WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
รอบด้านตลาดหุ้น
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
น้ำขึ้นให้รีบ "ดัก": หุ้นเรือ.กำลังจะลาๆลอย
          เมื่อวานดัชนีฯฟื้นตัวตามคาด วันนี้มีโอกาสที่หุ้นไทยจะกลับมาปิดเหนือ 1,660 จุด...หนุนโดยหุ้นนำตลาดอย่าง...หุ้นพลังงาน, เดินเรือ, โรงกลั่น, ปิโตรฯ ส่วนธนาคารที่อยู่ในช่วงรอปันผลจะช่วยค้ำดัชนี
          สัปดาห์นี้ คาดดัชนีฯหุ้นไทยมีโอกาสพักสั้นๆ จันทร์-พุธ และถ้ายังไม่หลุด 1,639 +/- 5 จุด หุ้นไทยจะกลับมา ผงาดเหนือ 1,660 จุด ได้อีกครั้ง
 
What to watch: 
          (+) MS ออกรายงาน "The transformation of China's Capital flows": เริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ถึง ปี 2030 จีนจะเปิดประเทศ ให้ต่างชาติทยอย เข้าลงทุนได้มากขึ้น ผ่านนโยบายปฏิรูป "เพิ่มการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างค่อยเป็นค่อยไป และหันไปเพิ่มการดึงเงินลงทุนต่างประเทศเข้ามาทดแทน" (โดยจีนเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่การเชื่อมตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงเมื่อปี 2014) 
          1) MS คาดปี 2020 จะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นและ ตลาดการเงินอื่นๆ ของจีน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยน้ำหนักตลาดหุ้นจีนใน MSCI มีแนวโน้มจะเพิ่มได้อีกถึง 4 เท่า (จาก 5% เป็น 20%)
          2) คาดเงินจากกองทุนทั่วโลกจะไหลเข้าตลาดหุ้นจีนในปีนี้ ราว US$ 7 หมื่น-1.25 แสนล้าน ส่วนตลาดพันธบัตรจีน คาดเงินไหลเข้า US$ 8 หมื่น-1 แสนล้าน เทียบกับปี 2015-18 เงินไหลเข้าตลาดพันธบัตร เพียง US$ 3.5 หมื่นล้าน โดยเฉลี่ย 
          3)การพึ่งพิงเศรษฐกิจจีนของตลาดในภูมิภาคนี้จะมีเพิ่มขึ้น และจะได้อานิสงส์บวกจากการปฏิรูปครั้งนี้ ขณะที่ค่าเงินหยวนจะกลายเป็น สกุลเงินหลัก ที่ใหญ่กว่า เงินเยน และ ปอนด์  
          MS คงคำแนะนำ เพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนและ ซื้อหุ้น HKEX (ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรง) และ แนะ ซื้อเงินหยวนขายดอลล์ / เราคาด อานิสงส์จากการปฏิรูปตลาดเงินของจีน จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น รวมถึงเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ที่มีความเชื่อมโยงกับจีน 
          (+) หุ้นเรือ โดยเฉพาะ เรือแทงก์ บวกแรง หนุนกลุ่มเรือในตลาดหุ้นสหรัฐขึ้น จากความเป็นไปได้ที่ผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ มีสัญาณที่ดีขึ้น (ล่าสุด ปธน.ทรัมป อาจยยายระยะเวลา ในการเจรจาแก้ไขปัญหาความตึงเครียด) และ ระยะเวลาในการปล่อยให้ 8 ประเทศ สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ จะหมดอายุลง เดือน พค.นี้ หากสหรัฐฯไม่ต่อ คาดการกลับมาคว่ำบาตรเต็มรูปแบบอีกครั้ง จะส่งผลให้อุปทานน้ำมัน หายไปราว 5 แสน- 1 ล้านบาริ์เรล /วัน (ส่งผลให้ กลุ่มโรงกลั่นเร่งสต็อกน้ำมันและ แก็ส ไว้บนเรือ)
          โดย Tankers +4.3%, LPG carriers +2.2%, LNG carriers +2.1%, containerships +1.9%, LNG liquefaction +1.0% แต่ dry bulk +0.8%, container liners +0.3% บวกน้อยกว่ากลุ่ม เพราะไม่ค่อยเกี่ยวกับ LNG business  
          โดยค่าระวางเรือ VLCCs +13% w-w, +132% y-y และ MS คาดว่าความต้องการ LNG ในปี 2019-2025 จะเติบโตเฉลี่ยถึง 6.5% 
          MS Upgrade หุ้นเรือแทงก์ ขึ้นเป็น Overweight และเราแนะนำ หุ้นที่เชื่อมโยงเรือแทงก์ ได้แก่ PRM  (Oil tanker) และ SGP  (LPG carriers 25 ลำ / สำหรับ SGP คาดงบ 4Q18 ที่ไม่ดีจากขาดทุนสต็อกแก็ส สะท้อนไปในราคาหุ้นนานแล้ว และงบ 1Q19 คาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นบวก หลังส่วนต่างราคาแก็ส 2 เดือนที่ผ่านมา กลับมาบวกแล้ว US$25/ตัน  จาก 4Q18 ติดลบ -US$187.5/ตัน)
          (+) การเจาจาการค้าสหรัฐฯ-จีน รีเสริชต่างชาติ เช่น NSL (Nomura group) เริ่มให้น้ำหนักเชิงบวก ต่อผลเจรจาการค้ารอบนี้ โดยให้น้ำหนักถึง 55% ว่าการขยายระยะเวลาจะประกาศในสัปดาห์หน้า หลังจบการเจรจา (รอบ 3) สุดสัปดาห์นี้ ซึ่งถ้าขยายเวลาออกไปจริง แสดงว่า มีสัญญาณการเจรจาที่ลงตัว แบ่งเป็น 2 กรณี (1) ยกเลิกภาษีที่กำหนดกันไปในช่วงก่อนหน้านี้ และ (2) ยกเลิกเฉพาะภาษีใหม่ คงภาษีเดิม ไว้ มองว่าไม่ว่าจะออกกรณีไหนเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโลกทั้งสิ้น / ส่วนกรณีที่เจรจากันไม่ลงตัว และกำหนดกำแพงภาษีตามเดิมนั้น โบรกต่างชาติให้น้ำหนักเพียง 10% และให้น้ำหนัก 35% เจรจาการค้าลงตัวพร้อมทั้งประกาศผลการเจรจาทันเส้นตาย 1 มีค.นี้ 
          (+) หุ้นพลังงาน โรงกลั่น ปิโตรฯ เรือแทงก์ เรือแก็ส: โกลด์แมน แซค ออกรายงานคาดราคาน้ำมันดิบจะขึ้นแตะ US$67.5/bbl ในไตรมาส 2 นี้ / ด้านซาอุฯ ประกาศปรับลดกำลังการผลิตลงสู่ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน มีค. (ลดลง 5 แสนบาร์เรล/วัน)
 
หุ้นแนะนำ
          PRM เก็งกำไรทางเทคนิค แนวรับ 5.8 ต้าน 6.3/6.5 บ. Stop loss 5.5 
          SGP เก็งกำไรทางเทคนิค แนวรับ 10 ต้าน 10.5/11 Stop loss 9.8 
          PSL เก็งกำไรทางเทคนิค แนวรับ 8.4 ต้าน 9/9.5 Stop loss 8 
          Weekly port  แนะนำ เพิ่ม PRM CBG  
 
รายงานวันนี้
 
AOT: 1Q19 result toes the line; core profit take-off forecast in 2Q19
          AOT รายงานกำไรหลัก 1Q19 (ตค-ธค.18) ที่ 6.5 พันล้านบาท +4% y-y, 26% q-q ส่วนกำไรสุทธิ 6.4  พันล้านบาท (มีตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ 138 ลบ.) เป็นไปตามที่ตลาดและเราคาด คาดแนวโน้มกำไร 2Q19 (มค.-มีค.19) จะเติบโตก้าวกระโดด จากคาดตัวเลขนักท่องเที่ยวจะขยายตัวใกล้ตัวเลข 2 หลักต้นๆ / กำไรไตรมาสแรก คิดเป็น 23% ของคาดการณ์ทั้งปี เราคงประมาณการณ์กำไร แม้ว่าจะมี Upside หากตัวเลขมาร์จิ้นและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด ส่วนตัวเลขทาง บช.เรื่องตั้งสำรองพนักงานเกษียณอายุ (คาดไม่มีผลต่อราคาหุ้น เพราะเป็นรายจ่ายครั้งเดียว และ เป็นตัวเลขทาง บช.) จะมีการบันทึกใน 3Q19 ราว 1 พันลบ. กระทบเพียงเล็กน้อย 3.6% / เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเปาหมาย 80 บ. 
 
PSL: ประเด็นสำคัญจาก Opportunity Day 
          ในระยะสั้น แม้ว่าดัชนี BDI จะปรับตัวลดลง แต่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นนับจากนี้ไป ทั้งนี้ผู้บริหารคาดอุตสาหกรรมเดินเรือเทกองจะยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในช่วงปี 2019-20 จากคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์ ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ผู้บริหารมองว่าประเด็นดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในภาพรวม แต่ส่งผลด้านการเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งเท่านั้น และการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด IMO อาจทำให้อุปทานลดลง ความคาดหวังต่อการฟืนตัวของดัชนี BDI หลังตรุษจีนและช่วงฤดูกาลของตลาดการขนส่งด้วยเรือเทกองที่แข็งแกร่งขึ้นจนถึงเดือน พ.ค. น่าจะหนุนราคาหุ้น PSL ให้ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"  ที่ราคาเปาหมาย 13.50 บาท
 
Residential Property: Un-listed firms dominate Jan launches: slowdown forecast in Feb 
          ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ในเดือน ม.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 102% MoM หนุนโดยการเปิดตัวของคอนโดใหม่จากฐานต่ำใน ธ.ค. แม้ว่าการเปิดตัวจะมีปริมาณมากแต่มูลค่าการเปิดตัวปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 8% MoM โดยสัดส่วนการเปิดตัวส่วนใหญ่มาจากบริษัทที่อยู่นอกตลาดราว 80% ในด้านของอัตราจองซื้อมีการฟืนตัวจาก 18% ใน ธ.ค. มาที่ 58% ในทุกๆประเภทของอสังหาฯ เรามองว่าการเปิดตัวจะชะลอตัวลงใน ก.พ.-มี.ค. เรายังคงมีมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มจากอัตรากำไรที่คาดจะปรับตัวลดลง 
 
Quantitative Strategy: ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงกดดันที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.
          ตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และเราคาดว่าตลาดจะผันผวนมากขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.พ. เนื่องจาก 1) ค่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะสูงขึ้นทะลุเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า 2) ดัชนี Volume Flow มีแนวโน้มอ่อนแรงลงจากบริเวณ Mid-range เนื่องจากแรงกดดันของค่าความผันผวนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น 3) ดัชนี Short-term Bull2Bear กำลังปรับตัวลง ในขณะที่ดัชนีชี้วัดโมเมนตัมระยะสั้น (Short-term Momentum) ก็อยู่ในโซน Mildly Overbought แล้ว 4) ดัชนีชี้วัดความต้องการรับความเสี่ยง (Risk Demand Index) อยู่ใกล้ระดับ Over-optimistic แบบจำลองของเราชี้ว่าโอกาสที่ตลาดจะกลับเข้าสู่ช่วงผันผวนสูงอีกครั้งมีความเป็นไปได้สูงในระยะอันใกล้ ดังนั้นเรายังคงแนะนำให้อยู่ในโหมด Defensive หุ้นที่เพิ่มเข้าพอร์ต: BCH, CPN, หุ้นที่ถอดออกจากพอร์ต: CPALL, TCAP 
 
หุ้นมีข่าว 
          (+)ขึ้น XD รับปันผล: 20 กพ. [email protected] บ. / 21 กพ. [email protected] บ. /22 กพ. [email protected] บ., [email protected] บ./ 28 กพ. [email protected], / (ที่มา ตลท.)  
          (+) สมาชิกพรรค รีพับลิกัน และ เดโมแครต สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงในการเจรจาประเด็นความมั่นคงบริเวณ ชายแดน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาชัตดาวน์ ได้ภายในวันที่ 15 กพ. โดยงบประมาณนี้ ระบุถึงการสร้างรั้วแนวชายแดนตอนใต้ 55 ไมล์ มูลค่างาน 1.37 พันล้านดอลล์ แต่ไม่รวมงบสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดน 5.7 พันล้านดอลล์ ตามที่ ปธน.ทรัมป เรียกร้อง / ด้าน ปธน.ทรัมป ส่งสัญญาณ ยอมลงนามร่าง กม.งบประมาณนี้เพื่อเลี่ยงปัญหา ชัตดาวน์
          (0)ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย คดียุบพรรค ทษช. ตามคำร้อง กกต. วันที่ 14 กพ.นี้ เวลาบ่ายโมงครึ่ง (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ) 
          (+) SAT  (ผลิตชิ้นส่วนให้กลุ่มรถทางการเกษตร คูโบต้า) สอน.จ่อชงครม.อัด 6 พันล้าน ลดดอกเบี้ยหนุนซื้อรถตัดอ้อย "สอน." เตรียมหารือ ธ.ก.ส.เพื่อดันสินเชื่อรถตัดอ้อย 6,000 ล้านบาทเสนอ ครม.เร่งด่วน ลดการเผาอ้อยปรับเงื่อนไขลดภาระ ดอกเบี้ยให้เกษตรกรรับเหลือ 1% ส่งคืน 9-10 ปี วางเปาปี 64 ต้องไม่มีการเผาอ้อยเข้าหีบ (ที่มา ผู้จัดการ)
 
Trend Forecasting
          SET Index ปิด 1655.73 (+0.81%)  มูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท 
 
แนวโน้มระยะสั้นมอง
          SET Index แนวรับ 1,650 แนวต้าน 1,665 / SET100 รับ 2,425 ต้าน 2,445 
          BSET100 รับ 10.52 ต้าน 10.60 / BMSCITH รับ 12.37 ต้าน 12.48 
 
มุมมองตลาด: 
          ต้นปี 2019-ปัจจุบัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 5.59% พบว่ากลุ่มท่องเที่ยวขึ้นมากที่สุด สาเหตุที่ทำให้กลุ่มท่องเที่ยวมาแรงเนื่องจากภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟืนตัว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและจีนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้หุ้นท่องเที่ยวจะปรับตัวขึ้นเด่นในปีที่มีการเลือกตั้ง ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวลงแรงเนื่องจากอยู่ในช่วง low season ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 4/61 จะชะลอตัว คาถาม:หุ้นปิโตรเคมีจะฟืนตัวขึ้นได้เมื่อไหร่? อาจต้องรอไตรมาส 1/62 ส่วนต่างสายผลิตภัณฑ์ปิโตรถึงจะเริ่มฟืนตัว 
          กลยุทธ์: แนะเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ชนะตลาดจะบ่งชี้กระแสเงินลงทุนไหลเข้า อาจเป็นหุ้นที่มีข่าวเชิงบวกทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เลือก โดยปรกติวงจรตลาดขาขึ้นหุ้นที่แสดงความแข็งแกร่งด้านราคาจะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า 
          วิธีการเลือกหุ้น: 1.วอลุ่มสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟืนตัวจากแนวรับ 3.หุ้นที่เริ่มแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟืนตัว 4.สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic MACD ,Moving average 
          Technical screen Bull Signal: EA,PSL,AMATA  
          Technical screen Bear Signal: BH,GLOW,THCOM  (close below 5&25-days EMA)
          Port หุ้นคงเหลือ:  KKP, MBK, BCG,MTC, KTC, JAS, CENTEL, BEAUTY, TU, WORK (แนะนำถือต่อ) 
 
          ธนรัตน์ อิศรกุล 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค 
          [email protected] +662-618-1334 
 
Track with Technical 
 
          EA 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 50.00 
          แนวต้าน 56.00-58.00 
          เหตุผล ทะลุกรอบสามหลี่ยมขาขึ้น "Ascending triangle" พร้อมกับวอลุ่ม บ่งชี้สัญญาณกลับตัว 
 
          PSL 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 8.30 
          แนวต้าน 9.00/9.50 
          เหตุผล ดัชนีค่าระวางเรือ BDI Index ส่งสัญญาณฟืนตัว พร้อมกับ PSL ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น หนุนด้วยวอลุ่มและ RSI แสดงความแข็งแกร่งด้านราคา 
 
          AMATA 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 21.80 
          แนวต้าน 23.50/24.00 
 
          เหตุผล หุ้นพักตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม Symmetrical triangle เป็นเวลานาน กรณีทะลุแนวต้านหรือกรอบด้านบนจะส่งผลให้หุ้นเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้น 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!