- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 January 2019 15:03
- Hits: 2961
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ติดตามผลประชุมเฟด และเจรจาการค้าจีนเยือนสหรัฐ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -0.98 จุด ปิดที่ 1624.05 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 51.7 พันล้านบาท ถือว่าสอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ปรับลง มีการรีบาว์ท้ายตลาดหลัง SET ทำยอดต่ำสุดของวันที่ 1616.45 จุด ดัชนีผันผวนเพราะยังรอดูผล BREXIT การประชุม Fed และจีนจะมาเจรจาการค้าที่สหรัฐปลายเดือน ม.ค.นี้ แต่ก่อนประชุมมีข่าวลบการกล่าวหาหัวเว่ยหลายข้อหา ผู้ซื้อสุทธิเป็น รายย่อย 1.8 พันลบ. ต่างชาติ 1.3 พันลบ.และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.9 พันลบ.ด้านผู้ขายสุทธิคือ สถาบัน 4.0 พันลบ.ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET จะ Sideways รอผลประชุมเฟดที่จะทราบวันนี้ คาดทรงอัตราดอกเบี้ย แต่รอดูการลดขนาดงบดุล การเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ แต่กล่าวหาหัวเว่ยก่อน เพื่ออาจไว้ต่อรอง ส่วน Brexit ตามคาด สภาโหวตไม่ผ่าน ปอนด์อ่อน ดอลลาร์จึงกลับมาแข็ง บาทอ่อนเล็กๆ
# ระยะสั้นข้อดีคือ ดาวโจนส์ ดาวโจนส์ล่วงหน้าและน้ำมันปรับขึ้นได้ แต่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเปิดมา Mix และดัชนีความกังวล (VIX) เพิ่ม
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากมีการรีบาวด์ต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง รออ่อนตัว ด้านแนวตัดขาดทุนเป็น 1605 ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น HREIT : ราคากองทรัสต์ฯเริ่มปรับขึ้นดี คาดว่าจะรับข่าวที่เราแนะนำว่าปีนี้ปันผลน่าประทับใจ อัตราผลตอบแทนปันผลเป็น 10.8% ที่สูงเพราะเป็นปีสุดท้ายที่รับประกันปันผลที่สูง ส่วนปี 63 ก็คาดว่าอัตราผลตอบแทนปันผลจะยังมากเป็น 7.9% จุดที่น่าสนใจคือปล่อยเช่าโกดังและคลังสินค้า ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขต EEC ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าในอนาคต และสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ทำให้มีโอกาสย้ายฐานการผลิตมายังไทยและมาใช้บริการเช่า รวมทั้งระยะเวลาการบริหารสินทรัพย์ยาวถึง 60 ปี แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานเป็น 8.05 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนเป็นลบเล็กๆ {“ปิดลบเล็กน้อย”เหนือ“SMA10วัน” (โดยถูกกดดันด้วย “โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบเริ่มให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 – 1640 (หรือ 1650) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1605” จุด}
หุ้นทีมีโอกาสทำ New High ทางเทคนิค ที่เข้ามาใหม่คือ BBL,UNIQ,AMATA,AOT,MEGA หุ้นที่อยู่ใน List คือ JWD,TISCO,GULF,SAT,CK,GLOW,ERW, JMT, TRUE, BH หุ้นที่หลุด List ไม่มี และหุ้นทีอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ PTG
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ERW (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.00)
Flash Note : BTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 11.00)
In The News : TMB & TCAP : สคร.จะนำโมเดลควบรวมเสนอรมว.คลังพิจารณาและให้คำแนะนำ
AOT : จำนวนผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเดือนต.ค.-ธ.ค.61 โต 2.8%YoY
HREIT : คาด Dividend Yield สูงมากในปี 61-62
Turnover List Watch : คาดว่ายังไม่มีหลักทรัพย์ใดเข้าเกณฑ์
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/- สงครามการค้า : จีนเริ่มเจรจากับสหรัฐวันนี้จนถึง 31 ม.ค.62 แต่กล่าวหาหัวเว่ยก่อน
# มีความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนจะเข้าเจรจากับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) พร้อมด้วยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ในวันที่ 30-31 ม.ค.โดยทั้งสองฝ่ายคาดหวังที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
# กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ตั้งข้อหากับผู้บริหารนางเมิ่ง หว่านโจวและบริษัทในเครือหัวเว่ย เทคโนโลยี่ 2 แห่ง ในข้อหากระทำความผิดทางฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐบังคับใช้ต่ออิหร่าน รวมการกระทำความผิดเกือบ 24 คดีด้วยกัน
+/- สหรัฐ: ทราบผลการประชุมเฟดวันนี้แล้ว
# นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และคาดว่าเฟดจะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการยุติการปรับลดการถือครองพันธบัตรในงบดุลของเฟด
-สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจดัชนีราคาบ้านและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอ่อนลง
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ได้เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่าดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนพ.ย. และชะลอตัวลงจากระดับ 5.3% ของเดือนต.ค. ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 120.2 ในเดือนม.ค. จากระดับ 128.1 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 124.9
-/• อังกฤษ: โหวตไม่ผ่านร่างข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่ของนายกฯวานนี้
# นักลงทุนจับตาสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังรัฐสภาอังกฤษโหวตร่างข้อตกลง Brexitฉบับใหม่ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ไม่ผ่านวานนี้
+/- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้น ตามผลประกอบการ แต่ S&P500, Nasdaq ปรับลง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,579.96 จุด เพิ่มขึ้น 51.74 จุด หรือ +0.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,640.00 จุด ลดลง 3.85 จุด หรือ -0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,028.29 จุด ลดลง 57.39 จุด หรือ -0.81%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัท 3M และไฟเซอร์ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P500 ต่างก็ปิดในแดนลบเนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงก่อนที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการ และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น รับข่าวสหรัฐแซงชั่นเวเนซูเอล่า
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 53.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 61.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ซึ่งจะทำให้เวเนซุเอลาไม่สามารถส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น วิตกการเมือง เน้นสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่1,308.90 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
• ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จากADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ เศรษฐกิจไทย : สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ธ.ค..61 ขยายตัว 0.75%, ทั้งปีโต 2.8% จาก 2.5% ในปี60
# สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนธ.ค. 61 อยู่ที่ 112.54ขยายตัว 0.75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดัชนี MPI ในปี 2561 ขยายตัว 2.8% จาก 2.5% ในปี 2560
# ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ธ.ค.61 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่การผลิตเติบโตได้ดี นอกจากนี้ ยังมีการผลิตน้ำตาลทราย ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และแผ่นวงจรโซดาและน้ำดื่มบรรจุขวด กระเป๋าเดินทางและกระเป๋าถือ ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาส 4/61 ขยายตัว2.43% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (Aspen)
+/- KBANK: ปรับตัวสอดรับกับโลกยุคดิจิทัล
# กสิกรไทยเล็งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน แนะภาคธนาคารปรับตัวสอดรับโลกยุคดิจิทัล เผยปี 62 รุกช่องทางดิจิทัล ขยายฐานลูกค้า คาดสิ้นปีมีรายได้จากการปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยโต 9-12% (Aspen)
# ผลกระทบ: สอดคล้องกับที่ธนาคารให้แนวทางไว้ ตั้ง 3 แนวทางหนุนการเติบโตปี 62 ประกอบด้วย 1) การขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าในระบบดิจิตอลซึ่งธนาคารเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนี้ , 2) การหารายได้เพิ่มจากลูกค้าที่มีอยู่ ทั้งที่เป็นรายได้ดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ย ทั้งนี้ปัจจุบันมีผู้กู้ในตลาดการเงินราว 31.3 ล้านราย เป็นลูกค้า KBANK เพียง 2.2 ล้านรายหรือ 6% ดังนั้นมีโอกาสที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นได้อีก โดยเฉพาะลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์และ 3) เพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ เช่น จากสาขาและตู้ ATM
# คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 270 บาท โดยอิงกับ Gordon growth model ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปี 62 ที่ 1.6 เท่า
+ การลงทุน: รองนายกฯ สมคิด นำบีโอไอโรดโชว์ญี่ปุ่น ดึงการลงทุน
# รองนายกฯ สมคิด นำทัพบีโอไอ เปิดทริปโรดโชว์แรกปี 62 เยือน 3 จังหวัดญี่ปุ่น เตรียมเปิดเวทีย้ำศักยภาพประเทศไทยและดึงอุตสาหกรรมเป้าหมาย รับปีแห่งการลงทุน (Aspen)
# ผลกระทบ: การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) เป็นอีกหนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปี 62 ที่มีแนวโน้มการเติบโตชะลอลงเทียบกับปี 61 หลังจากมีสงครามการค้าสหรัฐ-จีนหลักทรัพย์กลุ่มนิคมฯจึงได้รับความสนใจสูง อีกทั้งมีโอกาสทางธุรกิจคือ การย้ายฐานการผลิตมาไทย เพื่อลดภาษีนำเข้าไปสหรัฐ ด้านกลยุทธ์การลงทุนเห็นว่าระยะนี้ AMATA กลับมาน่าสนใจมากกว่า WHA เพราะมีส่วนเพิ่มจากราคาพื้นฐานที่ 25.00 บาทได้มากกว่าเป็น 10% ขณะที่ WHA มีส่วนเพิ่มจากราคาพื้นฐานที่ 4.72 บาทเป็น 8.8% พบว่าทั้งสองหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นดีในระยะนี้
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]