- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 February 2019 15:49
- Hits: 3861
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เศรษฐกิจยูโรโซนอ่อนลง เจรจาการค้า...กดดัน SET”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TCAP (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -5.60 จุด ปิดที่ 1653.11 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นที่ 50.1 พันล้านบาท หลังหลายประเทศกลับมาจากวันหยุดตรุษจีน และปรับลงอ่อนกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ หลังการแถลงนโยบายประจำปีทรัมป์ได้ผ่านไป และเกิดแรงขายทำกำไร หลัง SET ปรับขึ้นมาราว 5% ตั้งแต่กลาง ม.ค.62 ตลาดยังติดตามปัจจัยต่างประเทศ เช่นการเจรจาการค้าBrexist การ Shutdown และปัจจัยในประเทศ แนวโน้มค่าเงินบาท ผลประกอบการปี 61 และการเลือกตั้ง ผู้ซื้อสุทธิเป็น สถาบัน 0.9 พันลบ. พอร์ตโบรกเกอร์ 0.6 พันลบ. และต่างชาติ 0.3พันลบ. ด้านผู้ขายสุทธิคือ รายย่อย 1.8 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET จะ Sideways ทางลบ จากข่าวเศรษฐกิจยูโรโซนโตน้อยลงกว่าปี 61 การเจรจาการค้าทรัมป์อาจไม่ได้พบกับสี เจิ้น ผิง ก่อนเส้นตายต้นมี.ค. ดาวโจนส์ น้ำมันตอบรับในทางลง ดาวโจนส์ล่วงหน้า และตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับลงอีก ดัชนีความกังวล (VIX) เพิ่ม
# แตปัจจัยลบถูกชดเชยจากการที่ทรัมป์ทำแบบนี้เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง ข่าวดีจาก MSCI มีโอกาสเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย อดีตเฟด นางเยลเลน คาดว่าในอนาคตเฟดอาจต้องปรับดอกเบี้ยลง หากเศรษฐกิจสหรัฐแย่ บอนด์ยิลด์สหรัฐทยอยปรับลดลง และเงินบาทยังอยู่ในโซนแข็ง
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากปรับลงแนวตัดขาดทุนเป็น 1640 จุด แต่หากมีรีบาวด์ต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1660-1680 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่+8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น GOLD : แผนธุรกิจปี 62 เติบโตเชิงรุกทุกด้านคือ ยอดขาย รายได้ และเปิดโครงการใหม่ งวดสิ้นปี 61 (ก.ย.61) ยอดขายรอโอน (Backlog) ไต่ระดับสูงไปกว่าอดีตถึง 7.1 พันลบ. ล่าสุดจะเปิดขายคอนโด ทริปเปิล วาย เรสซิเด้นซ์ ใน Mix Use สามย่านมิตรทาวน์ 10 มี.ค.62 คาดว่าจะมียอดขายน่าพอใจ แม้คาดการณ์กำไร 1Q62 ลดลง y-o-y บ้าง เพราะบันทึกรายได้โอนไม่มาก และค่าใช้จ่ายสูง จากการเปิดขายโครงการใหม่จำนวนมาก แนะนำซื้อ ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวหลังรับข่าวลบ LTV ใหม่มากไปจนถูก มีสินทรัพย์ดีคือ FYI และสามย่านมิตรทาวน์ ให้ราคาพื้นฐาน 10.86 บาท ด้วย P/E ปี 62 ที่10.0 เท่า ปันผลในเกณฑ์ดีปีนี้และปีหน้ามีอัตราผลตอบแทนเป็น 7.1%/7.6%ตามลำดับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนกลับเป็นลบเล็กๆ {“ปิดลบ” แต่ยังยืนเหนือ“SMA10วัน” (โดย“ติด”แนวต้าน และยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” ก็จะรักษาสถานะของการรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1660 (หรือ 1670 – 1680) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1640”}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BBL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 250.00)
TCAP (ถือ -ราคาพื้นฐาน 59.50)
Flash Note : ADVANC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 223.00)
IMPACT (ถือ -ราคาพื้นฐาน 20.30)
SNC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 16.20)
U (Not Rated)
In The News : ข่าวเด่น
Turnover List Watch : คาดว่ายังไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance
New Listing : TWZ-W5
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-ยุโรป: EC คาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวเพียง 1.3%
# คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 1.3% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 1.9% ในปีที่แล้ว และคาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวที่ระดับ 1.6%ขณะที่ก่อนหน้านี้ EC คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 1.9% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้า
# EC ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของ EU ซึ่งไม่รวมสหราชอาณาจักร จะขยายตัวเพียง 1.5% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 2.1%ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะดีดตัวสู่ระดับ 1.8% ในปีหน้า โดย EC ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้นมาจากผลกระทบของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ และหนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น
-สงครามการค้า: มีโอกาสที่ทรัมป์จะไม่ได้พบกับสี จิ้น ผิง ก่อนเส้นตาย
# ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากแหล่งข่าวจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีแนวโน้มอย่างมากที่จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. ที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดไว้สำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ถึงแม้ว่าผู้นำสหรัฐและจีนจะมีโอกาสพบกัน แต่ขณะนี้มีงานที่ต้องทำอย่างมาก และเหลือเวลาน้อยเกินไปในการทำข้อตกลงกับจีน นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังต้องเตรียมการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในช่วงปลายเดือนนี้ด้วย
# ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
+ สหรัฐ : อดีตประธานเฟด นางเยลเล็นเห็นว่าอาจได้เห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยได้ในอนาคต
# นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ พร้อมกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนและยุโรปที่ชะลอตัวลงนั้น ถือเป็นอันตรายต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐเช่นกัน (Aspen)
+/• สหรัฐ: ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง กังวลเศรษฐกิจยุโรปและเจรจาการค้าไม่คืบหน้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,169.53 จุด ร่วงลง 220.77 จุด หรือ -0.87% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่
2,706.05 จุด ลดลง 25.56 จุดหรือ -0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,288.35 จุด ลบ 86.93 จุด หรือ -1.18%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจโลก หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของยูโรโซนในปีนี้และปี
หน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะไม่คืบหน้า
- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง วิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และลิเบียเตรียมผลิตน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 52.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ดิ่งลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 61.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า ลิเบียอาจจะกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งในเร็วๆนี้
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ลดลงติดต่อกันวันที่ 5 เพราะดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำ ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่1,314.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ซึ่งเป็นสถิติการปิดลบที่ยาวนานที่สุดในรอบ 18 เดือน อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับลงเพียงน้อยเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งได้เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- สรท.: มีความเป็นห่วงการส่งออกปีนี้อาจหลุดเป้าโต 5% จากหลายปัจจัยลบ
# สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวยอมรับว่ามีความเป็นห่วงว่าการส่งออกในปีนี้อาจเติบโตได้ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ที่ 5% เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ ประกอบด้วย บรรยากาศการค้าโลกบนความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่จะมีการเจรจากันอีกครั้งในวันที่ 27-28 ก.พ. 62 รวมถึงการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและอังกฤษในกรณีของ Brexit และเหตุจลาจลในภาคพื้นยุโรป
# นอกจากนั้น ยังมีความผันผวนของค่าเงิน และราคาน้ำมันดิบ โดยเฉพาะค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ส่วนของราคาน้ำมันที่มีความผันผวนจากมาตรการคว่ำบาตรประเทศผูค้าน้ำมันและทิศทางการจัดการของ OPEC ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกมีความเสี่ยงและต้นทุนที่ต้องจัดการมากขึ้น ขณะที่รายได้ในรูปของเงินบาทลดลง
+ ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ 4Q61 เพิ่มขึ้น
# ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ ไตรมาส 4/2561 อยู่ที่43.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (3/2561) ส่วนไตรมาส 1/2562 คาดจะเพิ่มขึ้นอีก ไปอยู่ที่ 43.9
+ MSCI: ลุ้น "เอ็มเอสซีไอ" ไฟเขียวนำ "เอ็นวีดีอาร์" เข้าคำนวณ
# นักลงทุนสถาบัน ลุ้น "เอ็มเอสซีไอ" ไฟเขียวนำ "เอ็นวีดีอาร์" เข้าคำนวณ ชี้หนุนน้ำหนักหุ้นไทยในกลุ่มตลาดเกิดใหม่เพิ่มแตะ 3% ดึงดูดเงินทุนต่างชาติไหลเข้า "บลจ.บัวหลวง" ประเมินมีโอกาสที่เงินนอกไหลเข้าราว 6.4 หมื่นล้าน ด้านบลจ.วรรณ เชื่อทยอยเข้าใน 1 ปี จากกองทุน Passive Fund (กรุงเทพธุรกิจ)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]