เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายต่อเนื่อง นำโดย แรงขายในหุ้นใหญ่อย่าง CPALL, AOT และ Global play อย่าง KCE, PTT, IVL  ณ.สิ้นวัน ปิดตลาดที่ 1,617.5 จุด  (-8.0 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3.8 หมื่นลบ. (วันก่อนหน้า 4.9 หมื่นลบ.)

          นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,016 ลบ. (สถาบันซื้อสุทธิ 177 ลบ.) แต่เปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิที่ 1,494 สัญญา

 

          จับตา EC พิจารณาเลื่อน Brexit : เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังสภาอังกฤษโหวตไม่เห็นด้วยกับ No Deal Brexit ทำให้วันที่ 20 มี.ค.หากสมาชิกรัฐสภาอังกฤษไม่ให้การรับรองข้อตกลงใหม่เป็นครั้งที่ 3 จะเป็นการบังคับให้ Theresa May ต้องเจรจากับคณะมนตรียุโรป (European Council) ในวันที่ 21 มี.ค. เพื่อขยายกรอบ Deadline ออกจากกำหนดการเดิม 29 มี.ค. ประมาณ 3 เดือน เบื้องต้นเราประเมินผลกระทบโดยตรงต่อตลาดทุนในระยะสั้นจำกัด อย่างไรก็ตามอาจได้รับผลกระทบในเชิงธุรกิจ เช่น การส่งออกสินค้า (ประเทศไทยกับยุโรปมีสัดส่วนการค้า คิดเป็นประมาณ 9% รองจากสหรัฐและจีน) โดยปัจจุบันสินค้าส่งออกหลักของไทยไปยุโรป ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, รถยนต์, อัญมณี และอีกหนึ่งปัจจัยที่แนะติดตาม ได้แก่ quota การนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย ภายหลังอังกฤษออกจากยุโรป สำหรับผลกระทบในระยะยาวนั่นคือความเชื่อมั่นต่อความแข็งแกร่งเศรษฐกิจและอำนาจการต่อรองของยุโรปต่อนานาชาติที่อาจลดลง และจับตา Brexit จะนำมาซึ่งประเทศถัดไปรึไม่ ? 

          สำหรับการลงทุนเดือนมีนาคม : เราประเมินกรอบการแกว่งตัว SET บริเวณ 1,620-1,680 จุด โดยคาดว่าจะเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา จากปัจจัยการเมืองโลก/ในประเทศ คงคำแนะนำ ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมเน้นลงทุนในกลุ่มไฟฟ้า (EGCO) , 

 

          เมื่อคืนที่ผ่านมา : ผู้บริหาร AOT แถลงชะลอเปิดขายซอง จากกำหนดการเดิม 19 มี.ค.- 1 เม.ย. 

 

          Trading Idea : ทยอยสะสม BEM ในช่วงเดือนเมษายน เราคาดเห็นความคืบหน้าของการเจรจาต่อสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 โดยเรารวมไว้ในประมาณการที่ราคาเหมาะสม 12.0 บาท/หุ้น ในเชิงเทคนิคมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 9.70 บาท  / ทยอยสะสม BCP ราคาเหมาะสม 39.0 บาท  โดยโรงกลั่น EXXON ขนาดใหญ่กว่า 560.5 KBD (ครึ่งหนึ่งโรงกลั่นทั้งหมดของประเทศไทย) ที่สหรัฐเกิดเพลิงไหม้ ปัจจัยดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ค่าการกลั่นปรับขึ้นในระยะสั้น 

 

          ดัชนีปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากแรงขายหุ้นกลุ่ม Big Cap. แทบทุกกลุ่ม ประกอบกับ MACD ที่ยังคงต่ำกว่าเส้น Signal ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณลบ ทำให้แนวโน้มหลักขณะนี้เปลี่ยนจาก Sideway เป็นขาลงอีกครั้ง ระยะสั้นคาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงทกสอบแนวรับจิตวิทยาที่ 1600 มองว่าที่แนวรับดังกล่าวควรเริ่มหยุดลง มิฉะนั้น Downside จะเปิดอีกครั้งและมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบ Low เดิมที่บริเวณ 1545

          กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: หลุด 1623 ต้อง Stop Loss ตามคำแนะนำก่อนหน้าและจังหวะ Rebound ระหว่างวันมองเป็นโอกาสขายลดพอร์ตตามแนวต้าน แต่หากหลุด Low 1612 แนะนำ Stop Loss 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับถัดๆไป จนกว่าจะเริ่มหยุดลงหรือมีสัญญาณ Rebound ที่ชัดเจนมากขึ้น

 

          ปัจจัยต่างประเทศ :  19-20 ประชุม FED / Trump พบ Xi Jinping เพื่อยุติสงครามการค้า

          ปัจจัยในประเทศ :   20 มี.ค. ประชุม BoT /24 มี.ค. เลือกตั้งประเทศไทย

 

          VGI (7.60-7.70, Tp 8.00//8.20, Cut 7.50

          MTC (44.00-45.00, Tp 47.50//50.00, Cut 43.00)

 

 

BPP

 

บุกญี่ปุ่นโกยเงินเพิ่ม ชูโมเดลขายไฟออนไลน์

          ความเห็น : ข่าวนี้เป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษา และขออนุญาตต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐ ในช่วงเริ่มต้นขนาดกำลังการผลิตยังเป็นขนาดเล็ก ในขณะที่การหาโอกาสลงทุนในประเทศอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าอื่นๆในประเทศ ซึ่งเรายังไม่สามารถรวมเข้าในประมาณการ แนะนำ ถือ BPP ราคาเป้าหมาย 26.50 บาท เทคนิคสร้างฐานกรอบรับ 22 ต้าน 23.6 บาท

 

รับเหมาฯ

 

รฟม.ถกซีพีเคาะไฮสปีดเชื่อม3สนามบินกับพื้นที่อีอีซี (โพสต์ทูเดย์)

          ความเห็น : รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่ม CP เสนอราคาต่ำสุด มีการเจรจายืดเยื้อมานานตั้งแต่เดือน ธ.ค. วันนี้ (19 มี.ค.) คาดจะเป็นการเจรจานัดสุดท้าย โดย ล่าสุดคณะกรรมการปฏิเสธข้อเสนอนอกเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ทั้ง 12 ข้อ ทางกลุ่มซีพี  ถ้าการเจรจาไม่สำคัญ ก็จะมีการเจรจากลุ่มที่เสนอราคาต่ำสุดรองลงมา คือ กลุ่ม BSR (BTS, STEC, RATCH) เราคงให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่าตลาด  เราคงแนะนำเก็งกำไรช่วงอ่อนตัว ใน STEC (เป้าหมาย 29 บาท) เทคนิคแกว่งในกรอบ 22-23.5 บาท

 

PSH

 

ประเดิม Q1 แชปเตอร์ทองหล่อ 25 (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : โครงการนี้เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่และ Location อยู่ในซอยลึก เราจึงคาดว่าการตอบรับจะปานกลาง และ PSH ตั้งเป้า Presales ปีนี้ที่ 54,000 ล้านบาท เติบโต 5.7% เน้นยอดจากคอนโดมิเนียม ในปีนี้เราคาดรายได้ที่ 45,856 ล้านบาท (+2%) มี Secured Revenue ที่ค่อนข้างสูงที่ 46% กำไรสุทธิคาดอ่อนตัว 8% YoY  ราคาเป้าหมาย ที่ 19.50 บาท/หุ้นที่ PER 7.6 เท่าแนะนำ HOLD เป็นหุ้นปันผลที่ให้ Yield สูงประมาณ 7-7.5% +/- ต่อปี ด้านเทคนิคมีโอกาสแกว่งลง แนวรับห้ามหลุด 17.5 บาท

 

AOT

 

ชะลอประมูลดิวตี้ฟรี (กรุงเทพธุรกิจ)

          ความเห็น : AOT ชี้แจงสาเหตุที่ต้องรวมดิวตี้ฟรี 4 สนามบินเข้าด้วยกัน เนื่องจากหากแยกประมูล จะมีผู้สนใจประมูลสนามบินต่างจังหวัดน้อย ส่วนกรณีผูกขาดนั้น AOT ชี้แจงว่า ต่อไปจะเปิด pick-up counter แบบเสรี ซึ่งจะทำให้มีผู้ประกอบการกิจการร้านดิวตี้ฟรีในเมือง สามารถเปิด pick-up counter ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้น AOT จะรอฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ หากไม่มีประเด็นใหม่เพิ่มเติม AOT จะดำเนินการประมูลต่อ และน่าจะทราบผลผู้ชนะ

 

BCH

 

ส่งซิกผลงาน Q1 เริ่ด ได้ดีผู้ป่วยประกันสังคมพุ่ง (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : คาดแนวโน้มอัตราการทำกำไร 1Q62 เร่งตัวขึ้น ผสานกับปีนี้คาดจำนวนผู้ประกันตนของ BCH จะขยายตัวราว 8-10% หนุนผลการดำเนินงานขยายตัวดี และ WMC เริ่มพลิกกลับมาทำกำไรได้ ดังนั้นประเมินจังหวะย่อเป็นโอกาสในการทยอยสะสม ด้านเทคนิคสร้างฐาน แนวต้าน 17.4 รับ 16 บาท