- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 January 2019 15:39
- Hits: 2648
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562
ดัชนีหุ้นไทยยังคงผันผวน และติดแนวต้าน 1635 จุด โดยยังมีแรงหนุนของ Fund flow ตราบที่สหรัฐชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามปัญหาการเจรจาการค้าที่อาจจะสะดุด หลังจากสหรัฐดำเนินคดีกับผู้บริหารหัวเว่ย ที่ถูกกล่าวหาว่าค้าขายกับอิหร่าน ซึ่งสหรัฐเพิ่งประกาศคว่ำบาตรทางการค้า กลยุทธ์ให้เลือกหุ้นปันผล โดยให้ทยอยสะสม ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD 1 เดือน เลือก QH([email protected]) เป็น Top pick และยังชื่นชอบ BJC (FV@B61), KBANK (FV@B246) และ STEC ([email protected])
SET Index 1,624.05
เปลี่ยนแปลง (จุด) -0.98
มูลค่าการซื้อขาย (ล้านบาท) 51,720
ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย … SET Index แกว่งตัวในกรอบ
วานนี้ SET Index แกว่งตัวออกข้างตลอดวัน และปิดที่ระดับ 1624.05 จุด ลดลงเล็กน้อย 0.98 จุด (-0.06%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.15 หมื่นล้านบาท แม้ปัจจัยกดดันจากภายนอกจะดูผ่อนคลายไปบ้าง แต่ราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงแรงเกือบ 3% ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงาน PTT PTTEP ปรับตัวลดลง 1.5% และ 2.5% ตามลำดับ ส่วนหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ ของตลาดทั้ง CPALL SCC ADVANC ยังประคองตลาดฯ ส่วนรายหุ้น DTAC แม้เผชิญผลขาดทุน 4.9 พันล้านบาท จากบันทึกรายจ่ายยุติข้อพิพาทกับ CAT แต่ราคาหุ้นปิดตลาด +8.1% ซึ่งคาดหวังการกลับมา Turnaround จากต้นทุนที่ลดลง
คาดดัชนีหุ้นไทยวันนี้อาจจะฟื้นตัวอีกครั้ง แต่มีกรอบแนวต้าน 1625-1630 จุด โดยตลาดกังวลต่อการเจรจการค้า จีน-สหรัฐ 30-31 ม.ค. นี้ อาจจะไม่เป็นไปตามกรอบ เพราะอาจจะมีประเด็นของการจัดกุมและ ดำเนินคดีกับผู้บริหารหัวเว่ย ซึ่งถูกกล่าวหาว่าค้าขายกับอิหร่าน ซึ่งถูกคว่ำบาตรทางการค้าในขณะนี้ แต่เชื่อว่าปัจจัยหนุนในประเทศ จากความคืบหน้า การเลือกในประเทศยังคงหนุน Fund flow และ หลังประกาศผลการดำเนินงาน 4Q61 จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD เป็นจังหวะสะสมหุ้นปันผล ก่อนขึ้น XD ราว 1-2 เดือน เริ่มจาก PTTEP, PTT, SAT, MAJOR, QH เป็นต้น (ติดตามอ่านรายละเอียด กลยุทธ์ Dividend Play เมื่อ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา หรือชมผ่าน ASP FB Live, Youtube หัวข้อ Dividend Play ในวันเดียวกัน
คาด Fed น่าจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ กดดันดอลลาร์อ่อนค่า
ตลาดยังให้น้ำหนักการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ในช่วง 30-31 ม.ค. ที่ Washington, D.C ( ฝั่งสหรัฐ มีผู้ร่วมประชุมคือ ประธานาธิบดีทรัมป์, รัฐมนตรีคลัง สตีเวน มนูชินและผู้แทนการค้า(USTR) โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ส่วนจีน มีรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ) ยังเชื่อว่าการพูดคุยยังเดินหน้าดังที่กล่าวไว้วานนี้ กล่าวคือ ยังคงมีท่าทีประนีประนอมกันจนกว่าจะถึงการประชุมรอบสำคัญคือ 1 มี.ค. 2562
แม้ระยะสั้นอาจจะมีประเด็นที่อาจทำให้การเจรจาไม่ราบรื่น หลังข่าวการจับกุมนาง Meng Wanzhou ซึ่งเป็น CFO ของ Huawei ซึ่งบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ที่แคนาดาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2561 และล่าสุดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐตั้งข้อหาทำผิดคดีอาญา อาทิ ทำการค้าขายกับอิหร่านซึ่งละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของต่ออิหร่านของสหรัฐ, ขโมยเทคโนโลยีจาก T-mobile ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมของสหรัฐ แม้เชื่อว่าปัญหาการจับกุมน่าจะคนละประเด็นกับการเจรจาการค้า
ขณะที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการประชุม Fed ระหว่าง 29-30 ม.ค. (รู้ผลราวตี 2 ตามเวลาไทย) ซึ่งตลาดคาด Fed จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5%ตามเดิม และแนวโน้มในปีนี้มีโอกาสที่จะขึ้นได้น้อยกว่าที่คาดไว้ 2 ครั้ง และมีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยใน 2H62 ทั้งนี้ขึ้นกับอัตราเงินเฟ้อ ล่าสุด ชะลอลงอยู่ที่ 1.9% จาก 2.2% ในเดือน พ.ย. และเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอตัว ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบของสงครามการค้า สะท้อนจากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสำคัญๆ บางประการ อาทิ PMI ภาคการผลิตทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี การขึ้นดอกเบี้ยที่น้อยกว่าคาดมีส่วนกดดันให้ Dollar Index แกว่งตัวในทิศทางอ่อนค่า หนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ น้ำมัน
ราคาน้ำมันผันผวน ปัญหา Supply หักล้างปัญหาจีน-สหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวช่วงสั้น จากฝั่ง Supply ที่อาจจะลดลงในเวเนซุเอลา(ผลิตน้ำมันใหญ่เป็นอันดับ 8 ของกลุ่ม OPEC ราว 1.44 ล้านบาร์เรล/วัน หรือราว 3.74%ของกำลังการผลิตทั้งหมด) ซึ่งเผชิญปัญหาการเมืองในประเทศ หลังจากสหรัฐสนับสนุนนาย ฮวน กุยโด ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เป็นประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลา ทำให้ นาย นิโคลัส มาดูโร (ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาคนปัจจุบัน) ประกาศตัดความสัมพันธ์กับสหรัฐ ด้วยการขับไล่ทูตสหรัฐ ส่งผลให้เมื่อวานนี้ สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท PDVSA ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา โดยการคว่ำบาตรดังกล่าวจะทำให้ PDVSA ถูกยึดทรัพย์สินมูลค่า 7 พันล้านเหรียญ และตลาดคาดจะทำให้ PDVSA สูญเสียยอดขายราว 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์
ปัจจัยด้าน supply อาจจะเป็นตัวถ่วงความกังวลต่อการเจรจการค้า จีนสหรัฐ ที่นำไปสู่ ความต้องการใช้น้ำมันโลกที่ชะลอ ซึ่งทำให้ ราคาน้ำมันดิบยังแกว่งตัวที่ 60.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล แม้ต่ำกว่าสมมติฐานของ ASPS ที่กำหนดไว้ 65 เหรียญ ในปี 2562 แต่คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ 60 เหรียญฯ ในช่วงที่เหลือ (และกำหนด 70 เหรียญฯ นับจากปี 2563 เป็นต้นไป) ราคาหุ้น PTTEP(FV@B168) และ PTT(FV@B56)
Terminal 2 มีโอกาสเลื่อนจากแผน 2 ปี กระทบมูลค่าหุ้น AOT 0.5 บาท
ปัญหาความล่าช้าการขยายสนามบินสุวรรณภูมิยังไม่ได้ข้อสรุป โดยเฉพาะในส่วนของเทอร์มินอล 2 ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคน ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมจากอาคารปัจจุบัน (PHASE I) ที่ให้บริการผู้โดยสารเต็มที่ 45 ล้านคน และส่วนต่อขยาย Satellite Terminal (รองรับได้ 15 ล้านคน) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดจะเปิดบริการราวปี 2564
เป็นปัญหาที่ล่าช้าเกิดจาก แบบก่อสร้างเทอร์มินอล 2 ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่ง ทำให้การก่อสร้างจะล่าช้ากว่าสมมติฐานฝ่ายวิจัยซึ่งกำหนดเริ่มปี 2561 และแล้วเสร็จปี 2564 อย่างน้อย 1-2 ปี ซึ่งผลกระทบต่อ AOT มี 2 ประเด็นคือ
1. ปัญหาความหนาแน่นสนามบิน และ
2. การต่อยอดรายได้พื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งเดิม AOT มีแผนเปิดประมูลใหม่ ในส่วนอาคารเดิม ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัปทาน ก.ย. 63 พร้อมกับพื้นที่ 2 อาคารใหม่ดังกล่าวข้างต้น แต่ความล่าช้าส่งผลให้ AOT กำลังทบทวนแผนและมีแนวโน้มออก TOR ที่ไม่รวมพื้นที่เทอร์มินอล 2
ขณะที่ สมมติฐานฝ่ายวิจัยกำหนด AOT รับรู้รายได้จากทั้ง 2 อาคารตั้งแต่ปี 2564
ดังนั้น การรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์พื้นที่ใหม่ จึงน่าจะมีแนวโน้มช้ากว่าฝ่ายวิจัยคาด โดยการเลื่อนรับรู้รายได้เทอร์มินอล 2 ทุกๆ 1 ปี ประเมินจะกระทบรายได้ต่ำกว่าประมาณการปีละ 3.0 พันล้านบาท (3.9% ของรายได้ปี 2564) และกำไรปีละ 2.3 พันล้านบาท (7.2% ของกำไรปี 2564) และกระทบมูลค่าพื้นฐาน 0.5 บาท ส่งผลให้ความเสี่ยงการเติบโตเด่นในอนาคตมีแนวโน้มต่ำลง ประกอบกับราคาปัจจุบันที่เต็มมูลค่าแล้ว ยังให้ Switch ไป ERW(FV@B9)
ต่างชาติยังซื้อหุ้นไทย พร้อมกับ Long สัญญา SET50 Futures
วานนี้ต่างชาติยังซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 11 ด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 205 ล้านเหรียญ และเป็นการซื้อสุทธิเกือบทุกประเทศ ยกเว้นตลาดหุ้นไต้หวันเพียงแห่งเดียวที่ถูกสลับมาขายสุทธิ 40 ล้านเหรียญ ส่วนตลาดหุ้นที่เหลืออีก 4 ประเทศถูกซื้อสุทธิ คือ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ถูกซื้อสุทธิ 146 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4) ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 43 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิ 2 วัน), ฟิลิปปินส์ 15 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9) และไทยที่ต่างชาติยังเดินหน้าซื้อสุทธิหุ้นไทย 41 ล้านเหรียญ หรือ 1.29 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4) พร้อมกับเปิดสถานะ Long SET50 Futures 3 วันติดต่อกันกว่า 7318 สัญญา ต่างกับสถาบันในประเทศที่สลับมาขายสุทธิสูงถึง 3.98 พันล้านบาท กดดัน SET Index ย่อตัวเล็กน้อย 0.98 จุด
ข้อมูลแสดงเงินทุนต่างชาติไหลเข้าออกรายเดือนของแต่ละประเทศในภูมิภาค
ภรณี ทองเย็น
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
โยธิน ภูคงนิล
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
เจิดจรัส แก้วเกื้อ
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร
ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์