ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้อ่อนตัวลง -1.23 จุด (-0.08%) ปิดที่ 1,635 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.4 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตามสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่มีความไม่แน่นอนรวมถึงแรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบปี 2018 ส่งผลให้ดัชนีปิดลบเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิ 662 ล้านบาท อีกทั้งขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,313 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 8,647 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,633 – 1,645 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังโอเปกลดกำลังการผลิตลง รวมถึงความคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสัหรัฐ-จีนในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้นและสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก่อน deadline 1 มี.ค. อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนการเมืองภายในประเทศจากกรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติส่งผลให้กระแส Fund Flow ต่างชาติไหลออกในช่วงนี้โดยเป็น Net Sell 7 วันต่อเนื่องราว 1 หมื่นลบ. นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามรายงานการประชุม FED ในวันนี้เพื่อจับทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดงบดุลซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีผันผวนต่อไป

•    กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 56 US/Barrel

•    กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

•    STEC, AMATA, WHA, BEM ได้ประโยชน์ภาวะการเมืองปลดล็อคและวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

•    กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวน นทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

•    กลุ่มที่คาดว่ากำไร 4Q18 และปี 2019 เติบโตต่อเนื่อง SAWAD, MTC, IHL, EA, GFPT และ TU

หุ้นแนะนำวันนี้ : ERW (ปิด 7.25 ซื้อ/เป้า 8.2) รับผลบวกจำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเดือน ม.ค.มีโอกาสพุ่งแตะระดับ 1 ล้านคนอีกครั้ง เป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว เราเลือก AOT และ ERW เป็น top pick ของกลุ่ม และราคาหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสซื้อ, EA (ปิด 46.5 ซื้อ/เป้า 63) ราคาหุ้นลดลงแรงจากแรงขายทำกำไรขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลงจึงเป็นโอกาสซื้อ เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 4Q18 ประมาณ 1.12 พันล้านบาท ทรงตัว qoq แต่เพิ่มขึ้น 27%yoy แนวโน้ม 1Q19 คาดกำไรสุทธิพุ่งทำ All time high รับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค.

Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS

KSS report วันนี้ : MAJOR (ปิด 24.4 ซื้อ/เป้า 28), PTTGC (ปิด 69.25 ถือ/เป้า 70)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :          

•    (+/-) สหรัฐ-จีน เจรจาการค้ารอบใหม่ ทรัมป์ส่งสัญญาณอาจจะเลื่อนกำหนดเส้นตายในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน : การเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทการค้าระหว่าง จีน กับ สหรัฐ จะมีขึ้นอีกครั้งในช่วงวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ โดยปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐอาจจะเลื่อนกำหนดเส้นตายในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปจากวันที่ 1 มี.ค.19 โดยมีเงื่อนไขว่าการเจรจาระหว่างสองประเทศต้องมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้

•    (+) Fed minute คาดคณะกรรมการแนะชะลอขึ้นดอกเบี้ย คล้ายกับถ้อยแถลงหลังการประชุมของนายเจอโรม พาวเวล : คืนวันนี้เฟดจะมีการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จัดประชุมไปเมื่อวันที่ 29-30 ม.ค. หรือ (Fed minute) เบื้องต้นคาดรายงานการประชุมจะคล้ายกับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลที่เคยแถลงไปแล้วหลังการประชุม คือคณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย และชะลอการลดขนาดงบดุล เพื่อติดตามผลของเศรษฐกิจโดยรวม และปัจจัยชี้นำอื่นทั้งอัตราเงินเฟ้อและความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน

•    (+/-) สภาพัฒน์ ประกาศ GDP ปี 2018 ขยายตัว 4.1% น้อยกว่าที่เราคาดไว้ ขณะที่แบงก์กรุงศรีส่งสัญญาณอาจจะปรับลดคาดการณ์ GDP ในปีนี้ลง : สภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาส 4/18 ขยายตัว 3.7% ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 3.6% และดีขึ้นจากไตรมาส 3/18 ที่ขยายตัว 3.2% ส่งผลให้ทั้งปีขยายตัว 4.1% ขยายตัวมากสุดในรอบ 6 ปี แต่ต่ำกว่าที่แบงก์กรุงศรีฯคาดไว้ที่ 4.3% ส่วนแนวโน้มปีนี้คาดภาพรวมเศรษฐกิจจะยังขยายตัวได้ในระดับสูง โดยได้ปัจจัยหนุนจากการบริโภค การลงทุนในประเทศและภาครัฐ อย่างไรก็ตามปัจจัยเสียงจากภายนอกที่รุนแรงกว่าที่คาดจะกระทบภาคการส่งออกของไทย ทำให้แบงก์กรุงศรีฯอาจจะพิจารณาปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้ลง (เดิมคาดไว้ที่ 4.1%)