- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 March 2019 17:40
- Hits: 2903
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“SET แนวโน้ม Sideways ขาดปัจจัยใหม่ๆมากระตุ้น”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +3.70 จุด ปิดที่ 1639.00 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงที่ 41.2 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเรารีบาวด์จึงดีกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับลง แม้มีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ทยอยประกาศกลับอ่อนแอ การปรับลดประมาณการปี 62 ไทยลง หลังกำไร 4Q61 ไม่สดใส และปัจจัยเมืองจะเข้าใกล้วันตัดสินยุบพรรคไทยรักษาชาติ 7 มี.ค.62 อีกทั้งต่างชาติมีการขายสุทธิต่อเนื่อง สำหรับผู้ขายสุทธิเป็นต่างชาติ 1.7 พันลบ. และรายย่อยขายเล็กน้อย0.2 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ พอร์ตโบรกเกอร์ 1.0 พันลบ. และสถาบัน 0.9 พันลบ. สำหรับนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ต่างชาติเป็นขายสุทธิ 1.9 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET มีลักษณะ Sideways ไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ ปัจจัยต่างประเทศไม่สดใสนัก ดาวโจนส์ น้ำมันปรับลง ตลาดรอดูบทสรุปการเจรจาการค้า 27 มี.ค.62 จีนปรับลดเป้า GDP ปีนี้ ดอลลาร์แข็งค่า ความเสี่ยง BREXIT ออกโดยไร้ข้อตกลง เพื่อนบ้านเช้านี้เปิดมาลดลง
# ปัจจัยบวกที่มีอยู่คือ ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ และดัชนี PMI สหรัฐออกมาดี บาทกลับมาแข็งค่าเล็กน้อย บอนด์ยิลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับลดลง แต่ดาวโจนส์ล่วงหน้าอยู่ในโซนแดง ยังต้องติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศ เรื่องศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักษาชาติ 7 มี.ค.62
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1645-1650 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1620,1610 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.7 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +12% แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น BJC : กำไรสุทธิ 4Q61 เป็น 2.1 พันล้านบาท (+14% y-o-y, +26% q-o-q) แต่หากไม่นับรายการพิเศษ กำไรหลัก 4Q61 เป็น 2.3 พันล้านบาท +23% yo-y แรงผลักดันมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นดี และอัตรากำไร EBIT ที่สูงขึ้น ด้านธุรกิจที่หนุนนำกำไรที่ดีใน 4Q61 คือ บรรจุภัณฑ์ประเภทแก้ว และ Consumer SupplyChain ด้านธุรกิจสินค้าดูแลสุขภาพ และ Technical แม้รายได้เติบโตน้อย แต่มีแรงหนุนมาจากการควบคุมต้นทุนได้ดี คำแนะนำ ซื้อ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 60.00บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 21%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนจะเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”ใต้“SMA10วัน” แต่“ปิด”ค่อนมาทางสูง (โดย“ติด”แนวต้าน และยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(แรงหนุนของ“แนวรับย่อย”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1645 – 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1635” (แนวรับย่อย “1620 หรือ1610”}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TCAP,PSH,ESSO,AOT,CENTEL,TU หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ UNIQ, MINT, STPI, RATCH,KTB, GOLD, HMPRO หุ้นที่หลุด List ไม่มี ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ PTG,SAMART
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มธนาคารพาณิชย์
กลุ่มยานยนต์
Company Guide : KTB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 19.80)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ติดตาม TCMC-W2 และ OCEAN
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ ธ.ค.และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ก.พ.62 แข็งแกร่ง
# ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 621,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้วและสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 8.7% สู่ระดับ 600,000 ยูนิตในเดือนธ.ค.
# ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 56.0 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 54.2 ในเดือนม.ค. ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัว 3.0 จุด สู่ระดับ 59.7 ในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ที่ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2548
+/- สหรัฐ: การเจรจาการค้าจีน-นักลงทุนรอดูความชัดเจน
# นักลงทุนรอความชัดเจนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อต่างประเทศซึ่งรวมถึงวอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า โดยคาดว่าผู้นำของทั้งสองประเทศมีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างสมบูรณ์ในการประชุมวันที่ 27 มี.ค.นี้
# ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจปฏิเสธที่จะทำข้อตกลงการค้า หากข้อตกลงนั้นไม่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐเท่าที่ควร
-จีน: ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงสู่ 6-6.5% เมื่อวานนี้ ต่ำกว่าเป้าหมายของปีก่อน
# รัฐบาลจีนปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงสู่ 6-6.5% เมื่อวานนี้ ต่ำกว่าเป้าหมายของปีก่อนที่ 6.6% และเป็นเป้าหมายอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 30 ปีของจีน แต่ยังคงเป็นอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
# นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนประกาศว่า จีนตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายการปรับลดภาษีและมาตรการเศรษฐกิจอื่นๆ วงเงินเกือบ 2 ล้านล้านหยวน (2.98 แสนล้านดอลลาร์)
•/+ ยุโรป: รอดูผลประชุมธนาคารกลางยุโรป ส่วนภาคบริการของอิตาลีกลับมาขยายตัวเกินคาดในเดือนก.พ.
# นักลงทุนจะรอดูผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ ส่วนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจนั้นดัชนี PMI บ่งชี้ว่า ภาคบริการของอิตาลีกลับมาขยายตัวเกินคาดในเดือนก.พ. แต่ข้อมูล GDP ยืนยันว่า เศรษฐกิจอิตาลีเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคในช่วงสิ้นปี 2561 ขณะที่ดัชนี PMI ของภาคบริการอังกฤษสูงเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคบริการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
-อังกฤษ: อาจเกิดผลกระทบรุนแรงในตลาดเงิน หากอังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง
# ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษร่วงลงหลังมีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษไม่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใดๆ ในการประชุมระหว่างนายเจฟฟรีย์ ค็อกซ์ รมว.ยุติธรรมของอังกฤษและนายไมเคิล บาร์เนียร์ หัวหน้าผู้เจรจาของสหภาพยุโรป โดยปอนด์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกของอังกฤษ
# ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ของอังกฤษสามารถกู้ยืมเงินสกุลยูโรจาก BoE ได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นมาตรการล่าสุดที่จะสนับสนุนระบบการเงินของอังกฤษในกรณีที่มีการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) แบบไร้ข้อตกลง
# BoE เตือนว่า นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับผลกระทบที่รุนแรงในตลาดการเงิน หากอังกฤษต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลงในวันที่ 29 มี.ค.
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง รอความชัดเจนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,806.63 จุด ลดลง 13.02 จุด หรือ -0.05% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่7,576.36 จุด ลดลง 1.21 จุด หรือ -0.02% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,789.65 จุด ลดลง 3.16 จุด หรือ -0.11%
# ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ เป็นปัจจัยที่ช่วยลดช่วงลบของตลาด
- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง หลังจีนตั้งเป้าเศรษฐกิจโตลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 56.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 65.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังจากรัฐบาลจีนได้ประกาศลดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สำหรับปี 2562 ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง หลังดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่1,284.70 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 7 เมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศต่อไป
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนธ.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2561 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-การเมืองไทย: เข้าใกล้วันศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน การยุบพรรคไทยรักษาชาติ
# 7 มี.ค.62 เป็นวันครบกำหนดตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน การยุบพรรคไทยรักษาชาติ ทำให้นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์ (Wait & See) เพราะหากหายไป 1 พรรค ก็จะทำให้ตัวเลือกในการเลือกตั้งหายไป
+ รับเหมาก่อสร้าง: ครม.อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-ศิริราช
# ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ในกรอบวงเงิน 6,645.03 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมจะกำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี แต่กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าจะสามารถเปิดให้บริการในปี 65
+ ไทยเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
# รมช.พาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) สมัยพิเศษ โดยรัฐมนตรี (RCEP) ทั้ง 16 ประเทศต่างยืนยันความตั้งใจของผู้นำ RCEP ที่จะสรุปผลการเจรจาทั้งหมดให้ได้ในปีนี้
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]