- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 March 2019 16:09
- Hits: 1769
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยกลุ่ม Global play ยังเผชิญกับแรงขาย นำโดย PTTGC, TOP, PTTEP ในขณะที่ SUPER มีแรงเก็งกำไรเด่น +10% หลังก.ล.ต.ไฟเขียวตั้ง Infrastructure fund ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,635.8 (-3.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3.8 หมื่นลบ. ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 4.5 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติพลิกขายหุ้นไทยอีกครั้งที่ 1,963 ลบ. (สถาบันซื้อสุทธิ 1,871 ลบ.) พร้อมเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิที่ 20,451 สัญญา
Investment theme
คาดสงครามการค้าไม่ทวีความรุนแรงไปมากกว่านี้ : ต้นเหตุจากปัญหาการเมืองระหว่าง 2 ขั้ว อำนาจโลกอย่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน (America First vs Made in China 2025) เป็นหนึ่งในเหตุที่เราคาดทำให้เกิดการกีดกันการค้าผ่านภาษีนำเข้าสินค้า โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเริ่มได้รับผลกระทบ เป็นผลให้หลายองค์กรต่างออกมาปรับเป้าการเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงเหลือระหว่าง 2.9-3.5% โดยเราประเมินผลกระทบสงครามการค้าจะยังกดดันตัวเลขเศรษฐกิจต่อใน 1Q19 (คาดการส่งออกไทยมีโอกาสถึงขั้นติดลบใน 1Q) ประเด็นดังกล่าวจะยังกดดันเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจนถึงการเจรจาที่คาดจะมีขึ้นในช่วงเมษายน เบื้องต้นเรามีมุมมองเป็นกลาง และคาดผลลัพธ์ Base case กล่าวคือประเมินว่า Trump จะยกเลิกการขึ้นภาษี 25% และ/หรือมีโอกาสที่จะลดกรอบวงเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันออกบางส่วน สนับสนุนจาก 1) การขึ้นภาษีไม่เพียงแต่ไม่สามารถลดยอดขาดดุลการค้าสหรัฐ แต่กลับเพิ่มขึ้นสูงถึง 10%YoY สูงที่สุด ในรอบ 10 ปี 2) คะแนน Approval Rating ของ Trump ในรัฐ Republican เริ่มลดลงเรื่อยๆ เช่น Georgia, Alabama และ 3) จีนเริ่มมีท่าทีอ่อนด้วยการเตรียมเซ็น MOU ด้วยเหตุที่กล่าวมา เราคาดว่าผลการเจรจาการค้าในครั้งนี้จะไม่รุนแรงไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม แนะนักลงทุนติดตามว่าผลจะดีถึงกรณี Best Case รึเปล่า ?
สำหรับการลงทุนเดือนมีนาคม : เราประเมินกรอบการแกว่งตัว SET บริเวณ 1,620-1,680 จุด โดยคาดว่าจะเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา จากปัจจัยการเมืองโลก/ในประเทศ คงคำแนะนำ ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมเน้นลงทุนในกลุ่มไฟฟ้า (EGCO) , รถไฟฟ้า (BEM) กลุ่มท่องเที่ยว (SPA) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL) และเลือก BCP, PTTEP เป็นตัวแทน Global play
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา : Abe ส่งสัญญาณไม่รับตำแหน่งประธานพรรค LDP ต่อ (Term สิ้นสุด 2021) / จับตาคืนนี้ EU โหวตเลื่อน Deadline Brexit ไป 3 เดือน เป็นวันที่ 30 มิ.ย. / Bond yield สหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้น 2.63%
Stock pick : -
Trading idea - - ทยอยสะสม BCP เราคาดผลประกอบการปีนี้จะโตเด่นสุดในกลุ่มโรงกลั่นที่ 84% YoY โดยคาดกำไร 1Q19 เติบโตเด่น QoQ จาก Stock และดีต่อไปยัง 2Q จากค่าการกลั่นที่เริ่มฟื้นตัว จากแผนหยุดซ่อมบำรุงที่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดในเดือน พ.ค. และสำหรับ 2H19 คาดจะได้รับผลบวกจากการเก็บสำรองน้ำมันดีเซลก่อนเริ่มบังคับใช้ข้อกำหนด IMO ในปี 2020 อีกทั้ง Valuation ยังๆไม่แพง ด้วย PE 9.9 เท่า, PBV 1.0 เท่า และผลตอบแทนปันผล 5% แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย SOTP 39.0 บาท
Technical View
แรง Rebound มีไม่ต่อเนื่อง จังหวะเด้งในวันยังมองเป็นโอกาสลดพอร์ต : ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงจากซื้อหุ้นกลุ่มขนส่ง วัสดุก่อสร้างและพลังงาน แต่ช่วงบ่ายยังถูกแรงขายกลุ่มค้าปลีก สื่อสารและโรงพยบาลกดดัน ทำให้ดัชนีขาดโมเมนตัมส่งต่อจากแรง Rebound วันก่อนหน้า ระยะสั้นยังประเกิดว่าดัชนีแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1630-1660 จังหวะ Rebound ยังเป็นโอกาสขายทำกำไรตามแนวต้าน 1645 และ 1660 แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นอีกครังเมื่อดัชนีผ่านแนวต้านที่ 1660 (EMA200Day)
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขายทำกำไรตามแนวต้าน 1645 และ 1660 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุดแนวรับ 1630-1635 มองเป็นโอกาสซื้อ เพื่อ Trading และขายทำกำไรตามแนวต้าน และหากหลุด 1630 ต้อง Stop Loss และเลิกเก็งกำไรทันที
แนวรับ : 1623, 1630 แนวต้าน : 1645, 1660
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ : 27 มี.ค. จับตา Trump พบ Xi Jinping เพื่อยุติสงครามการค้า
ปัจจัยในประเทศ : 19 มี.ค. จับตาความคืบหน้าการประมูลรถไฟ 3 สนามบิน / 24 มี.ค. เลือกตั้งประเทศไทย
หุ้นเทคนิค:
GPSC (57.50-58.50, Tp 60.00//63.50, Cut 57.00)
NWR (0.85-0.87, Tp 0.95//1.00, Cut 0.83)
ข่าวเด่นเช้านี้
DRT ลั่นยอดขายพุ่งหนุนQ1โต ชงบอร์ดทุ่ม 400ล. ลงทุน NT11 (ข่าวหุ้น)
DRT แย้มผลงาน Q1 แจ่ม! ขานรับยอดขาย 2 เดือนแรกพุ่ง มั่นใจ Q2 โตต่อเนื่อง ตั้งเป้าปีนี้เดินเครื่องผลิตเฉลี่ย 80-90% ชงบอร์ดอนุมัติงบทุ่ม 300-400 ล้านบาท ลงทุนกลุ่มไม้สังเคราะห์ (NT11) เพิ่มกำลังผลิตอีก 50,000 ตัน
ความเห็น : แนวโน้มผลประกอบการปี 2562 คาดจะเติบโตได้ต่อแม้ว่าจะไม่เด่นนัก และ ได้แรงหนุนเพิ่มจากธุรกิจคอนกรีตมวลเบาที่ฟื้นตัวมามีกำไร มีอัพไซด์เพิ่มจากขายที่ดินได้กำไร 50-60 ล้านบาท DRT มีกระแสเงินสูง มีสัดส่วนหนี้สุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.24 เท่า ขยายการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต DRTยังมีการจ่ายปันผลอัตราที่สูง มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 7.1% เราคงแนะนำ TRADING BUY รับปันผล เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 6.3 บาท กรอบเทคนิค แนวต้าน 5.6 รับ 5.35 บาท
GPSC แจ้งเข้าซื้อสัดส่วน 69.11% ใน GLOW จาก Engie Global Developments แล้วเสร็จในราคาหุ้นละ 91.9906 บาท และจะทำ Tender Offer หุ้นที่เหลือทั้งหมด (451.889 ล้านหุ้น) ต่อไป (SET)
ความเห็น : การเดินหน้าซื้อกิจการเป็นไปตามแผนที่เคยแจ้งไว้ ต่อจากนี้จะเป็นการ Tender Offer ที่คาดจะแล้วเสร็จภายใน 2Q62 แหล่งที่มาของเงินทุนมาจากเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงินและผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่ง GPSC จะต้องทำการปรับโครงสร้างเงินทุนต่อไป โดยการเพิ่มทุนและการจัดหาเงินกู้ระยะยาวทดแทน ประเด็นการเพิ่มทุนยังเป็นประเด็นที่กดดันหุ้นไปจนกว่าจะมีความชัดเจน นอกจากนั้นเรายังคงรอ Synergy จากการรวมกิจการของ GLOW เข้ามาเพิ่มเติม เชิงปัจจัยพื้นฐานแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 66 บาท อย่างไรก็ตามในเชิงกลยุทธ์สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจรอจนกว่าจะมีความชัดเจนจึงพิจารณาความน่าสนใจลงทุนอีกครั้ง ขณะที่ด้านเทคนิคมีลุ้นรีบาวน์ ต้านแรก 60 รับ 58 บาท
SUPER การันตีพ.ค.นี้ ตั้งอินฟราฯฟันด์สำเร็จ ระดมทุน 8.5 พันล้าน เล็งจ่ายหนี้-ขยายลงทุน (ข่าวหุ้น)
SUPER เฮ! ก.ล.ต.ไฟเขียวตั้งอินฟราฯฟันด์ "SUPEREIF" มูลค่า 8,300-8,500 ล้านบาท บิ๊กบอส "จอมทรัพย์" ลั่นจัดตั้งสำเร็จพ.ค.นี้ เตรียมนำเงินไปชำระหนี้ 4,000 ล้านบาท ลดต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายปีละ 4.5% ขณะที่อีก 1,000 ล้านบาท จะนำไปซื้อหน่วยลงทุนใน SUPEREIF ส่วนที่เหลือประมาณ 3,300-3,500 ล้านบาท รองรับแผนขยายลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศ
ความเห็น : เป็นพัฒนาการบวกตามแผนของบริษัท แม้อาจจะช้ากว่าแผนไปช่วงหนึ่ง คาดบริษัทนำเงินที่ได้จากการออก infrastructure fund ไปชำระหนี้ และลงทุนต่อในโครงการลมเวียดนามขนาด 250 MW ที่คาดจะเริ่มจ่ายไฟและเห็นกำไรในปี 2563-2564 ส่วนปีนี้ รอ solar farm ในเวียดนาม 100MW ที่ตั้งเป้าเริ่มจ่ายไฟได้ในช่วง 2H62 ด้านเทคนิคกรอบแนวต้าน 0.7/0.72 แนวรับ 0.62 บาท
NWR ประมูลงาน8หมื่นล้าน เติมแบ็กล็อก-รายได้พุ่ง50% (ทันหุ้น)
NWR มองทิศทางธุรกิจปีนี้สดใส ใส่เกียร์เดินหน้าประมูลงานประมาณ 80,000 ล้านบาท หวังได้งาน 15-20% เติม Backlog จากปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ประมาณ 8,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 30-50% จากทุกธุรกิจในเครือ
ความเห็น แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 62 จะดีขึ้น โดยคาดยอดรับรู้รายได้ 11,071 ล้านบาท เติบโต 11% และมีกำไรปกติเท่ากับ 127 ล้านบาท เติบโต 18% (ส่วนกำไรสุทธิลดลง 70%) ด้าน Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 16,967 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานที่กำลังติดตาม 17,716 ล้านบาท โดย 82% เป็นงานโครงการภาครัฐบาล เมื่อรวมกับโครงการที่จะเปิดประมูลในอนาคต ทำให้ปี 2562 มีโอกาสได้งานใหม่มากกว่า 17,000 ล้านบาท ด้าน valuation ราคาหุ้นยังซื้อขายที่ระดับต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี โดยเราคำแนะนำ TRADING BUY ประเมินราคาเป้าหมาย 1.30 บาท เทคนิคแกว่งขึ้น ต้านถัดไป 0.95 รับ 0.87 บาท
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000