- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 September 2014 16:06
- Hits: 1894
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ยังคงให้ถือต่อ/เลือกซื้อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1580”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SVI (จากซื้อเป็นถือ)
สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว และปิดทรงตัวที่ 1590.13 จุด การซื้อขายชะลอตัวต่ำกว่าปกติเล็กน้อย ทั้งนี้
นักลงทุนรอดูปัจจัยใหม่ๆ ที่จะชี้นำทิศทางตลาดในระยะต่อไป ขณะเดียวกัน Valuation ที่สูงทำให้มีการแบ่งขายทำกำไรสลับออกมา นักลงทุนต่างชาติ& สถาบันในประเทศ & พอร์ตบล.ยังคงซื้อสุทธิ สำหรับวันนี้ตลาดยังอยู่ในช่วงแกว่งตัว โดยตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนและสหรัฐออกมาแล้ว พบว่ามีน้ำหนักค่อนไปทาง Neutral (ของสหรัฐทรงตัวสูง ขณะที่ของจีนขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยและสูงกว่า 50 จุดไม่มาก) เราเห็นว่าปัจจัยผลักดันตลาดหุ้นไทยยังเป็นเรื่องของการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/57 และแนวโน้มในปี 58 ของบริษัทจดทะเบียน โดยนักลงทุนให้ความสนใจหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระวังอย่างมาก คือ Valuation ในหุ้นเล็กหลายตัวนั้นสูงมาก ถ้าหากผลประกอบการไม่สามารถพลิกฟื้นหรือเติบโตได้ตามที่เป็นข่าวหรือคาดการณ์ไว้ ราคาหุ้นก็มีสิทธิจะลงแรงได้ ส่วนหลักทรัพย์พื้นฐานที่เราแนะนำลงทุนในวันนี้เป็น TUF ซึ่งมองว่าแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านั้นแข็งแกร่ง โดยจะมีการเติบโตทั้งจากภายในและจากการเข้าซื้อกิจการ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน FundamentalPick หน้า 2)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1580 จุดควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550+/- จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1590-1600 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New Highเมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ OFM, CPF, BTS, SCC, KTC, KKP, VIH, IRCP, MIDA, STPI, GEL, KAMART (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit (สำหรับการลงทุนรอบสั้น) คือ TGPRO, INTUCH, SOLAR
Fundamental Pick
TUF แนะนำซื้อราคาปิด 71.75 บาท เป้าหมาย 84 บาท
* 2 ดีลที่เพิ่งเข้าซื้อเพิ่มยอดขายในปี 58 เท่ากับ 7-8% ทั้งนี้ในช่วงเดือนก.ย.57 ที่ผ่านมาบริษัทประกาศเข้าซื้อหุ้นคิง ออสการ์ เอเอส 100% ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจปลาซาร์ดีนบรรจุกระป๋อง และเข้าซื้อหุ้นมอร์อไลอันซ์ ของฝรั่งเศส 100% ซึ่งเป็นผู้ผลิตแซลมอนรมควันอันดับ 4ของยุโรป โดยผู้บริหารกล่าวว่าธุรกิจปลาซาร์ดีนที่เข้าซื้อให้อัตรากำไรที่ดี เพราะเป็นสินค้าพรีเมี่ยมและมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งติด 1 ใน 10 ของโลก
* มี Potential ที่จะเติบโตได้อย่างมีคุณภาพในระยะยาว โดยมาจาก 1) การที่ยอดขายเพิ่มขึ้น, 2) อัตรากำไรขั้นต้นที่ดี และผันผวนน้อยลง, 3) การกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดี ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และที่ตั้งของโรงงานและฐานลูกค้าที่กระจายไปทั่วโลก บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากภายใน 10% และจากการเข้าซื้อกิจการ 15% ในปี 58 ซึ่งทำให้ยอดขายจะเพิ่มก้าวกระโดด 25% เป็น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
* คาดการณ์กำไรสุทธิปี 57-58 เติบโตก้าวกระโดด 68% และ 21% ตามลำดับ สำหรับไตรมาส 3/57 คาดว่ากำไรสุทธิจะแข็งแกร่ง เพราะเป็น High season ของการส่งออกและธุรกิจกุ้งกดดันน้อยลง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 84 บาท
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : PMI ภาคการผลิตก.ย.ทรงตัวในระดับสูง (57.9 จุด)
* มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐทรงตัวอยู่ที่ 57.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 4 ปี ในขณะที่การจ้างงานในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
• จีน : PMI ภาคการผลิตก.ย.เพิ่มเล็กน้อย
* เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จาก 50.2 ในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนียังอยู่เหนือระดับ 50 ไม่มากบ่งชี้ถึงการเติบโตที่ยังเปราะบาง
- การเมืองต่างประเทศ : สหรัฐ & พันธมิตรเข้าโจมตีกลุ่ม IS ในซีเรีย
* สถานการณ์การเมืองระหว่างสหรัฐ & พันธมิตรชาติอาหรับกับกลุ่ม IS ในซีเรียตึงเครียดขึ้นโดยมีรายงานว่ากองกำลังทหารของสหรัฐและชาติพันธมิตรอาหรับเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกลุ่ม IS ในซีเรีย ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งแรกต่อกลุ่มดังกล่าวนับตั้งแต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้ประกาศในเดือนก.ย.นี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเพิ่มการโจมตีต่อเป้าหมายในอิรัก
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ร่วงแรง ทั้งจากกังวลปัญหาการเมืองต่างประเทศ & ปรับเรื่องภาษีในการทำ M&A ภายนอกประเทศ
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,055.87 จุด ร่วงลง 116.81 จุด หรือ -0.68% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,508.69 จุด ลดลง 19.00 จุด หรือ -0.42% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,982.77 จุดลดลง 11.52 จุด หรือ -0.58% ตลาดกลับมากังวลเรื่องการเมืองระหว่างสหรัฐกับชาติอาหรับรวมทั้งยังมีแรงกดดันจากข่าวที่ว่าธุรกรรมการซื้อกิจการในต่างประเทศของบริษัทสหรัฐนั้น อาจเผชิญกับความยุ่งยากมาขึ้น หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐได้ออกกฎระเบียบใหม่เพื่อจัดการกับการหลีกเลี่ยงภาษี
• สัญญาน้ำมันดิบ : แกว่งขึ้นแต่ยังไม่แข็งแกร่งนัก
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ ปิดที่ 91.56 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่96.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI คือ ข่าวกองกำลังทหารของสหรัฐและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกลุ่ม IS ในซีเรีย แต่การที่บ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของลิเบียจะกลับมาผลิตอีกครั้งเร็วๆ นี้จำกัดการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน
• สัญญาทองคำ COMEX : ขยับขึ้นต่ออีกเล็กน้อย
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.1ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,222 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยปัญหาการเมืองต่างประเทศที่คุกกรุ่นขึ้นผนวกกับราคาทองปรับลดลงมามาก ทำให้นักลงทุนกลับเข้าไปซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยในประเทศ
+ เร่งให้มีการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ
* ครม. ไฟเขียวมาตรการเร่งเบิกจ่ายลงทุนภาครัฐ คาดไตรมาส 4/57 จะเบิกจ่ายงบประมาณได้2.6 แสนล้านบาท พร้อมไฟเขียวงบลงทุนรัฐวิสาหกิจเพิ่มจากปีก่อน 14% โดยให้รายงานทุก 3เดือน ขณะสคร.ทำบัญชีรายชื่อโครงการ ปรับกฎเกณฑ์เพื่อดึงภาคเอกชนร่วมลงทุนเพิ่มขึ้น
+ 30 ก.ย.57 คมนาคมประชุมเรื่องประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
* รมว.คมนาคมให้เปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต วงเงินลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท โดยจะประชุม 30 ก.ย.นี้ สำหรับผู้รับเหมาที่คาดว่าจะเข้าร่วมประมูลเป็น 4 รายหลักได้แก่ CK, STEC, ITD, UNIQ เป็นต้น โดยจะมีการเร่งเวนคืนที่ดิน และรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธิน
+ INTUCH : ร่วมทุนกับกันตนาผลิตรายการป้อนทีวีดิจิตอล คาดออนแอร์ปี 58...แนวโน้มธุรกิจของ ADVANC & THCOMเติบโตดี จุดเด่นคือ จ่ายปันผลสูง และมีสภาพคล่องในการซื้อขายดี แนะนำซื้อINTUCH ราคาพื้นฐาน 90 บาท
* INTUCH เปิดธุรกิจใหม่ โดยร่วมทุนกับผู้นำด้านคอนเทนท์ คือ กันตนา กรุ๊ป เพื่อรุกธุรกิจผลิตรายการป้อนทีวีดิจิทัล โดยเป็นการถือหุ้นฝ่ายละ 50% ในกิจการร่วมค้า เบื้องต้นจะลงทุนฝ่ายละ 20 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มออกอากาศรายการใหม่ในปี 58 ซึ่งการร่วมทุนครั้งนี้เป็นการผนึกจุดแข็งของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน โดยกันตนามีจุดแข็งด้านคอนเทนท์ ขณะที่INTUCH มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโลยี
* แนวโน้มธุรกิจของหลักทรัพย์หลักในพอร์ตโฮลดิ้งของบริษัทแข็งแกร่ง โดย ADVANC(แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 232 บาท) มีแนวโน้มธุรกิจฟื้นตัวด้วยปัจจัยต่างๆ ได้แก่ 1)ภาพรวมเศรษฐกิจไทยดีขึ้น เอื้อต่อการใช้บริการที่เพิ่มในต่างจังหวัดซึ่งเป็นตลาดหลักของADVANC, 2) บริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัดส่วนค่าใช้จ่ายการตลาดต่อรายได้บริการลดต่ำลง, 3) เพิ่มสัดส่วนลูกค้าที่เป็น 3G ให้มากขึ้นเป็น 80% เทียบกับ 1Q57 ที่ 62%(ซึ่งมีข้อดี คือ ต้นทุนดำเนินธุรกิจ 3G ต่ำกว่า 2G) และ 4) การประมูล 4G ที่ถูกเลื่อนไปปี 58และอาจล่าช้า แต่ ADVANC มีแผนสอง คือ การใช้ Small-cells และ Base-station จากทศท.ที่เป็น Bandwidth 2.1 GHz โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม สำหรับ THCOM (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 42.50 บาท) ในปัจจุบันสามารถครอบคลุมผู้ชมถึง 16 ล้านราย หรือคิดเป็น 70% ของจำนวนครัวเรือนของไทย เราคาดว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไรระหว่างปี 57-61 จะแข็งแกร่งด้วย 1) ความสามารถในการให้บริการที่เพิ่มขึ้นจากดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 (ใน1H59), 2) เป้าหมายอัตราการใช้บริการดาวเทียม IPSTAR เป็น 80% ภายใน 3Q59 จาก 54%ใน 2Q57 และ 3) การประหยัดต้นทุนที่ต้องจ่ายให้กับทางการ คือ ไทยคม 7 เป็น 5.2% เทียบกับดาวเทียมดวงก่อนๆที่ 20.5%
* แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 90.00 บาท จุดเด่นของ INTUCH คือ เป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายดี และจ่ายปันผลสูง คาดว่าในปีนี้จะจ่าย 4.90 บาท และปี 58 เพิ่มเป็น 5.60บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่จูงใจที่ประมาณ 6.5% และ 7% ตามลำดับ นอกจากนั้นราคาหุ้นซื้อขายที่ส่วนลดจาก NAV ราว 18%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]