- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 February 2019 17:37
- Hits: 3909
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET มีโอกาสแกว่งพักตัวจาก Consensus ที่ปรับคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของดัชนี SET ลงจากช่วงต้นปี บวกกับนลท.ต่างชาติพลิกกลับขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่สองรวมมูลค่ากว่า 2,238 ล้านบาท ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดทั้งประเด็น Government Shutdown ของสหรัฐฯ และการเจรจา Trade War สหรัฐฯ-จีน ประเมินกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,625 จุด และแนวต้านที่ 1,645 จุด
Market Factors
• (Watch) จับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่จะเกิดขึ้นณกรุงปังกิ่งประเทศจีนในวันที่ 14-15 ก.พ. โดยการเจรจาจะเน้นเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญาที่เคยเป็นข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯและจีน
• (+) นายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเข้าติดตามงานของกระทรวงคมนาคมโดยเน้นการเร่งรัดการลงทุนช่วงต้นปีและเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนการลงทุน1 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อนเลือกตั้งหลังได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลังพบว่าการเบิกจ่ายมีความล่าช้าดังนั้นจึงกำชับให้ติดตามโครงการลงทุน เมกะโปรเจ็กส์ต่างๆ ที่กำลังขับเคลื่อนให้เป็นไปได้ตามแผนทั้งโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงพัฒนาสนามบินจัดหาฝูงบินแผนลงทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) และโครงการในพื้นที่อีอีซี (โพสต์ทูเดย์)
• (+) ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่าบอร์ด สศช.พิจารณาและเห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ระยะทาง 13.4 กม. วงเงิน 1.2 แสนล้านบาทซึ่งจะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (บอร์ดพีพีพี) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป (โพสต์ทูเดย์)
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เราเริ่มลดมุมมองบวกต่อ SET Index หลัง Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.16 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 111.83 บาท หรือลดลง 2.89%YTD บวกกับ นักลงทุนต่างชาติที่เริ่มขายหุ้นติดต่อกันเป็นวันที่สองมูลค่ารวมเท่ากับ 2,237.8 ลบ. ทำให้เรามองว่า SET Index มีโอกาสพักฐานลงมาในกรอบแนวรับ 1,600 จุด ดังนั้นแนะนำลดพอร์ตเพื่อถือเงินสดบางส่วน และทยอยซื้อกลับใน 3 กลุ่มหุ้นเด่น ดังนี้
1. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 70%YoY ตามการเติบโตของทั้ง4 กลุ่มธุรกิจหลักโดยกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้มีแผนขยายพื้นที่อาคารคลังสินค้าระดับพรีเมี่ยมอีก2 แสนตารางเมตรเป็น 2.5 ล้านตารางเมตรรองรับธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซการบินและอากาศยานควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าสูงขึ้นโดยอาศัยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้น
2. กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของ ธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้า แนะนำ SAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoY สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขา บวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoY ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
3. หุ้นกลุ่มที่คาดงบปี 61 กำไรโตเด่น YoY และ Consensus ยังคาดโตต่อในปี 62 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1S.D. แนะนำ JMT (คาดแนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องจากแผนซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารบวกกับแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน (LTV ต่ำ, ศักยภาพทำกำไรสูงกว่าแบบไม่มีหลักประกัน) หนุนยอดหนี้ที่บริหารอยู่แตะระดับ1.4แสนลบ. นอกจากนี้ในแง่ความสามารถในการจัดเก็บหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีสะท้อนได้ด้วย Cash Collection ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง) , PLANB (ได้รับผลบวกจากเม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้านปี 61 โต 7%YoY บวกกับปี 62 มีแผนขยาย Media Capacity อีก12-15%YoY หนุนให้สามารถครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นอีกทั้งบริษัทยังมีจุดเด่นจากการทำ Engagement Marketing พร้อมแผนต่อยอดธุรกิจ Sport Marketing ด้วยการลงทุนในร้านนำเข้าสินค้ากีฬาภายใน้แบรนด์ATMOS) และ COM7 (มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงได้สะท้อนแนวโน้มยอดขาย IPHONE ที่ต่ำลงไปแล้วขณะที่บริษัทได้เริ่มปรับพอร์ตสินค้าโดยเพิ่มสัดส่วนแบรนด์อื่นมากขึ้นอาทิ Huawei VIVO และ OPPO ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้ดีและยังสอดคล้องกับแผนขยายธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดในรูปแบบแฟรนไชส์ซึ่งคาดจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนขึ้นในปีนี้)
Quantitative Screening
• Screen หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากการขึ้นเครื่องหมาย XD รอบนี้โดดเด่น แนะนำ NYT (5.8%, XD 3 พ.ค.จ่ายปันผล 24 พ.ค.), INTUCH (2.2%, XD 21 ก.พ. จ่ายปันผล 24 เม.ย.)และ SCC (2%, XD 3 เม.ย. 62 จ่ายปันผล 19 เม.ย.)
11-Feb-19 Change (pts.) 8-Feb-19
SET Index 1,638.00 -13.68 1,651.68
SET50 Index 1,091.82 -9.73 1,101.55
SET100 Index 2,403.36 -22.25 2,425.61
High 1,647.49 Gainers 504
Low 1,632.82 Unchanged 467
Value (Bt m) 40,670.81 Losers 885
Volume (*000) 13,052,424
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.7 13.5 No Data
EPS Growth (%) 13.9 9.3 No Data
EV/EBITDA (x) 10.1 9.5 No Data
FWD PBV (x) 1.8 1.7 No Data
Dividend Yield (%) 3.3 3.5 No Data
ROE 11.7 11.7 No Data
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 11-Feb-19 WTD MTD YTD
Institution (2,266.56) 1,823.08 9,059.00 17,347.44
Proprietary 888.64 1,598.85 1,320.49 195.45
Foreign (1,590.41) 29.28 11,677.93 6,018.56
Individual 2,968.33 (3,451.22) (22,057.42) (23,561.44)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary