- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 March 2019 14:06
- Hits: 3003
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET เสี่ยงแกว่งลงต่อ หลังวานนี้ต่างชาติขายหนัก ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติที่ลงทุนในตลาดหุ้นเดือน ก.พ. พลิกกลับมาติดลบ ขณะที่ Consensus ปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ลดลง มอง SET มีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,660จุด และแนวรับที่ระดับ 1,645จุด
Market Factors
• (+) ตัวเลข ศก.สหรัฐฯ GDP ช่วง 4Q61 ประกาศออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด (Actual 2.6% vs Forecast 2.4%) แม้ดุลการค้าจะขาดดุลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ -0.22% แต่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเติบโต3.9% และการใช้จ่ายผู้บริโภคเติบโต 2.8%
• (-) การประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ทรัมป์และผู้นำเกาหลีเหนือนายคิมจองอึน ณ ประเทศเวียดนามยังไม่มีข้อตกลงร่วมกันหลังนายคิมต้องการให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือทั้งหมด
• (-) รายงานภาวะเศรษฐกิจ จาก ธปท. เผย เศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ผลจากอุปสงค์ในประเทศ ขณะที่การส่งออกยังหดตัวต่อเนื่องที่ 4.7% YoY ส่วนตัวเลขดุลการชำระเงินเดือน ม.ค.เกินดุล 2.3 พันล้านดอลลาร์ ผลจากการนำเข้าที่กลับมาขยายตัว 4.2% YoY นอกจากนี้ยังคาดเศรษฐกิจทั้งปี 62 อาจโตชะลอลง จากปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น บวกกับปัจจัยความกังวลจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนในประเทศที่อยู่ระดับสูง (ไทยโพสต์)
• (watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่งผลให้ Year to date ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,311.47 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์หน้าเรามอง SET Index แกว่งย่อลงต่อหลังประกาศงบปี 61 เสร็จ ซึ่งจากข้อมูลของ Blooomberg Consensus ได้ทยอยปรับลดประมาณการ EPS ของดัชนีต่อเนื่องโดยตั้งแต่ต้นปี 62 EPS อยู่ที่ 114.94 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 110.22 บาท หรือลดลง 4.1%Year To Dateซึ่งทำให้ PE Valuation ของ SET Index ปรับตัวสูงขึ้นปัจจุบัน FWD PE ปี 62 อยู่ที่ระดับ 15.0x และ EPS Growth ปี 62 อยู่ที่ระดับ 13.0%YoY ขณะที่ประเทศอื่นใน TIP Market ล้วนแล้วแต่มี PEG ต่ำกว่า 1x ได้แก่ JCI Index (อินโดนีเซีย) FWD PER ปี 62 อยู่ที่ระดับ 15.49x และ EPS Growth ปี 62 อยู่ที่ระดับ 31.9%YoY และ PCOMP Index (ฟิลิปปินส์) FWD PER ปี 62 อยู่ที่ระดับ 16.34x และ EPS Growth ปี 62 อยู่ที่ระดับ 18.52%YoY ดังนั้นมองความน่าสนใจในการลงทุนของตลาดหุ้นไทยน้อยกว่าภูมิภาค และมองว่าเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจะชะลอซื้อในตลาดหุ้นไทย
โดย SET มีแนวรับที่ระดับ 1,630 จุด ทั้งนี้การปรับตัวลงของ SET เป็นโอกาสเข้าซื้อ3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส TBSP และ SYNEX นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น), RS (มองปัญหาหลักทั้งกระแสกังวลต่อมาตรฐานสินค้าในกลุ่ม H&B และปัญหา Supply Chain ของสินค้าในกลุ่ม H&L บรรเทาลง ขณะที่บริษัทมีแผนเพิ่มไลน์สินค้าใหม่กว่า 100 SKU บวกกับมีช่องทางขายใหม่จากข้อตกลงร่วมกับไทยรัฐทีวี (เป้ารายได้ 550 ลบ.) หนุนให้คาดปี 62 จะมีกำไรปกติโตเด่น 51.9%YoY), TVDปี62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoYแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
• กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น แนะนำ SAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 30.8%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoYสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของ Yield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.) และ MTC (คาดกำไรปี 62 โต 33.7%YoY หนุนด้วยแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่อีก 35%YoY ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม)
Quantitative Screening
• Dividend Theme โดย Screen หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากการขึ้นเครื่องหมาย XD รอบนี้โดดเด่น แนะนำ KGI (7.9% XD 18 เม.ย. และจ่ายปันผล 8 พ.ค.), NYT (5.8%, XD 3 พ.ค. และจ่ายปันผล 24 พ.ค.)และ PSH (5.2%, XD 11 มี.ค. และจ่ายปันผล 22 พ.ค.)
28-Feb-19 Change (pts.) 27-Feb-19
SET Index 1,653.48 -11.79 1,665.27
SET50 Index 1,099.30 -10.58 1,109.88
SET100 Index 2,425.16 -21.44 2,446.60
High 1,666.74 Gainers 465
Low 1,652.71 Unchanged 426
Value (Bt m) 54,035.86 Losers 985
Volume (*000) 14,365,650
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 15.0 13.7 13.7
EPS Growth (%) 13.9 9.3 12.5
EV/EBITDA (x) 10.1 9.4 9.2
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.5
Dividend Yield (%) 3.2 3.5 3.8
ROE 11.6 11.7 12.1
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 28-Feb-19 WTD MTD YTD
Institution 197.83 2,550.17 16,731.89 26,763.33
Proprietary 663.50 1,622.10 5,249.65 3,945.60
Foreign (4,167.81) (5,436.47) (3,410.16) 3,311.48
Individual 3,306.48 1,264.21 (18,571.38) (34,020.41)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary