- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 05 February 2019 16:13
- Hits: 1773
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Domestic Plays
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ออีก 2.22 จุด อยู่ที่ 1,653.62 จุด กลุ่มนำตลาดคือพลังงาน ค้าปลีก และท่องเที่ยว แต่มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 3.17 หมื่นลบ. เพราะตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งคาดว่าจะเงียบเหงาไปทั้งสัปดาห์ ส่วนยอดซื้อขายรายประเทศ ต่างชาติพลิกกลับมาขาย 1,413 ลบ. ส่วนสถาบันยังซื้อหนัก 1,996 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index น่าจะแกว่งแคบด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบางตลอดช่วงตรุษจีน แม้ sentiment จะยังคงดีด้วยประเด็นเลือกตั้งซึ่งวานนี้มีผู้สมัคร ส.ส. จำนวนมาก แต่ดัชนีที่ปรับขึ้นมากว่าร้อยจุดจากจุดต่ำสุดในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาอาจมีการพักฐานบ้างเป็นระยะแต่ยังคงเป็นการพักในกรอบขาขึ้น แนวโน้มกระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาค
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q18 แข็งแกร่งและยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Plays
หุ้นเด่นเดือน ก.พ : EA, ERW, GLOBAL, SAPPE, SEAFCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$63ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$45ล้าน ขณะที่ไหลเข้าฟิลิปปินส์ US$19ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังตลาดคาดหวังการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> GLOBAL <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 22 บาท (ตัดขาดทุน 18.50 บาท)
คาดกำไร 4Q18 -1% Q-Q ตามฤดูกาล แต่คาด +26% Y-Y อยู่ที่ 438 ลบ. เพราะคาด SSSG +9.5% Y-Y และมีเปิดสาขาใหม่ 4 แห่ง ขณะที่ มาร์จิ้นยังทรงตัวสูงแม้กำไรจากสต็อกเหล็กลดลง แต่หักล้างด้วยการบริหาร Product Mix ได้ดีขึ้น คาดกำไรทั้งปี 2018 +26% Y-Y อยู่ที่ 2,022 ลบ. และ +22% Y-Y อยู่ที่ 2,465 ลบ. ในปี 2019
NVDR ซื้อสวนในช่วงหุ้นตก 5 สัปดาห์ติดต่อกัน และราคาหุ้นยัง laggard กลุ่ม โดย 3 เดือนที่ผ่านมา -2% แต่กลุ่ม +4%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) SET ช่วงตรุษจีนจะเงียบเหงา ถ้าอิงสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา SET Index จะปรับตัวลงเล็กน้อยในช่วงตรุษจีน (สัปดาห์ตรุษจีน) เฉลี่ย 0.5% และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะลดลงราว 12% จากค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนตรุษจีน โดยกลุ่มที่มักปรับขึ้นได้ดีหลังตรุษจีน 5 วันทำการคือ ค้าปลีก +2% (CPALL BJC GLOBAL) การแพทย์ +1% (BDMS BCH) และขนส่ง +1% (AOT BEM) ซึ่งสอดคล้องกับธีมการลงทุนใน 1H19 ของเราที่เน้น Domestic Play และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง
(+) ทองคำอาจขึ้นหลังตรุษจีน ราคาขึ้นต่อเนื่องอีก 2% YTD จากแรงซื้อของธนาคารกลางที่ต้องการใช้ทองคำเป็นทุนสำรองแทนดอลล่าร์สหรัฐฯ เช่น รัสเซีย ตุรกี และจีน รวมถึงความต้องการเพื่อการลงทุนที่เริ่มกลับมา ตาม Dollar Index ที่พักตัวลง สำหรับช่วงตรุษจีน ถ้าอิงพฤติกรรมตอนราคา Sideway เหมือนปัจจุบัน ราคามักปรับตัวขึ้นหลังตรุษจีนไปแล้ว 1.5% ใน 15 วันทำการ (ด้วยความน่าจะเป็นที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 70%) เมื่อผนวกกับกับสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่เริ่มฟื้นกลับ ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขที่เอื้อต่อราคาทองคำโลกอย่างมาก เราจึงยังแนะนำให้มีทองคำในพอร์ต และถ้าไม่อยากถูกบั่นทอนผลตอบแทนจากบาทแข็ง แนะนำให้ใช้เครื่องมือทางการเงินอย่าง Gold Online กรอบระยะสั้น $1,290-1,350/Oz
(0) รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รฟท.นัดเจรจากลุ่ม CP รอบ 3 วันที่ 7 ก.พ.นี้ เป็นการเจรจาในกลุ่มงานที่ 2 คือ กลุ่มที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของภาครัฐ จากทั้งหมด 3 กลุ่มงาน หากการเจรจาวันที่ 7 ก.พ. ยังไม่ได้ข้อยุติในกลุ่มงานที่ 2 ก็จะเจรจาต่อในวันที่ 8 ก.พ. และจะนำผลการเจรจามารายงานให้คณะกรรมการคัดเลือกฯประเมินว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ โดยรฟท.ยืนยันว่าการเจรจาได้ข้อยุติช่วงกลางเดือนก.พ. จากนั้นนำส่งไปยังคณะกรรมการ EEC คาดเสนอครม.ภายในเดือนก.พ. และเซ็นสัญญาเดือนมี.ค. ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นเป็นระยะ จะเป็นบวกกับ CK และ ITD ในฐานะผู้รัเหมาหลัก รวมถึง BAFS ที่ไม่ว่าใครจะชนะ ก็จะได้ประโยชน์จากบริการเติ่มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสนามบินอู่ตะเภา ส่วน BEM Upside ค่อนข้างจำกัด เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 11.70 บาท ให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัว
(+) QH เราคาดกำไรปกติ 4Q18 เป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี แตะ 1.1 พันลบ. (+20% Q-Q, +23% Y-Y) แต่หากรวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินเจริญนครราว 400 ลบ.ใน 3Q18 กำไรสุทธิจะลดลง 16% Q-Q ผลประกอบการที่โตดีมาจากการเริ่มโอนคอนโด Luxury อย่าง Q-Sukhumvit มูลค่า 1 หมื่นลบ. (ขายแล้ว 25%) หนุนให้ยอดโอนคาดอยู่ที่ 4.5 พันลบ. (+37% Q-Q, +19% Y-Y) กำไรปกติปี 2018 คาดจบที่ 3.7 พันลบ. (+35% Y-Y) และ Presales ทำได้ 1.24 หมื่นลบ. (-12% Y-Y) ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.70 บาม และคาดจ่ายปันผล 2H18 ราว 0.13 บ./หุ้น คิดเป็น Yield 4.3%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ก.พ. - สหรัฐฯ: ดุลการค้า (พ.ย.)
7 ก.พ. - ไทย: ผลประกอบการ ADVANC
- อังกฤษ: ประชุม BOE
8 ก.พ. - ไทย: ผลประกอบการ INTUCH, THCOM
11 ก.พ. - สหรัฐฯ: 4Q18 GDP, อัตราเงินเฟ้อ PCE
14 ก.พ. - จีน: ดุลการค้า (ม.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หนุนโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม เช่น หุ้น Boeing ที่ปรับตัวขึ้นทำ All-time high
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเล็กน้อย จากหุ้นในกลุ่มแบงค์ที่ปรับตัวลงจากความกังวลเรื่องผลประกอบการที่อาจออกมาต่ำกว่าคาด
(0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน โดยบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเงียบเหงา หลังตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคหยุดทำการเนื่องในวัน Lunar New Year
(0) ค่าเงินบาทยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง -0.70 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 54.56 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่อ่อนแอกว่าคาด
(-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง -2.80 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1319.30 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research