" ปัจจัยภายนอกกดดัน "                            

          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวลง -5.6 จุด (-0.34%) ปิดที่ 1,653 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนในเดือนม.ค.ลดลงต่ำสุดในรอบ 66 เดือนทำให้เกิดความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับดัชนีเข้าเขต Overbought ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรกดดัน สำหรับนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 277 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 923 ล้านบาท รวมถึง Net Long TFEX 4,323 สัญญา 

          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: คาด SET Index ปรับตัวลงทดสอบ 1,640 - 1,645 จุด จากหลากหลายปัจจัยลบ ได้แก่ ความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหลัง EU ปรับลดคาดการณ์ GDP เศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ลงสู่ +1.3% (ลดลงจากปีก่อนที่ +1.9%) และปีหน้าลงสู่ +1.6% ประกอบกับกระแสข่าวอาจไม่มีการประชุมเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนก่อน deadline 1 มี.ค. ซึ่งจะทำให้สหรัฐเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลล่าร์สู่ระดับ 25% จากระดับ 10% นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงจากข่าวลิเบียเตรียมกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งหลังสามารถยึดคืนบ่อน้ำมันชาราราจากกลุ่มกบฎติดอาวุธจะเป็นตัวถ่วงต่อกลุ่มพลังงานและดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับเด้งรีบาวด์ในช่วงอ่อนตัวจากแรงซื้อดักผลประกอบการและเงินปันผลปี 2018 ที่กำลังทยอยประกาศ รวมถึงภาวะ Risk on จาก FED ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นแรงหนุนทิศทางตลาด 

 

          - กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 

          - STEC, AMATA, WHA, BEM ได้ประโยชน์ภาวะการเมืองปลดล็อคและวันเลือกตั้งที่ชัดเจน 

          - กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวน นทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน 

          - กลุ่มที่คาดว่ากำไร 4Q18 และปี 2019 เติบโตต่อเนื่อง SAWAD, MTC, IHL, EA, GFPT และ TU 

 

          หุ้นแนะนำวันนี้:BEM (ปิด 10.6 ซื้อ/เป้า 11.8) ยังมั่นใจได้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนอีก 37 ปีภายในเดือน มี.ค.นี้ เพิ่ม Valuation ให้ BEM 2.9 บาทต่อหุ้น อีกทั้งยังปลดล็อก Overhang ของสัญญาสัมปทานเดิมที่จะหมดอายุในปี 2020, GFPT(14.2 ซื้อ/เป้า 16.6) ราคาไก่ในประเทศยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนของหุ้น GFPT ล่าสุดราคาขายไก่ในประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 36-37 บาทต่อ ก.ก.เพิ่มขึ้น 16% จากราคาขายในช่วงต้นปีที่ 32 บาทต่อ ก.ก., THANI (ปิด 7.35 ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus 10.2) ยอดปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกยังสดใสจากความต้องการที่มากขึ้นในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และคลายกังวลเรื่องตั้งสำรองเพราะตั้งสูงกว่าเกณฑ์ใหม่ของ IFRS9 ไปแล้ว รวมทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังถูกมี upside จากราคาเป้าหมายของ Consensus ถึง 39%,

          Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS 

          KSS report วันนี้ : AAV  (ปิด 4.32 ถือ/เป้า 4.2), ADVANC  (ปิด 183.5 ถือ/เป้าใหม่ 210 จาก 220), DELTA (ปิด 69.5 ถือ/เป้า 73)

 

          (-) ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนรุนแรง กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ เจรจา จีน - สหรัฐ สะดุด โดยดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 221 จุด, น้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.37$/bbl : ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนรุนแรงทั่วโลกเนื่องจากกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวหลังจาก สหภาพยุโรป (EU) ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้และปีหน้า ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าวว่าจีนและสหรัฐอาจจะเจรจากันไม่ทันเส้นตายในวันที่ 1 มี.ค.19 โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 221 จุด (-0.87%) ปิดที่ 25,170 จุด, ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปลดลงเฉลี่ย 1.7% โดยเยอรมนีลดลงมากที่สุด 303 จุด (-2.67%) ปิดที่ 11,022 จุด และราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง1.37$/bbl (-2.5%) ปิดที่ 52.64$/bbl   

          (-) EU ลดคาดการณ์ GDP ของยูโรโซนในปีนี้และปีหน้าเป็นขยายตัว 1.3% และ 1.6% จากเดิม 1.9% และ 1.7% ตามลำดับ : เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ในสหภาพยุโรปลดลง จากผลกระทบของสงครามการค้า และ ปัญหาหนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น โดย EU คาด GDP ของเยอรมันจะขยายตัวเพียง 1.1% ในปีนี้ลดลงจาก 1.5% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ GDP ของฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และ เนเธอร์แลนด์ คาดว่าจะชะลอตัวลงทั้งหมด โดยอิตาลีคาดว่าจะชะลอตัวมากที่สุด 

          (-) เจรจา จีน - สหรัฐ ยังไม่แน่นอน การบรรลุข้อตกลงระหว่าง ทรัมป์ และ สีจิ้นผิง เพื่อยุติข้อพิพาทการค้าอาจไม่ทันเส้นตายในวันที่ 1 มี.ค. 19 : เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่าทั้ง 2 ประเทศมีประเด็นที่จะต้องทำข้อตกลงร่วมกันจำนวนมาก ขณะที่เดียวกัน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังต้องเตรียมการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในช่วงปลายเดือนนี้ ทำให้ตลาดมีความกังวลว่าผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ทันก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 มี.ค. 19  

          (+/-) สัปดาห์หน้ายังมีปัจจัยเสี่ยงจาก US Shutdown โดยสภาคองเกรสจะต้องผ่านกฎหมายงบประมาณในการบริหารประเทศให้ทันภายในวันที่ 15 ก.พ.นี้ : สัปดาห์หน้า US Shutdown จะกลับมาเป็นปัจจัยเสี่ยงกดดันตลาดอีกครั้ง โดยพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะต้องบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการผ่านร่างกฏหมายชั่วคราวในการบริหารประเทศให้ทันภายในวันที่ 15 ก.พ. หลังจากที่กฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับเดิมจะสิ้นสุดในวันดังกล่าว โดย โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะปล่อยให้เกิดภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) อีกครั้ง หากสภาคองเกรสยังไม่บรรจุงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์