- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 February 2019 15:58
- Hits: 3292
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective Buy //Continue to Hold
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนและรอติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศโดยศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยสัปดาห์หน้าในประเด็นยุบพรรคทษช. นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้น 640 ลบ. และ 474 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Long ใน Index Futures 4.7 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนักจากสถานการณ์รุนแรงระหว่างอินเดียและปากีสถาน ขณะที่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯกล่าวว่าจีนยังต้องดำเนินการกว่าแค่แค่ซื้อสินค้าสหรัฐฯ ทำให้การบรรลุข้อตกลงยังต้องใช้ระยะเวลา อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ผ่อนคลายช่วยพยุงทั้งการแถลงของประธาน FED ที่ย้ำว่าจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยและอาจเลิกปรับลดงบดุลปีนี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่บวกแรงซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานให้ประคองตลาดได้ ส่วนประเด็นการเมืองในประเทศยังต้องตามต่อในวันที่ 7 มี.ค. ในประเด็นยุบพรรคทษช.
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่มีผลประกอบการ 4Q18 แข็งแกร่งและมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว//ระยะกลาง-ยาวเน้นถือต่อเนื่อง
หุ้นเด่นเดือน ก.พ : EA, ERW, GLOBAL, SAPPE, SEAFCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$79ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$90ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$20ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าแต่ชะลอลงหลังมีแนวโน้มว่าจีนและสหรัฐยังไม่สามารถตกลงทางการค้าได้ในเร็วนี้ แต่รายงานหลังการประชุม Fed ที่ระบุการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะช้าลงส่งผลบวกต่อสภาพคล่องในตลาดโลกต่อไป
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BAFS <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 40 บาท (ตัดขาดทุน 34 บาท)
- กำไร 4Q18 ตามคาดที่ 181 ลบ. +10% Y-Y จบปี 2018 มีกำไรสุทธิ 1,051 ลบ. +8% Y-Y
- ที่น่าสนใจคือ ปันผลงวด 2H18 จ่าย 1.14 บาท/หุ้น (สูงสุดเป็นประวัติการณ์) Yield 3.3% ขึ้น XD 2 พ.ค. 19 ทั้งที่ BAFS อยู่ในช่วงลงทุนท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ สะท้อนมุมมองผู้บริหารที่คาดว่าจะคุ้มทุนเร็ว
- ล่าสุดกลุ่ม ปตท. จะเข้ามาร่วมใช้ท่อนี้ด้วย เพราะราคาถูกกว่าขนทางรถ 30%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กำไรปกติที่ประกาศแล้วประมาณ 80% ของ FSS coverage -30% Q-Q, -23% Y-Y เป็น 1.44 แสนลบ.ใน 4Q18 ทำให้กำไรปกติทั้งปี -1% Y-Y ใกล้เคียงตลาดคาดที่ -2% Y-Y หลักๆมาจาก stock loss ของโรงกลั่นและปิโตรเคมีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงาน หากตัดกลุ่มนี้ออกไป กำไรปกติทั้งปี +4.6% Y-Y กลุ่มกำไรโตดีได้แก่กลุ่มโรงไฟฟ้า อสังหาฯ ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเสาเข็ม และหุ้นรายตัวเช่น SISB, EKH, XO, TVO, THANI, RS เป็นต้น ในปี 2019 เราคาดกำไรบจ.กลับมาโต 11% ปัจจุบัน SET มี Forward PE 14.3 เท่า อยู่ระดับกลางๆเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน และคิดเป็น PEG 1.3x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เรายังคงเป้า SET สิ้นปีที่ 1,800 จุด +8% จากระดับปัจจุบัน
(+) BJC กำไรสุทธิ 4Q18 เท่ากับ 2,126 ลบ. (+26.3% Q-Q, +14.1% Y-Y) ดีกว่าคาด 10% ทำจุดสุงสุดใหม่ โดยกำไรที่โต Q-Q มาจากช่วง High Season ส่วนโต Y-Y ทำได้ดีทุกกลุ่มธุรกิจ BIGC มี SSSG +1.8% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นก็ทำได้ดีกว่าคาด กำไรสุทธิปี 2018 เท่ากับ 6,650 ลบ (+27.6% Y-Y) ส่วนกำไรปกติเท่ากับ 6,444 ลบ (+25.8% Y-Y) มีการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2019 ไว้ที่ 7,314 ลบ (+13.5%% Y-Y) คงราคาเป้าหมายที่ 66 บาท แจ้งจ่ายปันผลงวด ?2H18 หุ้นละ 0.55 บาท คิดเป็น Yield 1.1% ขึ้น XD ?30 ?เม.ย. แนะนำซื้อ???
(0) ERW การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้โทนเป็นกลาง ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% และคาด Margin ทรงตัวจากปีก่อน โดยจะเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่งในปี 2019 (Hop Inn 7 แห่งและ Mercure&ibis สุขุมวิท 24) ทำให้อาจมีต้นทุนใหม่เข้ามากดดันบ้าง แต่การเติบโตของโรงแรมหลักเดิมและที่เปิดในปี 2018 คาดว่ายังโตได้แข็งแกร่ง เบื้องต้นผู้บริหารให้ข้อมูลว่าแนวโน้มกำไร 1Q19 จะยังเติบโตไม่ได้เด่นนักเนื่องจากฐานสูงปีก่อนและตลาดที่ฟื้นหลักๆคือกรุงเทพฯ ขณะที่ต่างจังหวัดยังเห็นผลกระทบอยู่บ้าง เราจึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2019 เติบโต 13.5% Y-Y และคงราคาเหมาะสมที่ 8 บาท ขณะที่ประเด็นการขอเพิ่มทุน PP แบบ General Mandate อาจสร้างความกังวลแก่ตลาดในระยะสั้นในแง่ Dilution เราจึงแนะนำซื้ออ่อนตัว
(0) TVO กำไรสุทธิ 4Q18 เท่ากับ 271 ลบ. (-40.7% Q-Q, -47% Y-Y) เป็นไปตามคาด เพราะราคาขายอ่อนตัวลง ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังไม่ปรับลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y จบปี 2018 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,867 ลบ. (+41% Y-Y) ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 1,766 ลบ. (+31.8% Y-Y) ถือเป็นปีที่ดี คาดกำไรปี 2019 จะยังโตได้ แต่ในอัตราที่ลดลงเพราะฐานสูงในปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มราคาถั่วเหลืองที่จะปรับขึ้น จากปัญหา Trade War ที่คลี่คลายและจีนกลับมานำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐอีกครั้ง ไม่ต้องแย่งซื้อจากอเมริกาใต้ ในขณะที่ภาวะการเลี้ยงสัตว์ในประเทศยังสดใสต่อเนื่อง คงราคาเป้าหมายที่ 34 บาท แนะนำซื้อ
(-) WORK 4Q18 ขาดทุน 77 ลบ. แย่กว่าคาดที่ -47 ลบ. จากค่าใช้จ่าย SG&A มากกว่าคาด และมีขาดทุนรับรู้จากบริษัทร่วม รายได้โฆษณาข่อง WPTV ลดลง 12.0% Q-Q (-0.7% Y-Y) และรายได้จัดคอนเสิร์ตลดลง ขณะที่ต้นทุนทีวีดิจิตอลเพิ่ม 15.9% Q-Q, 36.2% Y-Y จากต้นทุนค่าลิขสิทธิถ่ายทอดกีฬา จบปี 2018 มีกำไร 345 ลบ. -61.8% Q-Q แนวโน้ม 1Q19 คาดดีขึ้น Q-Q จากคาดต้นทุนลิขสิทธิกีฬาและค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลง รวมทั้งไม่มีขาดทุนจากบ.ร่วม คงคำแนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 26 บาท ปันผลปี 2018 จ่าย 0.45 บาท/หุ้น Yield 1.8% XD 12 มี.ค.
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27-28 ก.พ. - ประชุมผู้นำสหรัฐฯและเกาเหลีเหนือ
28 ก.พ. - สหรัฐฯ: 4Q18 GDP
- จีน: PMI ภาคการผลิตและบริการ (ก.พ.)
1 มี.ค. - สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ก.พ.)
- จีน: PMI ภาคการผลิต (ก.พ.)
7 มี.ค. - ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ
(-) ตลาดดาวโจนส์สหรัฐปรับตัวลง หลังผู้แทนการค้าสหรัฐส่งสัญญาณว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐ-จีนยังต้องใช้เวลาอีกระยะ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง จาก Sentiment เชิงลบจากการเจรจาทางการค้าที่ยังไม่คืบหน้าและความตึงเครียดในเอเชีย
(-) ภาพรวมตลาดเอเชียปรับตัวลงจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น +1.44 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 56.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่คาด
(-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง -7.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1321.2 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research