ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้แกว่งตัวแคบ +1.71 จุด (+0.10%) ปิดที่ 1,665 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.2 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าจะได้ปัจจัยบวกจากประธานเฟดยืนยันชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามมีแรงขายในหุ้นที่งบปี 2018 น่าผิดหวัง รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับรัฐสภาอังกฤษมีโอกาสเลื่อน Brexit ออกไป ส่งผลให้ดัชนีผันผวนในกรอบแคบ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 640 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 332 ล้านบาท รวมทั้ง Net Long TFEX 4,698 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,660 - 1,675 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนโดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจาก FED ย้ำไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและวางแผนที่จะยุติการปรับลดงบดุลในปีนี้ รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่มีความคืบหน้าซึ่งหนุนต่อ sentiment การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอินเดียกับปากีสถานที่มีการยิงต่อสู้กันบริเวณพื้นที่ความขัดแย้งในแคชเมียร์, แรงขาย Sell on fact หลังการประกาศงบและเงินปันผล 2018 รวมถึงกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ชะลอตัวลงจะเป็นตัวถ่วงให้ดัชนีมีความผันผวนต่อไป

•    กลุ่ม TV digital (WORK, RS, BEC, MONO) คสช.พิจารณามาตรการช่วยเหลือทีวีดิจิตอล

•    กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

•    กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวน นทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

หุ้นแนะนำวันนี้ : TOP (ปิด 73.50 ซื้อ/เป้า 90) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว คาดงบ 1Q19 พลิกเป็นบวกจากค่าการกลั่นเริ่มฟื้นตัวสู่ระดับ 3.3$/bbl เทียบกับช่วงต้นปีอยู่ที่ระดับ 1.5$/bbl ในช่วงต้นปี นอกจากนี้คาดว่าจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบหลังจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากระดับ 40$/bbl สู่ระดับ 55-60$/bbl ในปัจจุบัน, STA (ปิด 16.8 ซื้อ/เป้า 22) คาดกำไรสุทธิ 4Q18 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากแรงหนุนของธุรกิจถุงมือยางที่มีกำไรมากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนภาพรวมธุรกิจที่มีอยู่ (ยางธรรมชาติ 4 บาท และถุงมือยาง 18 บาท), TWPC (ปิด 8.15 ซื้อ/เป้า 10) เข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ คาดกำไรสุทธิปีนี้กลับมาโตเท่าตัวเป็น 536 ล้านบาทเติบโต 190%yoy จากแรงส่งของต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงและปริมาณการผลิตและขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากอัตราการผลิตกลับสู่ภาวะปกติที่ 60-70% จาก 40-50%

Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS

KSS report วันนี้ : IVL (ปิด 52.25 ซื้อ/เป้า 65), JMT (ปิด 13.4 ซื้อ/เป้าใหม่ 16.5 จาก 14.2), QH (ปิด 3.04 ซื้อ/เป้า 3.50), Banking sector

ประเด็นสำคัญวันนี้ :          

•    (+/-) ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอินเดีย และปากีสถาน คาดว่าจะคลี่คลายลงหลังจากผู้นำทั้งสองประเทศเตรียมเจรจาแก้ไขวิกฤต : ปัญหาการสู้รบระหว่างอินเดีย และปากีสถาน คาดว่าจะกระทบ Sentiment การลงทุนในช่วงสั้น อาทิ ท่องเที่ยว และสายการบิน แต่คาดว่าปัญหานี้จะคลี่คลายลงหลังจากผู้นำทั้งสองประเทศประกาศเตรียมเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อแก้ไขวิกฤติ โดยนายอิมราน ข่าน นายกปากีสถานยื่นข้อเสนอต่อนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เพื่อเปิดโต๊ะเจรจาผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

•    (+) น้ำมันดิบบวกแรง 1.44 ดอลลาร์ หรือ +2.6% ตอบรับสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น : สำนักงานพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 8.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล และเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ เช่นเดียวกับสต๊อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล หนุนราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ (+2.6%) ปิดที่ 56.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

•    (+/-) การเมืองในประเทศ พรรคไทยรักษาชาติยังต้องลุ้นต่อ โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติวินิจฉัยคำร้องยุบพรรคในวันที่ 7 มี.ค. 19 : วานนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ตัดสินคำร้องที่กลต.ยื่นฟ้องยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติวินิจฉัยคำร้องยุบพรรคในวันที่ 7 มี.ค. 19 ประเด็นนี้จะยังเป็น Overhang ทางการเมืองไปจนกว่าจะรู้คำตัดสินที่ชัดเจนจึงเป็นปัจจัยลบเล็กน้อยต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม