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GOLD,BBL,BGRIM,PLANB,RATCH หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ KTC,SAWAD,TQM
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : HANA (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 29.50)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ติดตาม GSC จะเข้าเกณฑ์ติด Cash Balance หรือไม่
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: กลับมากังวลเรื่องการเจรจาการค้า
# นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าอีกครั้ง หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนอาจจะไม่ทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐในบางประเด็น ซึ่งรวมถึงประเด็นการปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา โดยรายงานข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า การเจรจาการค้าระหว่างสองฝ่ายอาจจะไม่คืบหน้า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเจรจาดังกล่าวก็ตาม
- สหรัฐ: ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน ม.ค.ต่ำกว่าคาด
# มีรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนม.ค. น้อยกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% อันเนื่องมาจากผลกระทบของยอดสั่งซื้อคอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์อิเลคทรอนิคส์ที่ร่วงลงอย่างหนัก
+ สหรัฐ: เฟด มีแนวโน้มยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
# นักลงทุนจับตาการผลประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือFedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง กังวลสงครามการค้าไม่คืบหน้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,887.38 จุด ลดลง 26.72 จุด หรือ -0.10% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,832.57 จุด ลดลง 0.37 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,723.95 จุด เพิ่มขึ้น 9.47 จุด หรือ +0.12%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะไม่คืบหน้า หลังจากมีรายงานว่าจีนอาจจะไม่ทำตามข้อเรียกร้องบางอย่างของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนม.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงไม่มากนัก เนื่องจากตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
-/+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง แต่ Brent ปรับขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 59.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 67.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) หลังจากผลสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อยขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับปัจจัยการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.00 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่1,306.50 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Brexit ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
• จับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของ กนง.วันนี้ คาดว่ายังไม่ปรับขึ้น แต่ควรต้องติดตามถ้อยแถลง
# นักเศรษฐศาสตร์ระบุประตูการขึ้นดอกเบี้ย เริ่มแคบลง "ประสาร" ชี้ดอกเบี้ย นโยบายไม่จำเป็นต้องรีบขึ้น หลังธนาคารกลางหลักของโลกส่งสัญญาณผ่อนคลาย ขณะนักเศรษฐศาสตร์ ประเมินประตูการขึ้นดอกเบี้ยเริ่มแคบลง เหตุหลายปัจจัยไม่เอื้อ แต่ยังเชื่อปลายปีมีโอกาสเห็นการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง
# ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ.62 ของไทย, กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติ และ
ปัจจัยการเมืองในประเทศ
+ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ก.พ.62 เพิ่มจาก ม.ค.62
# มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC CONFIDENCE INDEX) เดือน ก.พ.62 ซึ่งเป็นการสำรวจความเห็นจากประธานหอการค้าและกรรมการหอการค้าของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศจำนวน 377 ตัวอย่างพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ก.พ.62 อยู่ที่ระดับ 48.5 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค.62 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 48.0แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น แม้จะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติที่ 50.0 ก็ตาม
+/- การเมืองไทย: โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 ความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อไทยและพปชร.
# เพื่อไทย: เลือกตั้ง'62: "สุดารัตน์"วอนเลือกเพื่อไทยแบบถล่มทลายเอาชนะกลไก ส.ว.-ห่วงเลือกตั้งเป็นโมฆะ (Aspen)
# พลังประชารัฐ (พปชร.): นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐกล่าวปราศรัยช่วยหาเสียงที่จังหวัดศรีสะเกษว่า วันนี้กระแสพรรคพลังประชารัฐมาท่วมท้นทั่วประเทศ เพราะประชาชนอยากได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแคนดิเดทนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี (Aspen)
+/• พรรค พปชร. ชี้แจงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสูงถึง 400-425 บาท
# นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ประเทศไทยถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจโดยเฉพาะการยกระดับความสามารถของเศรษฐกิจไทยให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในโลก พรรคเสนอนโยบายที่จะขับเคลื่อนให้ประเทศไทยหลุดออกจากกับดักรายได้ปานกลาง ที่เสนอว่าค่าแรงขั้นต่ำจะอยู่ที่ 400 บาทถึง 425 บาทเงินเดือนวุฒิปริญญาตรี 20,000 บาทต่อเดือน วุฒิอาชีวะ 18,000 บาทต่อเดือน ที่ผ่านมา 20 ปี การปรับค่าแรงให้ทันกับค่าครองชีพไม่ค่อยเกิดขึ้น เรื่องพวกนี้เราจะดูแลให้เพิ่มขึ้นในอัตราที่เหมาะสมได้ แต่ไม่ได้ขับเคลื่อนเงินเฟ้อ และในระยะการปฏิบัตินั้นมีมาตรการต่างๆ ในการเพิ่มทักษะแรงงาน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]