- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 22 February 2019 21:16
- Hits: 4645
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET แกว่งผันผวนในกรอบ โดยปัจจัยต่างประเทศยังต้องจับตาการประชุมผู้นำเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ฝั่งตลาดหุ้นไทยต้องเฝ้าระวัง Consensus ที่ปรับคาดการณ์ EPS ปีนี้ของดัชนี SET ลงต่อเนื่องจากช่วงต้นปี มอง SET แกว่งในกรอบ 1,635-1,655 จุด
Market Factors
• (-) ตัวเลข ศก. สหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดโดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (IHS Markit PMI) ประกาศออกมาต่ำสุดในรอบ 17 เดือน (Actual 53.7 vs Forecast 54.9) และดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางฟิลาเดเฟียประกาศออกมาติดลบ (Actual -4.1 vs Forecast 15.6) ผลจากความไม่แน่นอนของห่วงโซ่อุปทานและการค้าโลก
• (+) ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์ในเดือน ม.ค.62 ผลิตได้ 179,595 คัน เพิ่มขึ้น 8.06%YoYโดยแบ่งเป็น ยอดขายรถภายในประเทศเพิ่มขึ้น 17.3% YoY อยู่ที่ 78,061 คัน ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปลดลง 0.59%YoY อยู่ที่ 81,583 คัน
• (+) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย การจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือน ม.ค.ปี 62เพิ่มขึ้นเป็น 7,311 รายเพิ่มขึ้น 78% MoM โดยมี 3 ประเภทธุรกิจที่มียอดการจัดตั้งสูงสุด ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, และ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้าคิดรวมเป็นมูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในเดือน ม.ค. ปี 62 จำนวนทั้งสิ้นราว 17,693 ล้านบาท (ฐานเศรษฐกิจ)
• (Watch) จับตาประกาศตัวเลขดุลการค้าของไทย เดือน ม.ค. 62 วันนี้ โดย Bloomberg Consensus คาดตัวเลขนำเข้า YoYลดลง 1% และภาคส่งออก YoY ลดลง 2.1%
• (Watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และ Month to date ขายสุทธิ 1,253.71 ลบ.
• (-) SpreadThai Government Bond ระหว่าง 2 Year-10 Year Yield ปรับลดลงเหลือ -65.8519 bps จากระดับสูงสุดเมื่อต้นเดือน ก.พ. 61 ที่ -54.547bps โดยเป็นการปรับตัวลดลงของ Yield ใน 2 Year และปรับเพิ่มขึ้นของ Yield ใน 10 Year แสดงให้เห็นถึงการความต้องการพักเงินในตลาดตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นกว่า
Investment Strategy
• สัปดาห์หน้าเรายังคงมอง SET Index พักฐานหลัง Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.16 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 111.04 บาท หรือลดลง 3.58%YTD บวกกับ สัญญาณการพักเงินในตลาดตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นกว่า ทำให้เรามองว่า SET Index มีโอกาสแกว่งผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฝ้าระวังอย่าให้หลุดแนวรับ 1,630 จุด หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,600 จุด ดังนั้นแนะนำ Wait&See และรอซื้อกลับเมื่อตลาดปรับฐานใน 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• หุ้นที่ได้รับอานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น: โดย Year To Date ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 2.56% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นอานิสงส์บวกต่อหุ้นกลุ่มนำเข้าและสายการบิน เลือก SYNEX (ปี 61 ประกาศกำไรโต 15.65%YoY และปี 62 ตั้งเป้ารายได้โต 10-15%YoY โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้มาจากสินค้ากลุ่มโน้ตบุ๊คและสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำราว 50% ,กลุ่มConsumer Product ราว 30% และส่วนที่เหลือมาจากกลุ่มCommercial Product ราว20% โดยปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มแบรนด์สินค้าเพื่อจำหน่ายอย่างน้อยอีก 4-5 แบรนด์โดยเฉพาะในกลุ่มกล้องวงจรปิดหรือระบบรักษาความปลอดภัยจากปัจจุบันที่มีแบรนด์สินค้าทั้งสิ้น 60 แบรนด์), HARN (แนวโน้มธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%YoY และ ปี 62 ที่ 8.2%YoY Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.),FTE (แม้ปี 61 กำไรสุทธิทรงตัว YoYหลังมีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ขณะที่ปี 62 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% โดยมีปัจจัยบวกจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งภาครัฐฯ และเอกชน (เน้นกลุ่มโรงไฟฟ้า) หลังบริษัทเพิ่มรายการสินค้า และเปิดช่องทางจำหน่ายใหม่) AAV (นอกเหนือจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังมีประเด็นบวกต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงโดย QTD Singapore Jet Kero Spot เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ72.22 USD/barrel ต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ยช่วง1Q61 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 77.72 USD/barrel และต้นทุนเฉลี่ยทั้งปี 61 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 82.97 USD/barrel)
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), LPH (หนุนด้วยเป้ารายได้ปี62 เติบโต 10-15%YoY + มีแผนนำบริษัทลูกคือบริษัทศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 63) และ RJH (ปี 62 คาดรายได้โตราว10-15% จากกลยุทธ์การให้บริการเฉพาะทางทั้ง Heart Center , MRI,Check Up และการเปิดศูนย์ฟอกไตเทียมเฟสใหม่ที่มีเครื่องฟอกไตเพิ่มอีก8ยูนิตรวมเป็นทั้งหมด 35 ยูนิต), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการ Wellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
• กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น แนะนำSAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoYจากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoYสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoYทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม)
Quantitative Screening
• Dividend Theme โดย Screen หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากการขึ้นเครื่องหมาย XD รอบนี้โดดเด่น แนะนำ KGI (8.1% XD 18 เม.ย. และจ่ายปันผล 8 พ.ค.),NYT (5.7%, XD 3 พ.ค. และจ่ายปันผล 24 พ.ค.) และ SAT (5.1%, XD 27 ก.พ. และจ่ายปันผล 7 พ.ค.)
21-Feb-19 Change (pts.) 20-Feb-19
SET Index 1,647.32 1.94 1,645.38
SET50 Index 1,096.79 0.91 1,095.88
SET100 Index 2,416.73 2.79 2,413.94
High 1,651.80 Gainers 578
Low 1,642.49 Unchanged 485
Value (Bt m) 44,510.11 Losers 717
Volume (*000) 11,948,043
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.8 13.6 13.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 16.7
EV/EBITDA (x) 9.9 9.3 No Data
FWD PBV (x) 1.8 1.7 No Data
Dividend Yield (%) 3.2 3.5 No Data
ROE 11.6 11.7 12.1
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 21-Feb-19 WTD MTD YTD
Institution 1,069.37 1,190.53 14,666.52 24,697.96
Proprietary 203.50 922.74 3,236.67 1,932.63
Foreign (260.85) 7,066.39 (1,253.72) 5,467.92
Individual (1,012.02) (9,179.67) (16,649.47) (32,098.51)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary