- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 March 2019 16:16
- Hits: 1952
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“กลับมากังวลเจรจาการค้า เลื่อนไปเม.ย.62”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BH (จาก Fully Valued เป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -3.79 จุด ปิดที่ 1635.88 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 38.2 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราแกว่งแคบสอดคล้องกับตลาดอื่นในภูมิภาคแถบนี้ วานนี้ปัจจัยต่างประเทศเรื่อง Brexit ยังมีความไม่แน่นอน หลังโหวตไม่ออกแบบไร้ข้อตกลง และมีทีท่าจะเลื่อนจากเส้นตาย 29 มี.ค.ออกไป ด้านปัจจัยบวกเกี่ยวกับเก็งกำไรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของ FTSE มีน้อยลง และติดตามอีกหนึ่งรายคือ MSCI ทึ่จะประกาศปลายเดือนนี้ สำหรับผู้ขายสุทธิเป็น ต่างชาติ 2.0 พันลบ. รายย่อย 0.2 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 1.9 พันลบ. พอร์ตโบรกเกอร์ 0.3 พันลบ. ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิแล้ว 8.6 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET ผันผวน จากข่าวเจรจาการค้ามีพัฒนาการไปในทางด้อยลง มีแนวโน้มจะเลื่อนการพบปะกันไปเป็น เม.ย.จากเดิม ปลายมี.ค.ขณะที่ BREXIT มีความไม่แน่นอนหลังรัฐสภาโหวตให้เลื่อนเส้นตายการแยกออกไป ขณะที่การเก็งกำไรเพิ่มน้ำหนัก FTSE วานนี้ดูลดลง
# ดาวโจนส์และดาวโจนส์ล่วงหน้าบวกเล็กน้อย น้ำมันผันผวน ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน sideways บวก/ลบ เล็กน้อย ตัวเลขสหรัฐคือ ยอดขายบ้านใหม่ไม่สดใสนัก ด้านปัจจัยบวกคือ ปีนี้เฟดชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย และปลายเดือนนี้มีข่าวดี MSCI จะปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1650-1660 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1620,1610 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-yแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
หุ้นเด่น RJH : กำไรสุทธิปี 61 เติบโต 10% เป็น 254 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้เติบโต 13% (OPD +12%, IPD +25%) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 31.2% จาก30.6% ในปี 60 ข้อดีคือ คนไข้ประกันสังคมเพิ่มขึ้นทุกปี จาก 133,519 ราย ในปี 57 เป็น 163,400 ราย ในปี 60 และในสิ้นปี 61 ของ RJH เป็น 161,000 ราย ส่วนของ RRH เท่ากับ 35,000 ราย (RRH สามารถรับได้สูงสุด 100,000 ราย) ส่วนในระยะยาว โรงพยาบาลสามารถรับคนไข้ประกันสังคมได้ถึง 261,000 ราย คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ +14% จากรายได้เพิ่ม 11% และอัตราค่ายา อุปกรณ์ และบริการเพิ่ม 5% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 24 บาท แต่ราคาปิดมีส่วนเพิ่มไม่ถึงกับมากนักเป็น 8%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ยังเหลือภาพบวกเล็กๆ ที่ยังไม่ทำให้ภาพรีบาด์ฯหายไป {“ปิดลบ”เล็กน้อย,เหนือ“SMA10วัน” (แต่ถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบเริ่มให้น้ำหนักกับการลง แต่ “ค่าบวก” (มี”SMA10”หนุน) จะรักษาภาพการรีบาวด์ฯสั้นก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1640 – 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1635” (แนวรับย่อย “1620 หรือ1610” จุด)}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ KTC,SAMTEL,BGRIM,PLANB,RJH,PR9 หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ MINT,GOLD,SPRC,TTCL,BBL,INTUCH,BCPG, AOT หุ้นที่หลุด List BJC,SCCC,CENTEL,JMT,WORK ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit -
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Flash Note : GPSC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 70.00)
Stock in Focus : RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 24.00)
In The News : TEAMG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.47)
Turnover List Watch : คาดไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance ส่วน FN รอด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: การเจรจาการค้าอาจมีการเลื่อนไป เม.ย.62
# มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าที่ยังไม่มีความคืบหน้า หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนและสหรัฐเตรียมเลื่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงออกไปเป็นเดือนหน้า จากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าการประชุมดังกล่าวอาจมีขึ้นในเดือนนี้
# ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่รีบร้อนที่จะทำข้อตกลงการค้ากับจีน เพราะต้องการให้ข้อตกลงเป็นไปอย่างเหมาะสม พร้อมกับส่งสัญญาณเตือนว่า เขาพร้อมที่จะเดินออกจากที่ประชุมได้ทันที หากรู้ว่าไม่มีทางที่จะบรรลุข้อตกลงเหมือนที่เขาได้ทำมาแล้วในการประชุมสุดยอดกับผู้นำเกาหลีเหนือที่เวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว
-/• อังกฤษ : รัฐสภาโหวตให้ขยายเวลาแยกตัวออกจากอียู
# นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่ารัฐสภาอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 412-202 เสียง เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปจากเดิมในวันที่ 29 มี.ค. อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทาง EU และการขยายกำหนดเส้นตายดังกล่าวต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่ารัฐสภาจะต้องให้ความเห็นชอบต่อข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 20 มี.ค.
-สหรัฐ: ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ ม.ค.ร่วงมากกว่าคาด
# ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.ของสหรัฐร่วงลง 6.9% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.6%
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นเล็กน้อย ยังวิตกการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐไม่คืบหน้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,709.94 จุด เพิ่มขึ้น 7.05 จุด หรือ +0.03% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,808.48 จุด ลดลง 2.44 จุด หรือ -0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,630.91 จุด ลดลง 12.50 จุด หรือ -0.16%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่คืบหน้า โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวเป็นปัจจัยฉุดหุ้นบริษัทผลิตชิปซึ่งต้องพึ่งพารายได้จากจีน ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐลดลงเกินคาดในเดือนม.ค.
+/- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น สต็อคน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 58.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. 2561
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 32 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 67.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง หลังดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 14.20 ดอลลาร์ หรือ 1.08% ปิดที่1,295.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันสองวันทำการก่อนหน้านี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้สัญญาทองคำปิดตลาดร่วงหลุดจากระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index)เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
• เศรษฐกิจไทย: นักลงทุนจีนซื้ออสังหาฯไทยจำนวนมากในปี 61 ธปท.เห็นยังไม่ส่งผลลบ
# "แบงก์ชาติ" เผยทุนจีนแห่ซื้ออสังหาฯ ไทยในปี 61 พุ่ง 65% แตะระดับ 3.9 หมื่นล้าน มั่นใจยังไม่ส่งผลลบต่อภาพรวมตลาด แต่แนะหน่วยงานรัฐผนึกภาคเอกชน เก็บข้อมูลการซื้อขายชาวต่างชาติ เพื่อประเมินความเสี่ยง พร้อมพัฒนากรอบสัญญาร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการไทย-เทศ เพื่อความโปร่งใส ลดความเสี่ยงจากการร่วมทุนไม่เป็นธรรม
+ การเมืองไทย: BBL มองบวกหลังเลือกตั้งจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาสานต่อนโยบาย เอกชน ต่างชาติ เชื่อมั่นเพิ่ม
# กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ มองว่าจะเข้ามาสานนโยบายต่อ และผลักดันความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้วางแนวทางหลายด้านที่ดีให้แก่ประเทศ หากเดินตามรากฐานที่วางไว้ จะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น เกิดการพัฒนาประเทศในภาพรวม และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติได้ คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 4% และส่งผลให้สินเชื่อรวมปีนี้เติบโต 4-6% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 3.4%
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]