- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 March 2019 15:20
- Hits: 1169
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET ลุ้นฟื้นตัว จากประเด็นบวกการเลือกตั้ง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,625-1,640
Market Factors
• (watch) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯจีนมีความคืบหน้าแต่ยังไม่มีรายละเอียดจากการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างรองนายกรัฐมนตรีของจีนนายหลิวเหอและรมว.คลังนายสตีเวนมนูชินและผู้แทนการค้าสหรัฐฯนายโรเบิร์ตไลท์ไฮเซอร์
• (-) นายธาตรี นุชสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีกรุ๊ป แอซเซ็ท เผยว่าผลจากมาตรการ LTV ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ส่งผลหลายสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าในช่วง 2 เดือนแรกมีการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์กว่า 50% พร้อมคาดสถานการณ์เสี่ยงต่อการการเกิดสงครามราคาตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป (โพสต์ทูเดย์)
• (+) ธกส.เตรียมออกมาตรการช่วยเกษตรกรบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ให้จ่ายดอกเบี้ยเพียง 30% ผ่อนจ่ายได้นาน 3 ปี เพิ่มเติมจากเดิมที่มีโครงการพักชระเงินต้น และลดดอกเบี้ยให้อยู่แล้ว รวมวงเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
• (watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62 ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่วน Month to date ต่างชาติขายสุทธิ 14,271.15 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้มอง SET Index ได้อานิสงส์จากมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน เพราะเข้าใกล้ช่วงโค้งสุดท้ายของวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. นี้คาดจะทำให้ลดความกังวล Political Risk พร้อมกับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้น หนุนให้ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวดีขึ้น ดังนั้นมอง SET Index มีแรงซื้อกลับในช่วงปลายเดือนมองภาพรายเดือนดัชนีมีแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,675 จุด มองเป็นโอกาสเข้าซื้อ 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง: กลุ่มค้าปลีก (คาดหลังเลือกตั้งภายใต้รัฐบาลใหม่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นอันดับต้นๆ มองอานิสงส์บวกดังกล่าวหนุนกลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่มากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ BJC, CPALL), กลุ่มท่องเที่ยว (คาดเมื่อประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมีมุมมองความเสี่ยงทางการเมืองของประเทศไทยที่ลดลง คาดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ AAV, AOT) และกลุ่มสื่อ (คาดเอเจนซี่ที่ชะลอการใช้เม็ดเงินในช่วงก่อนหน้าจะกลับมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจนและการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น โดยแนะนำกลุ่มที่เห็นสัญญาณบวกจากส่วนแบ่งในเม็ดเงินโฆษณาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ. ได้แก่ กลุ่มดิจิตอลทีวี (เพิ่มจาก 62.7% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 64.8%) แนะนำ BEC และกลุ่ม Out of Home (เพิ่มจาก 12.2% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 13.7%) แนะนำ VGI
• Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น, TVD ปี62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoYแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
15-Mar-19 Change (pts.) 14-Mar-19
SET Index 1,625.57 -10.31 1,635.88
SET50 Index 1,080.01 -7.11 1,087.12
SET100 Index 2,380.23 -15.27 2,395.50
High 1,639.10 Gainers 349
Low 1,625.41 Unchanged 453
Value (Bt m) 49,860.05 Losers 1,006
Volume (*000) 13,571,884
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.8 13.5 13.5
EPS Growth (%) 13.9 9.3 7.4
EV/EBITDA (x) 9.9 9.3 9.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.3 3.5 3.9
ROE 11.5 11.7 11.4
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 15-Mar-19 WTD MTD YTD
Institution (787.38) 1,283.60 448.32 27,211.65
Proprietary 314.56 656.10 (246.74) 3,698.86
Foreign (2,350.16) (5,410.58) (14,271.17) (10,959.68)
Individual 2,822.98 3,470.88 14,069.59 (19,950.82)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary