- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 February 2019 15:37
- Hits: 3028
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาการค้าไป ก.พ. ต่างประเทศช่วงสั้นยังบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +9.13 จุด ปิดที่ 1641.73 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 57.9 พันล้านบาท ถือว่าสอดคล้องตลาดหุ้นเพื่อนบ้านรับข่าวผลประชุมเฟดเป็นไปในทางบวก แต่มีการขายทำกำไรท้ายตลาด ลดความเสี่ยงผลจีนเจรจาการค้าที่สหรัฐที่จะออกมา เงินบาทแข็งค่ามาก มีเงินไหลเข้ามาตลาดหุ้น ผู้ซื้อสุทธิรายเดียวเป็น สถาบัน 6.8 พันลบ. ด้านผู้ขายสุทธิคือ รายย่อย 5.1 พันลบ. ต่างชาติ 1.3 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.4พันลบ. สรุปทั้งเดือน ม.ค.62 ต่างชาติซื้อสุทธิ 6.7 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET จะ Sideways ทางบวก แม้ดาวโจนส์ลง แต่แค่ขายทำกำไร เจรจาการค้าไม่มีผลชัดเจน มีก.พ.อีกรอบ โดยรวมจึงรับข่าวบวกผลประชุมเฟดต่อไป บาทแข็ง บอนยิลด์สหรัฐลด ดัชนีความกลัว (VIX) ลด ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน และดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้นได้
# ข่าวซีไอเอ็มขึ้นดอกเบี้ย เป็นบวกกลุ่มแบงค์ ส่วนธปท.ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ธ.ค.และปี 61 ขยายตัวต่อเนื่อง แม้การส่งออกชะลอโดยเฉพาะช่วงปลายปี แต่เป็นที่รับรู้อยู่แล้ว รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษต ส่วน กนง.ประชุม 6 ก.พ. คาดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากมีการรีบาวด์ต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1650-1660 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง รออ่อนตัว ด้านแนวตัดขาดทุนเป็น 1620 จุด ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6%ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT, BBL, CPALL, HANA, PTT และ WHA
# หุ้นเด่น PTT : ล่าสุดได้มีการปรับลดการใช้เงินลงทุน (Capex) สำหรับแผน 5 ปีจากเดิม 221 พันล้านบาท เป็น 167 พันล้านบาท เพราะลงทุนไปมากแล้วในปี 61 ช่วยลดภาระการลงทุน แต่ก็ยังมีแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งรองรับอยู่ ส่วนการเข้ามา Listed ของ PTTOR จะเป็นแรงกระตุ้นราคาหุ้น PTT ในอนาคตได้ เราชอบ PTT ที่มีธุรกิจมั่นคง กระจายความเสี่ยงดี และจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ คาดการณ์ Dividend Yield เฉลี่ยไว้ที่ประมาณ 4.1% ต่อปี ให้ราคาพื้นฐาน 60 บาท ด้วยวิธี Sum-of-parts ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 24%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวก แบบพร้อมเปลี่ยนเป็นลบตามมา {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ(แต่“ติด”แนวต้าน และยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบเริ่มให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1620” จุด}
หุ้นทีมีโอกาสทำ New High ทางเทคนิค ที่เข้ามาใหม่คือ MTC,CKP,UTP,GLOBAL หุ้นที่อยู่ใน List คือ JWD,CK,GLOW,ERW,AMATA หุ้นที่หลุด ListBH และหุ้นทีอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ TISCO,JMT,TRUE,BBL,UNIQ,HMPRO
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Trading Strategy : เดือนกุมภา : ประกาศกำไรปี 61 & เงินปันผล
In The News : กลุ่มเหล็ก : ผู้ประกอบการวอนรัฐต่ออายุเซฟการ์ดที่จะหมดอายุ 28 ก.พ.นี้
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : คาดยังไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance, ACAP-W2 รอด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/- สหรัฐ : เจรจาการค้าจีน-สหรัฐ ทรัมป์"ยืนยันเตรียมพบ"สี จิ้นผิง"เดือนหน้า หวังบรรลุข้อตกลงการค้า
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความวานนี้ ยืนยันว่า ตนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกันในเดือนหน้าเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนวานนี้ ก็เป็นไปด้วยดี
# ทรัมป์กล่าว จีนไม่ต้องการให้มีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า และคิดว่าจะเป็นการดีกว่าที่พวกเขาจะสามารถทำข้อตกลงได้ ซึ่งผมและพวกเขาจะพยายามทำข้อตกลงที่สมบูรณ์ โดยจะไม่ให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดค้างคาอยู่ แต่จะยังไม่มีการทำข้อตกลงขั้นสุดท้าย จนกว่าผมและท่านประธานาธิบดีสี จื้นผิง ซึ่งเป็นเพื่อนของผม จะพบกันในอนาคตอันใกล้ เพื่อหารือกัน และตกลงกันเกี่ยวกับประเด็นที่ยากกว่า และเกิดขึ้นมายาวนาน
+/- สหรัฐ: ติตตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร
# นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.จะเพิ่มขึ้น 168,000 ตำแหน่ง
+ สหรัฐ : ผลเฟดไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย และจะใช้มาตรการแบบระมัดระวัง
# คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด พร้อมระบุในแถลงการณ์ว่า เฟดจะใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป โดยจะจับตาภาวะเศรษฐกิจ
# ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ของเฟดได้ตัดข้อความ "เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป" ซึ่งเป็นถ้อยคำที่บ่งชี้ถึงการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเฟดได้ทดแทนด้วยข้อความที่ว่า "เฟดกำลังดำเนินแนวทางที่มีความระมัดระวังมากขึ้น" ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายเดิมที่เฟดใช้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
+ จีน: ดัชนีผู้จัดการผ่ายจัดซื้อ ภาคบริการและการผลิต ม.ค.62 ขยับขึ้นจาก ธ.ค.61
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค.ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ถึงผลลัพธ์ที่รัฐบาลจีนพยายามผลักดันเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนด้วยภาคบริการ ทั้งนี้ ดัชนี PMIภาคบริการเดือนม.ค.ของจีนอยู่ที่ระดับ 54.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.8 ในเดือนธ.ค. 2561
# ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค. อยู่ที่ระดับ 49.5 ขยับขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 49.4 ในเดือนธ.ค. 2561
+/- สหรัฐ: เฟดคาดหวังว่าวงเงินในงบดุลจะยังคงอยู่ในระดับสูง หลังจากที่เฟดเสร็จสิ้นการปรับลดงบดุล
# ในส่วนของการปรับลดงบดุลนั้น แถลงการณ์ระบุว่า เฟดพร้อมที่จะทำการพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการปรับลดการถือครองพันธบัตรในงบดุลของเฟด หากสภาวะเศรษฐกิจบ่งชี้ถึงความจำเป็นดังกล่าว โดยเฟดคาดหวังว่าวงเงินในงบดุลจะยังคงอยู่ในระดับสูง หลังจากที่เฟดเสร็จสิ้นการปรับลดงบดุล
# ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุว่า "เฟดเตรียมที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการปรับขนาดและองค์ประกอบในงบดุล ถ้าหากภาวะเศรษฐกิจในอนาคตทำให้เฟดมีความจำเป็นที่จะต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าการใช้เพียงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น"
-/+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง มีแรงขายทำกำไร แต่ S&P 500 และ Nasdaq ปรับขึ้นสวน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,999.67 จุด ลดลง 15.19 จุด หรือ -0.06% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,704.10 จุด เพิ่มขึ้น 23.05 จุด หรือ +0.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,281.74 จุด เพิ่มขึ้น 98.66 จุด หรือ +1.37%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า400 จุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดในแดนบวก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก และเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) รวมทั้งปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
-/+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง วิตกสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่ม แต่ เบรนท์ปรับขึ้นสวนทาง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 53.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 61.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตลอดทั้งเดือนม.ค. สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งกว่า 18%
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : เพิ่มขึ้น เพราะดอลลาร์อ่อนค่า และอุปสงค์เพิ่มขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่1,325.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงปัจจัยหนุนจากรายงานของสภาทองคำโลก (WGC) ซึ่งระบุว่า อุปสงค์ทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้นในปีที่แล้ว จากคำสั่งซื้อทองคำจำนวนมากของธนาคารกลางต่างๆ
• ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- ธปท. : เศรษฐกิจไทยเดือน ธ.ค.61 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือนธ.ค.61 ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย แม้ชะลอลงบ้าง แต่เป็นผลของฐานสูงเป็นสำคัญ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมและเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนนี้ขยายตัวดี ส่วนการส่งออกสินค้ากลับมาหดตัว ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายลงทุน
# การส่งออก ธ.ค.61 ลดลง 1.6% ทั้งปี 61 ขยายตัว 7.7% ส่วนการนำเข้าหดตัว 6.7% ส่วนทั้งปี 61 ขยายตัว 14.3%สำหรับดุลการค้า ธ.ค.61 เกินดุล 2,484 ล้านเหรียญสหรัฐ และทั้งปี 61 เกินดุล 23,623 ล้านเหรียญสหรัฐ
# ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศและราคาอาหารสดที่ลดลงสำหรับอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ
+/- 'ซีไอเอ็มบี'นำขึ้นดอกเบี้ยกู้ ประเดิมขยับ 'สินเชื่อบ้าน' 0.125% มีผลวันนี้
# "ซีไอเอ็มบีไทย" นำตลาดขึ้นดอกเบี้ยบ้าน หรือดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย ชั้นดี หรือ MRR 0.125% พร้อมขึ้นดอกเบี้ย เงินฝากประจำ 0.25% มีผล 1 ก.พ.นี้ อ้างต้นทุนการเงินพุ่ง หลังธปท.ขยับดอกเบี้ย จ่อขยับเรทรายใหญ่ ทั้ง MRR และMORตาม ชี้ลูกค้ากระทบน้อย ยืนเป้าสินเชื่อบ้านปีนี้ 2.8 หมื่นล้าน (กรุงเทพธุรกิจ)
# ผลกระทบ: เป็น sentiment ด้านบวกกับกลุ่มธนาคาร หากธนาคารอื่นจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม จากก่อนหน้าที่ขยับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากมาก่อน จะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ดีขึ้น หลักทรัพย์ที่แนะนำ ซื้อ คือ BBL และKBANK แต่เป็นลบกับกลุ่มที่อยู่อาศัย ที่ปี 62 จะได้รับผลกระทบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเกณฑ์สินเชื่อใหม่แบงค์ชาติ(LTV)
+ กนง. : จะมีประชุม 6 ก.พ.62 คาดว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้
# ฝ่ายวิจัยฯ DBSVTH เห็นว่าจากภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่เติบโตชะลอลง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลลบจากสงครามการค้า อีกทั้งการที่เฟดชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย จึงเป็นที่มาของคาดการณ์ว่า การประชุมรอบล่าสุดที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ก.พ.62 คาดว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ แต่รอดูสถานการณ์ต่อไปก่อน
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Trading Strategy
เดือนกุมภา : ประกาศกำไรปี 61 & เงินปันผล
• 1 เดือนแรกของปี 62 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นราว 5%YTD ปัจจัยหนุนมาจาก 1) การเติบโตของเศรษฐกิจไทยและการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวที่เริ่มเห็นตั้งแต่พ.ย.61, 2) การเลือกตั้งที่เลื่อนออกไปไม่มาก และกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจนแล้ว คือ 24 มี.ค.62, 3) การเก็งกำไรผลประกอบการบจ.และเงินปันผล, 4) สหรัฐไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนและเงินบาทแข็ง จึงมีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนไทย, 5) สหรัฐกับจีนหันหน้าเจรจาการค้ากันในเดือนม.ค.62 ส่วนปัจจัยที่กังวลอยู่บ้าง คือ ความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit, การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์การเมืองไทยหลังเลือกตั้ง
• ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมา, ซีเมนต์, พลังงาน, ขนส่ง ปรับขึ้นมากกว่า SET Index ส่วนราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารปรับขึ้นใกล้เคียงกับ SET ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นน้อยกว่า SET
• ปัจจัยต่างประเทศที่ติดตาม ประกอบด้วย 1) ราคาน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะรีบาวด์หลังกลุ่มโอเปกทยอยลดการผลิตลงตามแผนที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ด้วยอุปทานที่สูงทำให้การปรับขึ้นจะยังจำกัด อย่างไรก็ดี เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบ 1Q62 จะสูงกว่าระดับปิดสิ้นปี 61 ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานจะพลิกเป็นมีกำไรจากสต๊อกได้, 2) จีนอาจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม, 3) ค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าหลังเฟดส่งสัญญาณไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย, 4) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่อาจจะยังไม่จบแต่ก็มีความหวังว่าจะดีขึ้นกว่าช่วงก่อน และ5) Brexit มีโอกาสที่อังกฤษจะขอเจรจากับ EU เพื่อเลื่อนกำหนดวันออกจาก EU คือ 29 มี.ค.62 ออกไป
• ปัจจัยในประเทศ ได้แก่ 1) รายงานกำไรปี 61 และประกาศปันผลบจ., 2) การเลือกตั้งชัดเจน หนุนความเชื่อมั่นและทำให้เม็ดเงินในระบบสะพัดขึ้น, 3) เงินบาทแข็งค่า กระตุ้นให้มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนไทย และเป็นบวกต่อบริษัทนำเข้าสุทธิ & บริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศมากแต่มีรายได้รูปบาท, 4) ซื้อดักหุ้นที่จ่ายปันผลสูง ซึ่งกลุ่มเด่นเป็น สื่อสาร, พลังงาน, ที่พักอาศัย และ REITs
• ธีมการลงทุนและหุ้นเด่นเดือนก.พ.62 ซึ่งเราเลือกมาทั้งหมด 4 ธีม คือ
1. ธีมการเลือกตั้ง & การลงทุน - เราเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะยังเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC เพราะเป็น Key growth สำคัญของเศรษฐกิจไทย หุ้นเด่นเดือนก.พ.เป็น CK, WHA, BBL, HMPRO,GLOBAL
2. ธีมท่องเที่ยวฟื้นตัว - ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนกลับมาบวกในเดือนธ.ค.61 และมีโมเมนตัมดีต่อใน 1Q62 กลุ่มที่ได้ประโยชน์เป็นสนามบิน สายการบิน โรงแรม ค้าปลีก หุ้นเด่นเดือนนี้เป็น ERW, TKN
3. ธีมแนวโน้มกำไร 1Q62F - คาดกลุ่มพลังงานจะมีกำไรดีขึ้นใน 1Q62 เพราะราคาน้ำมันดิบรีบาวด์จากสิ้นปี 61ทำให้จะมีกำไรจากสต๊อก (จากขาดทุนสต๊อกใน 4Q61) อย่างไรก็ดี ค่ากลั่นใน 1Q62 ลดลงโดยเฉพาะค่าการกลั่นน้ำมันเบนซิน ดังนั้นหุ้นเด่นจึงเป็นกลุ่มผลิตและสำรวจฯ แนะนำซื้อเก็งกำไรจังหวะราคาอ่อนตัวใน PTTEP
4. ธีมปันผลสูง - หลังประกาศงบปี 61 บจ.จะประกาศปันผลด้วย ซึ่งหุ้นปันผลสูงที่น่าสนใจเป็น TISCO (Yield6% จ่ายปีละ 1 ครั้ง), ANAN (Yield 6.5% จ่ายปีละ 2 ครั้ง), QH (Yield 6.5% จ่ายปีละ 2 ครั้ง), HANA (Yield6% จ่ายปีละ 2 ครั้ง), HREIT (Yield 10% จ่ายปีละ 4 ครั้ง), WHART (Yield 6.5% จ่ายปีละ 4 ครั้ง)
• ปัจจัยเสี่ยง/ไม่แน่นอน ได้แก่ ราคาน้ำมันที่อ่อนแอกว่าคาด, ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนแย่กว่าที่ตลาดประเมินไว้, ปัญหาการเมืองโลก, NPL กลุ่มธนาคารปรับขึ้นเกินคาด, โครงการลงทุนขนาดใหญ่ล่าช้า และเม็ดเงินลงทุนเข้าตลาดเงินแทนตลาดหุ้น และแรงขาย Sell on fact
นักวิเคราะห์& กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]