- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 February 2019 16:10
- Hits: 3645
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“บวก-ภาวะ Shut Down คลี่คลาย เจรจาการค้าคืบหน้า”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้รีบาวด์ 4.49 จุด ปิดที่ 1642.49 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงที่ 34.9 พันล้านบาท ตลาดได้รับปัจจัยบวกต่างประเทศคือ ภาวะ Shut Down อาจไม่เกิดขึ้น หลังเส้นตาย 15 ก.พ.62 และการเจรจาจีน-สหรัฐ 14-15 ก.พ.มีแนวโน้มดีขึ้นและอาจจะเลื่อนเส้นตายออกไปจาก 1 มี.ค.62 ด้านปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับการเมืองคือ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ผู้ขายสุทธิเป็น ต่างชาติ 0.8 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.5 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 1.2 พันลบ. และรายย่อยซื้อสุทธิเล็กน้อย ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET ปรับตัวขึ้นรับข่าวการ Shut Down คลี่คลายไปในทางที่ดี และเจรจาการค้าจีน-สหรัฐกลางเดือนนี้มีสัญญาณดีชึ้น สิ่งที่ดีคือ ไม่เพียงดาวโจนส์และน้ำมันปรับขึ้น ตลาดล่วงหน้าเช้านี้ก็ปรับขึ้นเขียวสดใส ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ปรับขึ้น บาทแข็ง และ VIX ลด
# แต่ปัจจัยที่ยังบั่นทอนคือ เศรษฐกิจยูโรโซนและอังกฤษอ่อน บอนด์ยิลด์ 10 ปีเพิ่มเป็น 2.6994% และปัจจัยการเมืองไทยที่ผันผวนมากขึ้น
# กลยุทธ์ คือ หาก SET ปรับขึ้นต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1650-1660 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1630,1620 ด้านการซื้อลงทุนระยะกลางทยอยสะสม ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น MINT : คาดกำไร ปี 62 เติบโตจากการทำงบการเงินรวมกับ NH Hotel (MINT ถือหุ้น 94.1%) หนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing) สิ้นปี 62 จะลดลงเป็น 1.3 เท่า หลังจากที่ขึ้นไป 1.9 เท่าหลังซื้อ NH Hotel โดยเป็นผลจากการที่บริษัทมีบันทึกกำไรในการซื้อกิจการในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม, การออกPerpetual Bonds และกำไรจากการดำเนินงานที่เข้ามาในปี 62 คาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ขยายตัว 21% แนะนำซื้อลงทุน MINT ฝ่ายวิจัยฯ DBSVTH ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 46 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 20%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนจะเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวกเล็กๆ”ใต้“SMA10วัน” (โดย“ติด”แนวต้าน และยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่หากรักษา“ค่าบวก”ได้ ก็จะมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน (แล้วลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1640” (แนวรับย่อย “1620 / 1610” จุด)}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ KTC,MBK,IRPC,GUNKUL,VNT หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TOP,PLANB,VGI,BCH, M,KKP,ECL, QH,BGRIM, HANA หุ้นที่หลุด List MTC หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit CENTEL,BWG
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BCP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 39.00)
Flash Note : SNC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 15.70)
JASIF (Not Rated)
In The News : KCE : กำไร 4Q61 แย่กว่าคาด
Turnover List Watch : คาดยังไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-"เครดิต สวิส" หั่นมุมมองต่อหุ้นทั่วโลก ขณะเตือนตลาดเผชิญความเสี่ยงระยะสั้น
# เครดิต สวิสได้ปรับลดมุมมองต่อหุ้นทั่วโลก สู่ระดับ neutral จากเดิมที่ระดับ overweight มีสาเหตุจากการที่ตลาดเผชิญความเสี่ยงระยะสั้นจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และความตึงเครียดทางการเมืองในยุโรป ถึงแม้ว่ายังคงคาดการณ์ว่าผลตอบแทนโดยรวมจากการลงทุนในหุ้นทั่วโลกยังคงน่าดึงดูดใจในปีนี้
+ สหรัฐ: ภาวะ Shut Down คลี่คลายไปในทางที่ดี
# นายเควิน แมคคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์รอบที่ 2 ในวันที่ 15 ก.พ. ประสบความคืบหน้า โดยตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ด้วยการเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อตกลงชั่วคราวยังครอบคลุมถึงการลดจำนวนเตียงในสถานกักกันผู้อพยพที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายลง 17% เหลือ 40,520 เตียง จากปัจจุบันที่จำนวน 49,057 เตียง
# ทั้งนี้ แม้ที่ประชุมยังไม่เห็นพ้องในการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงคอนกรีตกั้นแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกวงเงิน 5.7พันล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ แต่พรรคเดโมแครตก็มีท่าทีอ่อนลงต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ โดยในระหว่างการประชุมครั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้แสดงการคัดค้านต่อข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์ และขณะนี้ พรรคเดโมแครตเห็นพ้องต่อแนวคิดในการสร้างรั้วความยาวมากกว่า 55 ไมล์
+ เจรจาการค้า จีน-สหรัฐ 14-15 ก.พ.62 เริ่มกลับมามีสัญญาณที่ดี
# นักลงทุนคาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้า โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR)และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่กรุงปักกิ่ง ในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้
# เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า แม้ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่มีแผนที่จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก่อนวันที่ 1มี.ค. แต่เชื่อว่าผู้นำทั้งสองอาจสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงก่อนที่จะมีการพบปะกัน และถ้าหากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมากในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค.
-สหรัฐ: ดัชนีเชื่อมั่น SME ม.ค.ลดลง
# รายงานของ NFIB ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมในสหรัฐปรับตัวลง 3.2 จุด สู่ระดับ 101.2 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจขนาดย่อมได้รับผลกระทบจากการที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกชัตดาวน์เป็นเวลานานสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งผลกระทบที่เกิดจากภาวะไร้เสถียรภาพในตลาดการเงิน ทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรและปอนด์
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นแรง การ Shut Down คลี่คลาย ลดกังวลเจาจาการค้า จีน-สหรัฐ
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,425.76 จุด พุ่งขึ้น 372.65 จุด หรือ +1.49% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,744.73 จุด เพิ่มขึ้น 34.93 จุด หรือ +1.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,414.62 จุด เพิ่มขึ้น 106.71 จุด หรือ +1.46%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) ขานรับรายงานที่ว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) รอบที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้า โดยมุมมองบวกที่มีต่อการเจรจาการค้าได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งและเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นกว่า 100 จุด
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น โอเป็กและซาอุผลิตน้อยลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 53.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 62.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.1 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่1,314.00 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้
• ตัวเลขเศรษฐกิจประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- การส่งออก: ม.หอกาค้าไทยคาด มูลค่าการส่วออกปี 62 โตเพียง 4.4%
# ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่ามูลค่าการส่งออกไทยปี 2562 จะอยู่ที่ราว 2.63แสนล้านดอลลาร์ ขยายตัวได้เพียง 4.4% เท่านั้น ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในปีนี้ คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ, ทิศทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว, เงินบาทแข็งค่า, ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงเป็นต้น
-ความเสียหายจากปัญหาฝุ่นละอองมากกว่าที่คาด
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการผลทางเศรษฐกิจจากปัญหาฝุ่นละอองในกรุงเทพฯและปริมณฑล จากค่าเสียโอกาสโดยเฉพาะในประเด็นสุขภาพและด้านการท่องเที่ยว รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่สำคัญ คิดเป็นเม็ดเงินอย่างน้อย 14,500ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยมีสาเหตุหลักมาจากกรอบเวลาที่นานขึ้น และการเพิ่มเติมค่าเสียโอกาสบางรายการ โดยกรอบเวลาที่ใช้ในการคำนวณคือ จากเดิมที่ประเมินไว้ราวๆ 1 เดือน ปรับเป็นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 - สิ้นเดือนกุมภาพันธ์2562 (หรือประมาณ 65 วัน)
+สคร.เผยช่วง 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 62 จัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ
#ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562(ต.ค.61 - ม.ค.62) สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจ และกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% จำนวน 71,401 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมจำนวน 14,452 ล้านบาท หรือ25% ของประมาณการสะสม
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]