- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 March 2019 17:35
- Hits: 1976
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET เสี่ยงแกว่งลงต่อ ด้วยปัจจัยลบจาก Flow ของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายต่อเนื่องเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกัน บวกกับ Consensus ปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ลดลง ระวัง SET หลุดแนวรับที่ระดับ 1,630 จุด คาดจะเผชิญรับถัดไปที่ระดับ 1,600 จุด
Market Factors
• (Watch) นักลงทุนยังคงรอความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนโดยการเจรจาใกล้บรรลุข้อตกลงและคาดจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในช่วงปลายเดือนมี.ค.
• (+) ครม.อนุมัติให้การรถไฟ ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ในกรอบวงเงิน 6,645.03 ลบ. ตามเสนอของกระทรวงคมนาคม โดยคาดเปิดให้บริการได้ในปี 65 (โพสต์ทูเดย์)
• (watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62 ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่วน Month to date ต่างชาติขายสุทธิ 5,165.13 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เรามอง SET Index แกว่งย่อลงต่อหลังประกาศงบปี 61 เสร็จ ซึ่งจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ได้ทยอยปรับลดประมาณการ EPS ของดัชนีต่อเนื่องโดยตั้งแต่ต้นปี62EPS อยู่ที่ 114.89 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 110.06 บาท หรือลดลง 4.2%Year To Date ซึ่งทำให้ PE Valuation ของ SET Index ปรับตัวสูงขึ้นปัจจุบัน FWD PE ปี 62 อยู่ที่ระดับ 14.89x และ EPS Growth ปี 62 อยู่ที่ระดับ 12.7%YoY ขณะที่ประเทศอื่นใน TIP Market ล้วนแล้วแต่มี PEG ต่ำกว่า 1x ได้แก่ JCI Index (อินโดนีเซีย) FWD PER ปี 62 อยู่ที่ระดับ 15.45x และ EPS Growth ปี 62 อยู่ที่ระดับ 33.09%YoY และ PCOMP Index (ฟิลิปปินส์) FWD PER ปี 62 อยู่ที่ระดับ 16.29x และ EPS Growth ปี 62 อยู่ที่ระดับ 17.95%YoY นอกจากนี้ถ้าพิจารณาจาก A Share Index จะพบว่า FWD PER ปี 62 อยู่ที่ระดับ 11.43x และ EPS Growth ปี 62 อยู่ที่ระดับ 26.1%YoY ดังนั้นมองความน่าสนใจในการลงทุนของตลาดหุ้นไทยน้อยกว่าภูมิภาค และมองว่าเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจะ Switch ออกจากตลาดหุ้นไทยไปยังภูมิภาคอื่นที่น่าสนใจกว่าโดยSET หากหลุด 1,630 จุด คาดแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,600 จุด ทั้งนี้การปรับตัวลงของ SET เป็นโอกาสเข้าซื้อ 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น), BEC (คาดเห็นการ Turnaround ของกำไรตั้งแต่ช่วง 1Q62 โดยมีปัจจัยบวกหลักจาก 1) ไม่มี One-time expense ที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างพนักงาน 2) Rating เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากเพียง 1.108 ในเดือน ธ.ค. เป็น 1.292 ในช่วงเดือน ก.พ. หลังละคร “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” และ “ตุ๊กตาผี” ได้รับความนิยมสูง 3) เม็ดเงินโฆษณาของสื่อทีวีในเดือน ม.ค. ปรับขึ้น 3.25%YoY สวนทางอุตสาหกรรม), TVDปี62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoYแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
• กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น แนะนำSAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 30.8%YoYจากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoYสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของ Yield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.) และ MTC (คาดกำไรปี 62 โต 33.7%YoY หนุนด้วยแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่อีก 35%YoY ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม)
Quantitative Screening
• หุ้นกลุ่มที่มี Performance Improvement น่าสนใจ หลังประกาศงบปี 61 ทั้งในแง่ของการเติบโตของรายได้และกำไร รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ขณะที่ระดับ PER ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ของ Sector ย้อนหลัง 3 ปี แนะนำ MAJOR, PORT, TVO, PSH, AMANAHและ ASK
5-Mar-19 Change (pts.) 4-Mar-19
SET Index 1,639.00 3.70 1,635.30
SET50 Index 1,089.38 2.16 1,087.22
SET100 Index 2,401.49 5.63 2,395.86
High 1,641.56 Gainers 653
Low 1,629.55 Unchanged 485
Value (Bt m) 41,234.20 Losers 644
Volume (*000) 12,923,509
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.9 13.6 13.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 8.2
EV/EBITDA (x) 10.0 9.4 9.2
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.2 3.5 3.9
ROE 11.5 11.7 11.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 5-Mar-19 WTD MTD YTD
Institution 911.49 534.86 (2,607.11) 24,156.22
Proprietary 1,014.02 708.98 1,257.34 5,202.94
Foreign (1,737.88) (3,386.19) (5,165.14) (1,853.65)
Individual (187.62) 2,142.35 6,514.91 (27,505.51)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary