" Fund Flow ไหลออก "                         

          ตลาดหุ้นเมื่อวันก่อน : SET Index ปรับตัวลง -6.14 จุด (-0.37%) ปิดที่ 1,635 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าจะได้ประเด็นบวกจากความคืบหน้า Trade talk ระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ภาวะตลาดมีแรงขายกลุ่ม Energy และ Petro ตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง รวมถึงความกังวล Fund Flow ไหลออกหลังเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้นักลงทุนขายลดความเสี่ยง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,648 ล้านบาท และNet Short TFEX 6,388 สัญญา แต่ซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรเล็กน้อย 6 ล้านบาท 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: คาด SET Index อ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,625 - 1,633 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ในการประชุมวันที่ 27 มี.ค. อย่างไรก็ตามความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวยังคงเป็นตัวถ่วงทิศทางตลาดในช่วงนี้โดยล่าสุดตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐเดือนธ.ค. -0.6% MoM  นอกจากนี้แรงกดดันเงินบาทอ่อนค่าลงส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออก 6 วันต่อเนื่องราว 8.8 พันลบ. อีกทั้งคาดว่านลท.จะชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามคดียุบพรรคไทยรักษาชาติที่ศาลฯจะพิจารณาในวันที่ 7 มี.ค. ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีมีความผันผวนสูง  

 

กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy   

          - กลุ่มอาหาร(GFPT, CPF, TU) อิเล็คทรอนิกส์ (KCE, SVI) ได้อานิสงส์เงินบาทที่อ่อนค่าลง 

          - กลุ่มค้าปลีก(CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 

          - กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนขยายตัวขึ้น 

          หุ้นแนะนำวันนี้: TOP (ปิด 69.75 ซื้อ/เป้า 90) ราคาร่วงแรงสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว ระยะสั้นมีข่าวบวกล่าสุดค่าการกลั่น ณ โรงกลั่นสิงคโปร์เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 4$/bbl เทียบกับช่วงต้นปีอยู่ที่ระดับ 1.5$/bbl, TSR (ปิด 2.14 ซื้อ/เป้า 3) เป็นหุ้นงบดีที่ถูกลืม TSR มีกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 107 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40%yoy ปีนี้บริษัทตั้งเป้าโตต่อเนื่องอีก 20% หากทำได้จริงราคานี้ถือว่าไม่แพงเพราะคิดเป็น PE ratio ต่ำเพียง 10 เท่า อีกทั้งยังจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield สูงถึง 6.5% ต่อปี, TWPC (ปิด 8.2 ซื้อ/เป้า 10) เข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ คาดกำไรสุทธิปีนี้กลับมาโตเท่าตัวเป็น 536 ล้านบาทเติบโต 190%yoy จากแรงส่งของต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงและปริมาณการผลิตและขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากอัตราการผลิตกลับสู่ภาวะปกติที่ 60-70% จาก 40-50%  

          Top picks ปี 2Q19 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS 

          KSS report วันนี้ : CKP (ปิด 4.82 ถือ/เป้า 4.80), TVO  (ปิด 28 ถือ/เป้าใหม่ 27 จาก 30),VNT  (ปิด 25.5 ซื้อ/เป้า 30), Thailand Strategy 

 

          (+) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว โดย WTI เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ ตอบรับข่าว โอเปกและรัสเซีย ส่งสัญญาณปรับลดกำลังการผลิต : ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาเพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 56.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนหนึ่งตอบรับข่าว สหรัฐอาจยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเกือบทุกรายการที่ได้บังคับใช้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และอีกส่วนหนึ่งมาจากข่าวว่ากลุ่ม โอเปกและรัสเซียจะยังเดินหน้าลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรัสเซียส่งสัญญาณว่าจะปรับลดกำลังการผลิตลงอีก 228,000 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบจากระดับของเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้กลุ่ม โอเปก และกลุ่มนอกโอเปกจะประชุมเพื่อพิจารณาขยายเวลามาตรการปรับลดกำลังการผลิตอีกครั้งในวันที่ 17-18 เม.ย.นี้ 

          (+) ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวขึ้นสู่เกณฑ์ "ร้อนแรง" เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เลือกกลุ่ม Bank น่าสนใจที่สุด ขณะที่กลุ่ม Property ยังไม่น่าสนใจ : สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในช่วง 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 130.68 ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และเป็นการปรับขึ้นสู่เกณฑ์ร้อนแรง (ช่วงของค่าดัชนี 120-159) เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ตอบรับสถานการณ์ทางการเมืองที่ดีขึ้นและจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.19 SECTOR ที่นักลงทุนมองว่ามีความน่าสนใจที่สุดคือ กลุ่ม Bank ขณะที่กลุ่ม Property ยังไม่น่าสนใจที่จะเข้าลงทุน  

          (+) กลุ่มรับเหมาฯ ครม.เร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในปีนี้ 21 โครงการมูลค่า 1.29 ล้านล้านบาท โดยเดือนมี.ค.จะเสนอครม.อนุมัติ 2 โครงการมูลค่ารวม 7.4 หมื่นล้านบาท : กระทรวงคมนาคมกล่าวในงาน ONE Transport for All 2019 โดยระบุว่าปีนี้กระทรวงจะเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในปีนี้ 21 โครงการมูลค่า 1.29 ล้านล้านบาท โดยเดือนมี.ค.จะเสนอครม.อนุมัติอย่างน้อย 2 โครงการมูลค่ารวม 7.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 5.7 กม. วงเงิน 7,469.43 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เส้นทางบ้านไผ่ -มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 6.7 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ PPP และเตรียมเสนอ ครม.ภายในเดือนนี้ คือ รถไฟฟ้าสายสีส้มด้านตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนท์ พร้อมการร่วมทุนเดินรถมูลค่า 1.1 แสนล้านบาท เป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนของกลุ่มรับเหมา Top pick : CK, STEC และ SEAFCO 

          (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม 7 มี.ค.ศาลรัฐธรรมนูญนัดศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจาลงมติวินิจฉัยคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติ