WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aecบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้เราคาดดัชนี SET แกว่งผันผวนในกรอบ โดยปัจจัยต่างประเทศยังต้องจับตาการประชุมผู้นำเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งตลาดหุ้นไทยต้องเฝ้าระวัง Consensus ที่ปรับคาดการณ์ EPS ปีนี้ของดัชนี SET ลงต่อเนื่องจากช่วงต้นปี บวกกับ นลท.ต่างชาติพลิกกลับขายสุทธิเจ็ดวันติดต่อกันประเมินกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,640 จุด
Market Factors
•    (Watch) จับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนในสัปดาห์นี้ณกรุงวอชิงตันหลังสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเจรจาไปแล้วที่กรุงปักกิ่งโดยประธานาธิปดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ทรัมป์ส่งสัญญาณยืดหยุ่นวันขึ้นภาษีสินค้าจากจีนเพื่อให้มีเวลาในการเจรจาการค้ามากขึ้น
•    (+) สภาพัฒน์ (สศช.) เปิดเผยข้อมูล เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/61 ขยายตัว 3.7% จากตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.3-3.6% และจาก Q3/61 ที่ขยายตัว 3.2% ปัจจัยหลักมาจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการท่องเที่ยวกลับมาเติบโตในอัตราเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ภาคการส่งออกยังขยายตัวได้ค่อนข้างต่ำที่ 2.3% จาก Q3/61 ขยายตัว 2.6%  ส่งผลให้ GDP ทั้งปี 61 ขยายตัวได้ 4.1% สูงสุดในรอบ 6 ปี แต่ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 4.2% เล็กน้อย เนื่องจากการลงทุนภาครัฐช่วง Q4/61 ติดลบราว 0.1% อย่างไรก็ดี ตั้งเป้าปี 62 เติบโตเฉลี่ย 4% จากการท่องเที่ยว,การลงทุนภาครัฐและเอกชนเร่งตัวขึ้น และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวโดยมีปัจจัยเสี่ยงต้องจับตาในปีนี้ คือ เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ และความผันผวนในระบบเศรษกิจและการเงินโลก
•    (-) ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธอส.คาดตลาดที่อยู่อาศัยปี 62 อัตราการขยายตัวลดลง ผลจากภาวะดอกเบี้ย   ขาขึ้นส่งผลต่อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะลดลง 2.8% รวมไปถึงเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง 5.3% ขณะที่แนวโน้มการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศรวมอยู่ที่กว่า 746,924 ล้านบาท (นสพ.ไทยโพสต์)
•    (-) SpreadThai Government Bond ระหว่าง 2 Year-10 Year Yield  ปรับลดลงเหลือ -61.7036 bps จากระดับสูงสุดเมื่อต้นเดือน  ก.พ. 61 ที่ -54.547bps โดยเป็นการปรับตัวลดลงของ Yield ใน 2 Year และปรับเพิ่มขึ้นของ Yield ใน 10 Year แสดงให้เห็นถึงการความต้องการพักเงินในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุสั้นกว่า
Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้เรามอง SET Index พักฐานหลัง Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.16 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 111.6 บาท หรือลดลง 3.09%YTD บวกกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นติดต่อกันเป็นวันที่เจ็ดมูลค่ารวมเท่ากับ 10,517.3 ลบ. ทำให้เรามองว่า SET Index มีโอกาสหลุดแนวรับ 1,630 จุด มองแนวการตั้งรับบริเวณ 1,600 จุด ดังนั้นแนะนำลดพอร์ตเพื่อถือเงินสดบางส่วน และทยอยซื้อกลับใน 3 กลุ่มหุ้นเด่นเมื่อดัชนีปรับตัวลงมาในกรอบแนวรับ ดังนี้
•    กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มีEarning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), LPH (หนุนด้วยเป้ารายได้ปี62 เติบโต10-15%YoY + มีแผนนำบริษัทลูกคือบริษัทศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซียจำกัด (AMARC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์MAI คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 63) และ RJH (ปี 62 คาดรายได้โตราว10-15% จากกลยุทธ์การให้บริการเฉพาะทางทั้ง Heart Center , MRI,Check Up และการเปิดศูนย์ฟอกไตเทียมเฟสใหม่ที่มีเครื่องฟอกไตเพิ่มอีก8ยูนิตรวมเป็นทั้งหมด 35 ยูนิต), BCH (จากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF)
•    กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของ ธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ.      2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน28%ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoY สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี62โต 31.9%YoY ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
•    หุ้นกลุ่มที่คาดงบปี 61 กำไรโตเด่นYoYและConsensus ยังคาดโตต่อในปี 62 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1S.D. ในรอบ 1 ปี แนะนำ JMT (คาดแนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องจากแผนซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารบวกกับแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน (LTV ต่ำ, ศักยภาพทำกำไรสูงกว่าแบบไม่มีหลักประกัน) หนุนยอดหนี้ที่บริหารอยู่แตะระดับ 1.4 แสน ลบ. นอกจากนี้ในแง่ความสามารถในการจัดเก็บหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีสะท้อนได้ด้วย Cash Collection ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง), PLANB (ปี 62 มีแผนขยาย Media Capacity อีก 12-15%YoY หนุนให้สามารถครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นอีกทั้งบริษัทยังมีจุดเด่นจากการทำ Engagement Marketing พร้อมแผนต่อยอดธุรกิจ Sport Marketing ด้วยการลงทุนในร้านนำเข้าสินค้ากีฬาภายใน้แบรนด์ ATMOS) และ COM7 (แผนปรับพอร์ตสินค้าโดยเพิ่มสัดส่วนแบรนด์อื่นมากขึ้นอาทิ Huawei VIVO และOPPO ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้ดีและยังสอดคล้องกับแผนขยายธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดในรูปแบบแฟรนไชส์ซึ่งคาดจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนขึ้นในปีนี้)
Quantitative Screening
•    Dividend Theme โดย Screen หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากการขึ้นเครื่องหมาย XD รอบนี้โดดเด่น แนะนำ NYT (5.8%, XD 3 พ.ค. และจ่ายปันผล 24 พ.ค.)และ SAT (5.2%, 27 ก.พ. และจ่ายปันผล      7 พ.ค.)
  
    18-Feb-19    Change (pts.)    15-Feb-19
SET Index    1,635.71    -1.23    1,636.94
SET50 Index    1,088.97    -0.42    1,089.39
SET100 Index    2,397.33    -2.05    2,399.38
  
High    1,647.74    Gainers                           458 
Low    1,635.71    Unchanged    507
Value (Bt m)    34,318.41    Losers                           856 
Volume (*000)    16,721,747          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    14.7    13.5    13.5
EPS Growth (%)    13.9    9.3    20.9
EV/EBITDA (x)    10.1    9.5    No Data
FWD PBV (x)    1.8    1.7    No Data
Dividend Yield (%)    3.3    3.5    No Data
ROE    11.6    11.6    12.0
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    18-Feb-19    WTD    MTD    YTD
Institution    (301.68)    (301.68)    13,174.31    23,205.74
Proprietary    608.63    608.63    2,922.55    1,618.51
Foreign     (662.44)    (662.44)    (8,982.55)    (2,260.91)
Individual    355.49    355.49    (7,114.31)    (22,563.35)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!