WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Plays//Continue to Hold after Accumulated
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในช่วงครึ่งเช้าก่อนที่จะปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีในช่วงบ่ายและปิดบวก 9.67 จุด ณ สิ้นวัน โดยหุ้นในกลุ่ม Global Play ยังเคลื่อนไหว Outperform และนำตลาดได้ตามคาด นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเกือบ 8 พันลบ. (แต่หากไม่รวม Big Lot Ram-F มูลค่า 6.7 พันลบ. จะเหลือซื้อสุทธิ 1.3 พันลบ.) ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 423 ลบ.
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ต่อจากโดยกลุ่ม Global Play คาดว่ายังนำตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นรวมถึงความคาดหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่รายงานการประชุม FED แม้จะมองการเติบโตของเศรษฐกิจมีความเสี่ยง แต่ก็ทำให้ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยและพร้อมผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฝั่ง Real Sector ของบ้านเรา (ไม่รวมกลุ่มพลังงาน) ที่ทยอยประกาศออกมาโดยรวมยังใกล้เคียงกับที่เราคาด  
          กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้นที่คาดกำไร 4Q18 โดดเด่น //ทยอยสะสมหุ้นกลับในช่วงอ่อนตัวและถือต่อ
          หุ้นเด่นเดือน ก.พ : EA, ERW, GLOBAL, SAPPE, SEAFCO
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$1,012ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$390ล้าน ส่วนไทยมมีเม็ดเงินไหลเข้า US$257 ล้าน ไม่มีประเทศที่ใดที่มีเม็ดเงินไหลออกแนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าหลังรายงานประชุม Fed จะอดทนเพิ่มขึ้นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้
 
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CPALL <<
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 90 บาท (ตัดขาดทุน 75.50 บาท)
          - เราคาดกำไร 4Q18 ที่จะประกาศวันนี้ อยู่ในกรอบ 5.5-5.6 พันลบ. โตดี Q-Q และทรงตัว Y-Y เพราะงบของ MAKRO ออกมาสวย และ SSSG เฉพาะของ CPALL ยังโตดี ส่วนปี 2019 คาดกำไรโต 15% Y-Y อยู่ที่ 2.3 หมื่นลบ. 
          - ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อในกลุ่มกลางล่างที่ฟื้น ซึ่งเรามองว่าจะยิ่งเร่งตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (+) AOT บอร์ดมีมติอนุมัติเดินหน้าสร้าง Terminal 2 และแบ่งสัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็น 3 ส่วน คือ ดิวตี้ฟรี ร้านค้าปลีก และพิคอัพเคาน์เตอร์ โดยคาดว่าจะร่าง TOR ได้ทัน มี.ค. 19 และประกาศผู้ชนะการประมูลได้ 27 ก.ย. 19 เพื่อให้เวลารายใหม่เตรียมเข้าบริหารพื้นที่ก่อนคิง เพาวเวอร์หมดสัญญา 1 ปี เรามองบวกกับการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพราะจะได้ทั้งพื้นที่และค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีส่วนของพิคอัพเคาน์เตอร์เพิ่มด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราเชื่อว่าการสร้าง Terminal 2 ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะไม่ได้อยู่ในแผนแม่บทเดิม เราจึงไม่ให้ Upside กับประเด็นนี้มากนัก และด้วยราคาหุ้นที่เต็มมูลค่าเมื่อเทียบราคาเป้าหมายที่ 73 บาท จึงแนะนำเพียงถือ  
          (+) CPF กำไร 4Q18 ถือว่าทำได้ดีตามคาด แม้จะมีรายการพิเศษค่อนข้างมาก แต่ในส่วนของ Operation สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น  ทำให้กำไรปกติปี 2018 จบลงด้วยการเติบโต 32% Y-Y เราคาดธุรกิจในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q19 โดยราคาเนื้อสัตว์ล่าสุดทั้งหมูและไก่เริ่มปรับตัวขึ้น ส่วนราคาหมูที่เวียดนามอาจจะแผ่วลงบ้าง แต่ยังเป็นระดับที่สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงอยู่มาก ส่วนแนวโน้มราคาวัตถุดิบน่าจะทรงตัวถึงอ่อนตัวลง ไม่ใช่ตัวที่เป็นปัญหาสำหรับปีนี้ และยังมีเรื่องโรคระบาดแอฟริกันหมูที่เกิดในต่างประเทศ ยังไม่กระทบต่อ CPF และยังไม่ได้ลุกลามเข้ามาในไทย แต่คงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป เราคาดกำไรปกติปี 2019 จะโตต่อเนื่อง 15.8% Y-Y และคงราคาเป้าหมายที่ 30 บาท (อิง PE เดิม 17 เท่า) ประกาศจ่ายปันผลงวด 2H18 หุ้นละ 0.3 บาท คิดเป็น Yield 1.2% กำหนดขึ้น XD 7 พ.ค. และจ่ายเงิน 23 พ.ค. คงคำแนะนำ ซื้อ
          (-) TU กำไรสุทธิ 4Q18 เท่ากับ 1,223 ลบ. (-6.6% Q-Q, -13.4% Y-Y) หากไม่รวมรายการพิเศษทั้งรายการตั้งด้อยค่า, ค่าใช้จ่ายปิดโรงงานแซลมอน และ FX Gain จะมีกำไรปกติที่ 1,329 ลบ. (-15.7% Q-Q, +24.8% Y-Y) ต่ำกว่าคาดที่ 1,481 ลบ. กำไรที่ลดลง Q-Q มาจากปัจจัยฤดูกาล ส่วนที่โตดี Y-Y มาจากปริมาณขายที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่ไม่ดีคือส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมพลิกเป็นขาดทุน -137 ลบ. จากที่กำไร 142 ลบ.ใน 3Q18 จบปี 2018 มีกำไรสุทธิ 3,256 ลบ. (-45.6% Y-Y) หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรปกติ 4,090 ลบ. (-13.8% Y-Y) คาดกำไรจะกลับมาโตอีกครั้งในปี 2019 ราว 34.2% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 20 บาท แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ปันผลงวด 2H18 จ่ายหุ้นละ 0.15 บาท Yield 0.8% ขึ้น XD 5 มี.ค. 
          (+) MAKRO กำไรสุทธิ 4Q18 เท่ากับ 1,844 ลบ. (+35.9% Q-Q, -2% Y-Y) ดีกว่าคาดที่ 1,772 ลบ. โดย SSSG +1.7% และมีเปิด 4 สาขาใหม่ในไทย และ 1 สาขาในอินเดีย อัตรากำไรขั้นต้นและค่าใช้จ่ายยังคุมได้ดี แม้มีค่าใช้จ่ายและผลขาดทุนของธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น จบปี 2018 มีกำไรสุทธิ 5,942 ลบ. (-3.8% Y-Y) เบื้องต้นคาดกำไรปี 2019 จะทรงตัวถึงโตเล็กน้อย Y-Y เพราะมีแผนเปิดสาขาต่างประเทศต่อเนื่อง (3 จีน 3 อินเดีย 3 กัมพูชา) คงราคาเป้าหมายที่ 34 บาท ไม่แนะนำให้ลงทุน ปันผลงวด 2H18 จ่ายหุ้นละ 0.56 บาท Yield 1.5% ขึ้น XD 5 มี.ค. แต่กำไรของ MAKRO ที่ออกมาดี จะทำให้กำไร 4Q18 ของ CPALL ที่จะประกาศเย็นนี้ ออกมาฟื้นตัวใกล้เคียงที่เราคาดที่ 5.5 - 5.6 พันลบ. โตดี Q-Q และโตเล็กน้อย Y-Y เรายังคงแนะนำซื้อ CPALL ราคาเป้าหมาย 90 บาท
          (0) VL ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และเคมีภัณฑ์ทางทะเล ทั้งในและต่างประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเรือให้บริการ 12 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวม 35,081 DWT ทิศทางกำไรปี 2015-2018 ชะลอตัวเพราะอยู่ในช่วงขยายกองเรือ แต่คาดว่าจะกลับมาเร่งตัวตั้งแต่ปี 2019 ที่ 47% Y-Y เป็น 90 ลบ. เพราะกองเรือที่ขยายรับรู้กำไรเต็มที่ และดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากการชำระหนี้ ส่วนปี 2020-2021 คาดโตเฉลี่ย 27% ต่อปี จุดเด่นของ VL อยู่ที่อายุเฉลี่ยของกองเรือต่ำเพียง 16 ปี เทียบกับอุตสาหกรรมที่ 18-20 ปี และมีลูกค้ามั่นคงเช่น ESSO BCP และ Chevron เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2019 ได้เท่ากับ 2.24 บาท (FSS อาจเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ VL)
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21 ก.พ.   - ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ม.ค.) 
22 ก.พ.   - ยูโรโซน: ถ้อยแถลงประธาน ECB
          - สหรัฐฯ: ถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขาต่างๆ
26 ก.พ.   - สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.)
 
          (+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หลังรายงานการประชุม FED เดือนม.ค.ระบุว่ายังไม่รีบที่จะขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงแผนที่จะหยุดการลด Balance Sheet ภายในสิ้นปี 2019
          (+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังผลลัพธ์การเจรจาเรื่อง Brexit ที่กรุงบรัสเซลส์
          (-) ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง สวนทางกับตลาดอื่นๆ หลังราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น กดดันกำลังซื้อของประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียเนื่องจากเป็นผู้นำเข้าสุทธิ
          (0) ค่าเงินบาทยังทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
          (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น +0.83 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 56.92 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดคลายความกังวลเรื่อง Trade War และแผนการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC 
          (+) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น +3.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1347.9 ดอลลาร์/ออนซ์
 
          Contact person : Jitra  Amornthum  
          Register : 014530
          Tel: 02-646-9966
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!