เมื่อวานที่ผ่านมา SET เกิด Technical rebound นำโดย แรงซื้อเด่นในกลุ่มพลังงานนำโดย PTTEP, TOP และกลุ่ม Domestic อย่าง CPALL, CPN ณ.สิ้นวัน ปิดตลาดที่ 1,630.0 จุด  (+12.5 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3.6 หมื่นลบ. (วันก่อนหน้า 3.8 หมื่นลบ.)

          นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยที่ 601 ลบ. (สถาบันขายสุทธิ 274 ลบ.) และเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิที่ 16,794 สัญญา

 

          สหรัฐ-จีน เตรียมนัดเจรจาการค้า / คาด FED ผ่อนคลายนโยบายการเงิน  : ภายหลังสงครามการค้าเป็นผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเร็วกว่าคาด ส่งผลให้หลายองค์กรต่างออกมาปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้ เหลือ 3.3-3.5% เราประเมินว่านอกเหนือจากนโยบายการคลังของแต่ละประเทศที่จะหันมาช่วย ยังต้องใช้อีกหนึ่งมาตรการสำคัญ นั่นคือ นโยบายการเงิน โดยแนะนักลงทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ในวันที่ 19-20 มีนาคมนี้ เราคาดเห็น 1) FED คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ2.25-2.50% 2) ส่งสัญญาณเชิง Dovish เพิ่มขึ้น คาดเห็นการปรับ Dotplot การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐปีนี้จาก 2.875% เหลือ 2.625% กล่าวคือ โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐลดเหลือ 1 ครั้ง ในช่วงปลายปี และ 3) เริ่มทยอยลดวงเงินการลด Balance sheet จาก 5.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน ภาพดังกล่าวอาจส่งผลให้สภาพคล่องในระบบลดลงช้ากว่าคาด เป็นบวกอ่อน ๆ ต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะฝั่ง Emerging market ในขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าติดตาม นั่นคือ เมื่อคืนที่ผ่านมามีการแถลงอย่างเป็นทางการจากฝั่งสหรัฐ นำโดย Lighthizer เตรียมบินพบปะจีนอีกครั้งสัปดาห์หน้า เบื้องต้นเราประเมินว่าอาจกินเวลานานกว่า 1-2 เดือนกว่าจะได้ข้อสรุป

          สำหรับการลงทุนเดือนมีนาคม : เราประเมินกรอบการแกว่งตัว SET บริเวณ 1,620-1,680 จุด โดยคาดว่าจะเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา จากปัจจัยการเมืองโลก/ในประเทศ คงคำแนะนำ ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมเน้นลงทุนในกลุ่มไฟฟ้า (EGCO) , รถไฟฟ้า (BEM) กลุ่มท่องเที่ยว (SPA) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL) และเลือก PTTEP เป็นตัวแทน Global play

 

          เมื่อคืนที่ผ่านมา : รถไฟ 3 สนามบิน ดีเลย์ไป 28 มี.ค. 

 

          แนะซื้อ TU ราคาเหมาะสม 21.70 บาท/หุ้น (Upside 17%) คาดกำไร Q1 เติบโตเด่น โดยปัจจุบันราคาทุน่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีประมาณ 1,480-1,500 เหรียญ/ตัน ทำให้คาดมี margin(%) เด่น ในขณะที่ธุรกิจกุ้งได้ผลบวกจากการปรับราคาขายและขยายตลาดไปสู่สินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ในเชิงความเสี่ยงลดลงหลังจากในปีก่อนได้ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายคดีความของ Chicken of the Sea และเลิกธุรกิจแซลมอนในสกอตแลนด์ที่ขาดทุน ภาพรวมประเมินกำไรจากการดำเนินงานปีนี้ที่ 5,900 ลบ. (+12%YoY) ในเชิงเทคนิคกรอบ 18-19.0 หาก Break ได้ในเชิงเทคนิคมองว่าดี

 

          มีแรง Rebound กลับมาแกว่งตัวในกรอบ 1623-1660:  ดัชนีเริ่มมีแรง Rebound จากแรงซื้อหุ้นกลุ่ม Big Cap. โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ธนาคารและขนส่ง ทำให้ดัชนีกลับมายืนเหนือแนวต้านระยะสั้นที่ 1623 ส่งผลให้แนวโน้มกลับมาแกว่ง Sideway ในกรอบ 1623-1660 อีกครั้ง แต่เนื่องจาก MACD ที่ยังคงอยู่ใต้เส้น Signal เป็นสัญญาณลบ ทำให้คาดว่าดัชนีจะมีแรง Rebound เพียงสั้นๆ ยังคงแนะนำทยอยขายทำกำไรตามแนวต้านเพื่อลดพอร์ตและถือเงินสดให้มากขึ้น

          กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound ระหว่างวันมองเป็นโอกาสขายลดพอร์ตตามแนวต้าน แต่หากหลุด 1623 แนะนำ Lock Profit หรือ Stop Loss   2) ไม่มีหุ้น: ทยอยซื้อหุ้นเมื่อดัชนีอ่อนตัวระหว่างวัน และเน้นเป็นเพียงการ Trading เล่น Rebound เท่านั้น

          แนวรับ : 1612, 1623 แนวต้าน : 1640, 1660

 

          ปัจจัยต่างประเทศ :   ประชุม FED

          ปัจจัยในประเทศ :   20 มี.ค. ประชุม BoT /24 มี.ค. เลือกตั้งประเทศไทย

 

          EA (47.00-48.00, Tp 50.00//51.25, Cut 46.00

          PTG (9.90-10.20, Tp 10.70//11.50, Cut 9.80)

 

 

VGI

          ร้อนเร่งสปีดธุรกิจปี 62   (ทันหุ้น)

          ความเห็น : VGI อยู่ใน mega trend ของสื่อโฆษณา โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อนอกบ้าน ซึ่งกำลังมีการ upgrade ไปสู่สื่อ digital ซึ่งตลาดคาดว่าสื่อนี้จะยังคงเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรม และยังสามารถปรับราคาขึ้นได้อีกด้วย คงคำแนะนำ ซื้อ 10.20 บาท เทคนิคลุ้นดีดขึ้นต้าน 8.0/8.2 รับสำคัญ 7.6 บาท  

 

ANAN

          ยอดขาย 2 เดือน 4 พันล้าน  (ทันหุ้น

          ความเห็น : การทำการส่งเสริมการขายใน 1Q62 ทำให้ยอดระบาย inventory และรายได้ทำได้ดี  ตั้งเป้าเปิดโครงการปีนี้ 10 โครงการมูลค่า 38,000 ล้านบาท(+42% YoY) เราคาดรายได้ปีนี้ที่ 9,496 ล้านบาท (-4.4% YoY) และมีส่วนของ Backlog JV ที่ 8,728 ล้านบาทดังนั้นคาดกำไรสุทธิที่ 2,121 ล้านบาท (-11.5%YoY) อ่อนตัวลงเล็กน้อยจากจุดสูงสุดของบริษัทในปี 2561 โดยคาดว่าทิศทางผลประกอบการ 2H62 มีน้ำหนักมากกว่า 1H62  คงคำแนะนำTrading Buy ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 5.05 บาท/หุ้น เทคนิครีบาวน์ ต้าน 3.6/3.8 รับ 3.5 บาท

 

DRT

          ไฟเขียวทุ่ม 400 ล. เพิ่มกำลังการผลิตไม้สังเคราะห์ 5.5 หมื่นตัน (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา)

          ความเห็น : DRT มีกำลังการผลิตรวม 1.1 ล้านตันต่อปี  และ มีการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็ม 80-90%  การขยายกำลังการผลิตกลุ่มไม้สังเคราะห์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่โตสูงอีก 1 สายการผลิต (NT11) กำลังการผลิต 50,000-60,000 ตัน  ใช้เงินลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท จะช่วยหนุนการเติบโต  การลงทุนจะใช้กระแสเงินสดภายในและกู้ยืม จากมีสัดส่วนหนี้สุทธิต่อทุนที่ต่ำเพียง 0.24 เท่า  DRT ยังมีการจ่ายปันผลอัตราที่สูง  มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 7%  เราคงแนะนำ TRADING BUY รับปันผล  เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 6.3 บาท เทคนิคลุ้นรีบาวน์ปิด gap ที่ 5.6 บาท

 

PTTEP

          ลุยแอลจีเรียฮาสสิฯ GPSC รับปันผล 1.7 พันล้าน (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : โครงการดังกล่าวล่าช้าจากแผนเดิมที่คาดเริ่มผลิตในปี 2563 เล็กน้อย เนื่องจากผู้รับเหมาเสนอแผนก่อสร้างนานกว่าคาด เราได้รวมปริมาณขายโครงการดังกล่าวไว้แล้วในประมาณการ โดยจะมีสัดส่วนประมาณ 1% ของปริมาณขายจอง PTTEP ความล่าช้าดังกล่าวคาดส่งผลกระทบต่อประมาณการปี 2563 จำกัด แนะนำ Trading Buy จากแรงส่งผลประกอบการที่ยังโดดเด่นในช่วง 1H62 รวมถึงประเด็นบวกจากการ FID โครงการ MZ LNG ราคาเป้าหมาย 150 บาท เทคนิคสวยแกว่งขึ้น ต้าน 125/128 รับ 120 บาท

 

RATCH

          ลุยวินด์ฟาร์มออสซี่ 226MW สร้างปีนี้ COD ปีหน้า (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : โครงการ Collector เป็นโรงไฟฟ้าพลังลม กำลังการผลิต 226.8 MW อยู่ในประเทศออสเตรเลีย เงินลงทุน 359 ล้านเหรียญออสเตรเลีย มีแผนเริ่มจ่ายไฟฟ้าภายในปี 2563 และจะรับรู้เต็มที่ในปี 2564 ถือเป็น Upside  ที่ยังไม่ถูกรวมไว้ในประมาณการ คงคำแนะนำ Trading Buy เป้าหมาย 58 บาท เทคนิคดี แกว่งในกรอบ 54-57 บาท