- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 March 2019 16:42
- Hits: 2531
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay in Domestic Plays//Wait to Accumulate around 1,600+-
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 3.1 หมื่นลบ.เนื่องจากไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน โดยยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 321 ลบ. (และยัง Short ใน Index Futures อีกถึง 1.1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ได้จากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสมากขึ้นหลังอังกฤษได้รับความเห็นชอบจาก EU ให้เปลี่ยนแปลงข้อตกลง Brexit ให้ดีขึ้นโดยเฉพาะประเด็น Backstop อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามการลงมติขอสภาอังกฤษคืนนี้ว่าจะรับข้อตกลงฉบับปรับปรุงหรือไม่ เราคาดหุ้นในกลุ่ม Global Play จะปรับตัวได้ดีขึ้นขณะที่ Domestic Play คาดว่ายังเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งต่อเนื่องจากการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Play//รอสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,600 จุดบวกลบ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค : EA, ERW, PLANB, RS, TVO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$566ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$349ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$10ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$0.3ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคตลาดติดตามการลงมติของรัฐสภาอังกฤษในเรื่องข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรีในวันนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ROBINS <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 80 บาท (ตัดขาดทุน 63 บาท)
- คาดกำไรปีนี้ +15% Y-Y เป็น 3,422 ลบ. จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัว, แผนการเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง, การเติบโตของรายได้ค่าเช่า, และอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวตามสัดส่วนสินค้า House Brand
- เป็นหุ้น Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง แต่ราคายัง Laggard หุ้นใน SET50 อยู่ราว 5% อีกทั้งยังเคลื่อนไหวที่แนวรับสำคัญของรอบ Sideway ชุดใหญ่แถว 62 บาท ความเสี่ยงขาลงค่อนข้างจำกัด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) TISCO สินเชื่อ ก.พ. +0.3% M-M (672 ลบ.) แต่ -0.4% YTD ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ซึ่งเป็นสินเชื่อระยะยาวในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ และสินเชื่อที่ให้ลูกค้ากลุ่ม SME (Floor plan) ส่วนสินเชื่อรายย่อยทรงตัว มีเพียงสินเชื่อ AutoCash ที่ขยับขึ้น (เป็น seasonal ที่ไม่ได้ดีต่อ Consumer finance) ขณะที่ Mortgage loan และ Hire purchase ชะลอจากเดือนก่อน ส่วนเงินฝาก +6.85% M-M (1.3 หมื่นลบ.) โดยรวมแล้วเราคาด Loan spread น่าจะทรงตัวจาก 4Q18 ที่ 4.7% แนะซื้อลงทุน เพราะ Dividend yield ที่สูงราว 7.9% ต่อปี (2018 DPS 7 บาท XD 29 เม.ย. จ่าย 17 พ.ค.) คงราคาเหมาะสม 92 บาท
(-) TRUE เราปรับกำไรปกติปี 2019 ลง 74% เหลือเพียง 844 ลบ. สะท้อนรายได้ที่เริ่มโตชะลอ แต่ยังถือว่าฟื้นจากปีก่อนที่ขาดทุน และปรับราคาเหมาะสมลงจากเดิม 8.50 บาทเหลือ 5.70 บาท (DCF) ขณะที่ราคาหุ้นร่วง 14% หลังประกาศงบฯ ถือว่าสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และแม้จะยังมีคดีข้อพิพาทเหลืออยู่แต่การยุติข้อพิพาทกับ CAT 7.5 หมื่นลบ. ถือว่าปลดล็อคความเสี่ยงสำคัญไปแล้ว แนะนำซื้อ
(+) MAJOR หนัง Captain Marvel กระแสดี ช่วง 5 วันแรก (6-10 มี.ค.) ทำรายได้แล้วราว 170 ลบ. มีโอกาสสูงกว่าเป้าที่ 200-250 ล้านบาท และยังลุ้นรายได้ตั๋วหนังและขายอาหารเครื่องดื่มใน 1Q19 โต Y-Y ในระดับ 2 digit แม้ราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนจะ +20% เกินราคาเป้าหมายของเราที่ 27 บาท แต่มี sentiment บวกจากกระแสหนังดังกล่าวและหนังฮอลลีวู๊ดอีกหลายเรื่องที่คาดทำเงินในหน้าหนังใน 2Q รวมทั้งปันผลงวด 2H18 หุ้นละ 0.70 บาท Yield 2.5% XD 23 เม.ย. จึงแนะนำ Trading Buy (ปรับลงจากเดิม ซื้อ)
(+) BEM สถิติ 2 เดือนแรกยังไม่เร่งตัวนัก ปริมาณรถบนทางด่วน +1% Y-Y เป็น 1.25 ล้านเที่ยว/วันเพราะมีวันหยุดยาวและโรงเรียนปิด จำนวนผู้โดยสารบนรถไฟฟ้า +2% Y-Y เป็น 3.22 แสนเที่ยวคน/วัน แต่มี Catalyst คือการเปิดรถไฟฟ้าน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงที่ 2 (ส.ค. 2019) คาดทำให้ปริมาณผู้โดยสารเร่งขึ้นเป็น 4 แสนเที่ยวคน/วัน และค่าโดยสารเฉลี่ยจะปรับขึ้นตามจำนวนสถานีที่เพิ่ม เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.70 บาท ในระยะสั้นให้จับตาข้อสรุปรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 19 มี.ค. นี้ และประเด็นขยายสัมปทานทางด่วนเข้า ครม. ภายในเดือนนี้
(-) FN ราคาหุ้น +59% YTD สะท้อนการฟื้นตัวของกำไรมากเกินไป กำไรที่ฟื้นใน 4Q18 (8 ลบ.) ยังเป็นระดับต่ำและมาจากการเปิดสาขาใหม่ที่ระยองและจัดงาน Fair ในกทม. แต่ SSSG ยังติดลบ และสาขาที่น่าเป็นห่วงคือศรีราชาและหาดใหญ่ยังไม่ฟื้น การปรับกลยุทธ์จากการเปิดสาขาขนาดใหญ่ เป็นการเช่าพื้นที่ในห้างและเปิดเป็นสาขาย่อยแทน และเพิ่มช่องทาง Online ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ เบื้องต้นเราคาดกำไรปีนี้กลับมาโตเป็น 80 ลบ. (Best Case) จาก 29 ลบ.ในปี 2018 ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE 28 เท่า แพงเกินไปเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 27.7 เท่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
12 มี.ค. - สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
13 มี.ค. - สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ม.ค.)
15 มี.ค. - ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
19-20 มี.ค. - สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคฯและกลุ่มค้าปลีกหลังยอด Retail Sale ออกมาดีกว่าคาด
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น หลังนายกฯอังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU เรื่องสัญญา Brexit ได้ อย่างไรก็ตาม สัญญานี้ยังต้องได้รับการอนุมัติจากทางรัฐสภาอังกฤษก่อน
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น จาก Sentiment เชิงบวกจากทั้งสหรัฐและยุโรป
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น +0.72 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 56.79 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขคาดการณ์การส่งออกน้ำมันดิบของซาอุในเดือนเม.ย.ที่ต่ำกว่าคาด
(-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง -8.20 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1291.1 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research