- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 March 2019 20:24
- Hits: 5374
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ตัวเลขสหรัฐสดใส - Brexit ไม่ออกแบบไร้ข้อตกลง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +12.08 จุด ปิดที่ 1639.67 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 45.4 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราปรับขึ้นดีกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคแถบนี้ แม้วานนี้ปัจจัยต่างประเทศไม่สดใสในเรื่อง Brexit มีการติดตามการลงมติว่าจะออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลงไหม แต่มีปัจจัยบวกเกี่ยวกับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของ FTSE และอีกหนึ่งรายคือ MSCI ทึ่จะประกาศปลายเดือนนี้ อีกทั้งมีการเก็งกำไร AOT และ PTT สำหรับผู้ขายสุทธิเป็น รายย่อย 0.8 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือพอร์ตโบรกเกอร์ 0.3 พันลบ. สถาบัน 0.3 พันลบ. และต่างชาติ 0.2 พันลบ. เป็นที่น่าสังเกตว่าต่างชาติกลับมาซื้อ จากก่อนหน้าขายมาตลอด ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET กลับมาฟื้นตัวจากการเก็งกำไรถ่วงน้ำหนักตลาดหุ้นไทยเพิ่ม จาก FTSE เป็น 1.87% จากเดิม 1.85% มีผล 15 มี.ค.นี้ ได้แก่ 5 หลักทรัพย์คือDIF,MAKRO,MTC,GPSC,CPN,CPF และ GULF ส่วนวันที่ 29 มี.ค.62 คาดกันว่า MSCI ปรับเพิ่ม 3% เดิม 2.5%
# ปัจจัยบวกคือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี ดาวโจนส์ น้ำมันปรับขึ้น บาทแข็งค่า บอนด์ยิลสหรัฐและดัชนีความกังวล (Vix) ลดลง ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้บวกถ้วนหน้า เช่นเดียวกับดาวโจนส์ล่วงหน้า ส่วนปัจจัยลบคือ Brexit ไม่ออกแบบไร้ข้อตกลงมีทีท่าจะเลื่อนจากเส้นตาย
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1650-1660 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1620,1610 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-yแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
หุ้นเด่น WHA : ข้อดีคือ คาดว่ารายได้นิคมฯปี 62 กลับมาฟื้นตัวสูง ในอัตรา 65% y-o-y สืบเนื่องจากการขายนิคมในปี 61 มามากในช่วงปลายปี ยอดขายรอโอน(Backlog) จึงสูงเป็น 654 ไร่ เทียบกับปลายปี 60 ที่ 306 ไร่ ด้านยอดขายนิคมฯในปี 61ทำได้ 975 ไร่ ใกล้เคียงกับปี 60 ส่วนเป้าหมายปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 1,600 ไร่ แต่ในประมาณการเราให้ไว้ที่ 1,000 ไร่ไว้ก่อน คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักปี 62 และ 63 เป็น +22%/+4% กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 4.92 บาท ซึ่งประเมินด้วยส่วนลด 10% จากมูลค่า SOP ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 18%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”อีกครั้ง (แต่ถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นต่อก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน“ต่ำกว่า 1635” (แนวรับย่อย “1620 หรือ 1610” จุด)}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ BBL,JMT,INTUCH,BCPG,AOT,WORK หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ MINT,GOLD,SPRC,BJC,TTCL,SCCC,CENTEL หุ้นที่หลุด List - ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ RATCH,HMRPO,SAWAD,DTAC
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : SPF (ถือ -ราคาพื้นฐาน 20.60)
Flash Note : SEAFCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.18)
Stock in Focus: KKP : เติบโตต่อในปี 62 ... จ่ายปันผลสูง
In The News : BJC : ปี 62 ตั้งเป้าลงทุน 1 หมื่นล้านบาทขยายธุรกิจในไทยและต่างประเทศ
Turnover List Watch : ติดตาม FN
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาสดใส
# ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.1% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ ดีดตัวขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว
# ขณะที่การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนม.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4%
# ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือนน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
+/• อังกฤษ : รัฐสภาไม่เห็นชอบที่อังกฤษจะออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลง
# ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐสภาอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 321 ต่อ 278 เสียงเมื่อวานนี้ ไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง
# สำหรับในขั้นตอนต่อไป รัฐสภาจะทำการลงมติในวันนี้ว่าจะเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภามีมติเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไปรัฐบาลก็จะต้องทำการเจรจากับ EU ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไปอังกฤษก็จะแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.
+ สหรัฐ : ตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ.ปรับตัวขึ้นต่ำสุดในรอบ 2.5 ปี
# นักลงทุนคาดว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐขยับขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง และหากเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2559
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี และ Brexit
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,702.89 จุด เพิ่มขึ้น 148.23 จุด หรือ +0.58% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,810.92 จุด เพิ่มขึ้น 19.40 จุด หรือ +0.69% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,643.41 จุด เพิ่มขึ้น 52.37 จุด หรือ +0.69%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า4 เดือน ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และการฟื้นตัวของหุ้นโบอิ้ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากรัฐสภาอังกฤษมีมติไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น สต็อคน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 58.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. 2561
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 67.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงเช่นกัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 11.20 ดอลลาร์ หรือ 0.86% ปิดที่1,309.30 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยสัญญาทองคำกลับมายืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ได้อีกครั้ง เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของกระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire StateManufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/• เศรษฐกิจไทย: ช่วงรอยต่อการเลือกตั้ง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ
# นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ระบุว่า ในช่วงรอยต่อที่เหลือก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาจากนี้อีกอย่างน้อย 2-3 เดือนนั้น ขอให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญให้แก่ประเทศ เพราะช่วงนี้การส่งออกยังไม่ค่อยดี ในขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนยังชะลอเพราะรอดูความชัดเจนจากนโยบายรัฐบาลชุดใหม่
# รมว.คลัง กล่าวว่า การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ปีละ 4 แสนล้านบาท เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วยที่ภาวะอื่น ๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง เม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดความมั่นคงในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ
+ กรมบัญชีกลาง เปิดเผยผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 เป็นสัดส่วน 51.9%
# กรมบัญชีกลาง เปิดเผยผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 28กุมภาพันธ์ 2562 (1 ต.ค. 61 - 28 ก.พ. 62) งบประมาณภาพรวมมีการใช้จ่ายแล้ว จำนวน 1,555,530 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 3,000,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.9%
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
นวพร เชื้อเมืองพาน
: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : [email protected] ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์