ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปิดบวก 8.55 จุด (+0.53%) ปิดที่ 1,632 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.8 หมื่นล้านบาท โดยเป็นแรงซื้อกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นหลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ประกอบกับแรงซื้อดักงบปี 2018 รวมถึงแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ทรุดตัวลงแรงเมื่อปีก่อนส่งผลให้ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อย 22 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX 7,000 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 5,289 ล้านบาท

          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,640 - 1,645 จุด จากปัจจัยบวกภายนอกหลัง FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.25 - 2.5% และไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไปโดยจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นหลัก อีกทั้งจะพิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดการถือครองพันธบัตรในงบดุลของเฟดหากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุนทั่วโลก นอกจากนี้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเหนือ 54 US/Barrel หลังสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มน้อยกว่าคาดจะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานอีกด้วย สำหรับการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่ในวันที่ 30 - 31 ม.ค. คาดว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อนซึ่งเป็นบวกต่อภาวะตลาดด้วยเช่นกัน

  

กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy   

          - กลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, PTTGC, TOP) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเหนือ 54 US/Barrel 

          - กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 

          - STEC, AMATA, WHA, BEM ได้ประโยชน์ภาวะการเมืองปลดล็อคและวันเลือกตั้งที่ชัดเจน  

          - กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวน นทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน 

          - หุ้นแนะนำวันนี้:EA (ปิด 47 ซื้อ/เป้า 63) รับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. หนุนกำไรสุทธิ 1Q19 พุ่ง All time high ต่อเนื่อง, JMT (ปิด 12.1 ซื้อ/เป้า 14.2) คาดกำไรสุทธิ 4Q18 พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 141 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2%qoq และ 42%yoy ตามพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว,ORI (ปิด 7.3 ซื้อเก็งกำไร/เป้า 10) คาดงบ 4Q18 มีกำไรปกติ 985 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 54%qoq และ 45%yoy จากยอดขายและโอนคอนโดมิเนียมของโครงการ Park 24

          Top picks ปี 2019 :BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS 

          KSS report วันนี้ : IHL  (ปิด 8.1 ซื้อ/เป้า 11.8), PTTEP  (ปิด 121 ถือ/เป้า 115),SCC  (ปิด 472 ปรับลดเป็นถือ/เป้า 480)

 

          (+) เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ตามคาด พร้อมส่งสัญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ย คาดหวัง Fund Flow ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย : เฟดมีมติเป็นเอกฉันฑ์ 10:0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.5% ตามที่ตลาดคาด และส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ย สะท้อนผ่านการตัดข้อความ "เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป" เป็น "เฟดจะใช้ความอดทนและระมัดระวังในการขึ้นดอกเบี้ย" ขณะเดียวกันเฟดยังส่งสัญญาณพร้อมที่จะเปลี่ยนแนวทางในการปรับลดขนาดงบดุล หากมีความจำเป็น ส่งผลให้ตลาดตอบรับในทางบวกโดยดาวโจนส์บวกแรงกว่า 435 จุด (+1.77%) ปิดที่ 25,015 จุด ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตอบรับในเชิงลบโดย Dollar index ลดลงจาก 95.8 เป็น 95.35 คาดช่วยผลักดันให้ Fund Flow ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้าตลาดเกิดหุ้นเกิดใหม่รวมถึงตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเช้านี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 31.25 บาท/ดอลลาร์เทียบกับช่วงต้นปีอยู่ที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap นำโดย พลังงาน, ธนาคาร และสื่อสาร

          (+) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน - ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ลุ้นขึ้นยืนเหนือระดับ 55$/bbl เพื่อสร้างจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ (+1.7%) ปิดที่ 54.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ปัจจัยบวกยังเป็นเรื่องเดิม ตลาดยังตอบรับข่าวสหรัฐคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลา และได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 9 แสนบาร์เรลน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและปิโตรฯเนื่องจากในช่วงก่อนหน้าราคาหุ้นของกลุ่มลดลงอย่างมากเนื่องจากกังวลถึงผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วง 4Q18 ดังนั้นหากราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวและขึ้นยืนเหนือระดับ 55-60$/ bbl ได้จะทำให้ตลาดคาดหวังเชิงบวกถึงผลประกอบการที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งใน 1Q19 อาจจะทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในช่วงสั้นเข้ามาหนุนราคาหุ้นได้โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาลดลงแรงในช่วงก่อนหน้า อาทิ PTTGC, IVL และหุ้น Top pick ของกลุ่มอาทิ TOP

          (+/-) คืนนี้ติดตามผลการประชุมเจรจายุติข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน คาดหวังผลประชุมออกมาในทางบวก เพื่อลดความตึงเครียดก่อนถึงกำหนดเส้นตาย 1 มี.ค.19 : การประชุมวันนี้จะเข้มงวดและตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากเป็นการประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ ต่างจากครั้งแรกที่เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามเรายังคาดหวังเชิงบวกว่าการประชุมจะได้แนวทางร่วมที่ดีของสองประเทศในการยุติข้อพิพาททางการค้า ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 มี.ค. นั่นคือสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ